ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.คาดว่าปี 48 ไทยมีแนวโน้มขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสาเหตุจากปัจจัยราคาน้ำมัน ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 48 ว่า คงจะมีการขาดดุล แต่จะเป็นจำนวน
เท่าใดต้องมีการทบทวนอีกครั้ง หลังจากทราบตัวเลขฐานะดุลบัญชีในเดือน พ.ค.แล้ว โดยปัจจัยหลักที่มีผลต่อการ
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด คือ ปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ถึงแม้ภาครัฐจะมีการลอยตัวน้ำมันดีเซลแล้ว
ซึ่งช่วยลดการนำเข้าได้บ้างก็ตาม แต่เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดในขณะนี้ขาดดุลมากถึงประมาณ 3,000 ล.
ดอลลาร์ สรอ. จึงเชื่อว่าในปีนี้จะไม่สามารถกลับมาเกินดุลได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะสามารถรองรับการขาดดุล
บัญชีเดินสะพัดที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เนื่องจากคาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะดีขึ้นได้ในระยะต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ)
2. สินเชื่อบัตรเครดิตในเดือน เม.ย.48 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้
ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิตในเดือน เม.ย.อยู่
ที่ระดับ 19% ถือว่าเป็นอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.ต้องการเห็น เนื่องจากไม่ต้องการให้สินเชื่อบัตร
เครดิตขยายตัวในอัตราที่เร็วและสูงเกินไป สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อบัตรเครดิตใน
ขณะนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักและไม่น่าเป็นห่วง ส่วนอัตราการขยายตัวของสินเชื่อส่วนบุคคลขณะนี้ถือว่าเป็นการ
เติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากมีข่าวเกี่ยวกับการออกเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อส่วนบุคคลออกมาก่อนหน้านี้ ทำ
ให้ผู้ประกอบการสินเชื่อส่วนบุคคลปรับตัวในการดำเนินธุรกิจไปล่วงหน้าแล้ว นอกจากนี้ เอ็นพีแอลของสินเชื่อส่วน
บุคคลก็อยู่ในระดับเดียวกับสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งไม่สูงมากจึงไม่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ธปท.ว่า
สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. รายงานตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิตแยกตามประเภทบัตรเครดิต ณ สิ้น
เดือน เม.ย.48 ว่า มีจำนวนบัตรทั้งสิ้น 8,984,358 บัตร เป็นบัตรเครดิตที่ออกโดย ธพ.ไทย 3,331,013
บัตร สาขา ธพ.ต่างประเทศในไทย 1,003,307 บัตร และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน
(นอนแบงก์) 4,650,038 บัตร โดยมียอดคงค้างสินเชื่อจำนวน 122,180 ล.บาท ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายรวมมี
ทั้งสิ้น 47,174 ล.บาท แยกเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศ 33,616 ล.บาท ปริมาณการใช้จ่ายในต่าง
ประเทศ 2,691 ล.บาท และการเบิกเงินสดล่วงหน้า 10,866 ล.บาท (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ)
3. เศรษฐกิจไทยปี 48 แม้จะขยายตัวชะลอลงแต่ยังไม่น่าเป็นห่วง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง
นรม.และ รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปี 48 ชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับ 3.3% ไม่ถือเป็น
ระดับที่เลวร้ายเกินไป เนื่องจากการชะลอตัวเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สึนามิ ภัยแล้ง
ราคาน้ำมัน และไข้หวัดนก มีเพียงปัจจัยเดียวที่เป็นปัจจัยภายในประเทศคือ สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้
อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวในระดับดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับภาวะการขาด
ดุลการค้า ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้เศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่งและมีการผลิตก็ไม่ถือว่าเลวร้าย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การควบ
คุมดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อนึ่ง ก.พาณิชย์ รายงานอัตราเงินเฟ้อ
ล่าสุดเดือน พ.ค.48 ว่า เพิ่มขึ้น 3.7% ขณะที่อัตราเฉลี่ย 5 เดือนเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 3.2%
(กรุงเทพธุรกิจ 11)
4. แบงก์ไม่ปรับเป้าสินเชื่อเนื่องจากมีโครงการเมกะโปรเจ็กสนับสนุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.
กรุงเทพ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 48 นี้จะชะลอตัวจนหลายสถาบันได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตทาง
เศรษฐกิจลง แต่ในส่วนของธนาคาร ยังไม่จำเป็นต้องปรับลดเป้าหมายการขยายสินเชื่อในขณะนี้ และยังเชื่อว่าจะ
สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยภาคธุรกิจที่มีศักยภาพได้แก่ การอุปโภค-บริโภคในประเทศหรือภาค
อุตสาหกรรม และภาคการก่อสร้าง โดยเฉพาะภาครัฐจะมีโครงการลงทุนสาธารณูปโภค (เมกะโปรเจ็ก) จำนวน
มากในปีนี้จนถึงปี 51 ซึ่งเมื่อภาคการก่อสร้างขยายตัวก็จะช่วยให้ภาคธุรกิจอื่นๆ สามารถขยายตัวตามไปด้วย
(กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมในวันที่ 29-30 มิ.ย.48 นี้ รายงาน
จากวอชิงตัน เมื่อ 11 มิ.ย.48 Anthony Santomero ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินและมีสิทธิ
ออกเสียงเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของ สรอ.ใน
ขณะนี้ ว่ามีสาเหตุมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการสินค้ามีเพิ่มขึ้นและส่งผลให้แรงกดดันทาง
ด้านแข่งขันของผู้ผลิตลดลง จึงเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มราคาสินค้า นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากต้นทุนค่าแรง
ต่อหน่วยสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อประสิทธิภาพในการผลิตของคนงานเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุดแล้วก็ยังผลิตสินค้าไม่ทันต่อ
ความต้องการของผู้บริโภคทำให้ต้องมีการจ้างคนงานเพิ่มซึ่งยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าคนเก่าที่ชำนาญงานแล้ว นัก
วิเคราะห์จึงคาดกันว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมในวันที่ 29-30 มิ.ย.48 นี้เพื่อทำให้
อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เป็นกลางที่ทั้งไม่ขัดขวางและกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าระดับอัตราดอกเบี้ยที่
เป็นกลางควรอยู่ระหว่างร้อยละ 3 ถึง 5 ต่อปี โดย ธ.กลาง สรอ.ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 8 ครั้งนับตั้งแต่
เดือน มิ.ย.47 ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปีเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้นจาก
อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำมากในรอบสิบปี (รอยเตอร์)
2. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของยูโรโซนอยู่ในระดับที่เหมาะสมและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลง
รายงานจาก Stockholm เมื่อวันที่ 12 มิ.ย 48 นาย Lucas Papademos ประธานธ.กลางยุโรปเปิดเผยว่า
จากการที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มสดใส และระดับราคาค่อนข้างมีเสถียรภาพ ทำให้การ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของยูโรโซนเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ
2 โดยมีความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวเป็นระดับที่เหมาะสมซึ่งจะทำให้ ธ.กลางบรรลุเป้าหมายการ
ขยายตัวทางเศราฐกิจที่ตั้งไว้ได้ นอกจากนี้ยังคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ไปจนถึงปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างแข็ง
แกร่งแม้ว่าจะมีบางส่วนที่เป็นจุดอ่อนก็ตามเนื่องจากผลผลิตของยูโรโซนจะขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลังและจะขยายตัว
เพิ่มขึ้นต่อไปอีกจนถึงปีหน้า ทั้งนี้ 12 ชาติในเขตยูโรโซนตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวร้อยละ
1.3 จากปีที่แล้ว(รอยเตอร์)
3. จีดีพีที่แท้จริงของญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปี 48 ขยายตัวลดลงที่ร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 13 มิ.ย.48 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศที่แท้จริง (real GDP - ตัว
เลขหลังการปรับปัจจัยด้านราคาแล้ว) ในไตรมาสแรก ปี 48 ขยายตัวร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส ต่ำกว่าที่
รายงานเบื้องต้นก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.3 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวร้อย
ละ 1.4 และหากเทียบต่อปีขยายตัวร้อยละ 4.9 เทียบกับที่รายงานก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโตร้อยละ 5.3 และนัก
วิเคราะห์ประมาณการว่าเติบโตร้อยละ 5.6 สำหรับปีงบประมาณ 47/48 (ซึ่งสิ้นสุดในเดือน มี.ค.48) จีดีพีขยาย
ตัวร้อยละ 1.9 ต่ำกว่าที่รัฐบาลรายงานก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.1 ส่วน norminal GDP ในไตรมาส
1 ปี 48 ขยายตัวร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบต่อไตรมาส อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในไตร
มาสแรกนี้ แต่นักวิเคราะห์ก็ยังคงกังวลว่ากิจกรรมทางธุรกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในไตรมาส 2 นี้ (รอยเตอร์)
4. จีนยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติใน ธ.พาณิชย์ของจีน รายงานจากกรุงปักกิ่ง
ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.48 China Securities Journal นสพ.ด้านการเงินชั้นนำของจีน เปิดเผย
คำพูดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ China Banking Regulatory Commission (CBRC) ว่า รัฐบาลจีนยังไม่มีแผน
การใด ๆ ที่จะเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติใน ธ.พาณิชย์ของจีน โดยปัจจุบันจีนอนุมัติให้นักลงทุนต่างชาติ 1 ราย
สามารถถือหุ้นใน ธ.พาณิชย์ของจีนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 20 และการลงทุนของต่างชาติรวมกันใน ธ.พาณิชย์จีนต้อง
ไม่เกินร้อยละ 25 ทั้งนี้ รัฐบาลจีนเรียกร้องให้ ธ.พาณิชย์ของจีนใช้กลยุทธ์ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่สามารถ
ลงทุนและถ่ายทอดความรู้ เพื่อช่วยให้ภาคการธนาคารมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจีนได้พยายามทำให้ภาค
การธนาคารมีการแข่งขันกันมากขึ้นก่อนปลายปี 49 ที่จีนจะต้องเปิดให้ธนาคารต่างชาติเข้าถึงตลาดภายในประเทศ
มากขึ้นตามกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 13 มิ.ย. 48 10 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.661 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40. 4784/40.7605 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.5 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 679.98/15.98 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,100/8,200 8,100/8,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 47.94 49.29 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.54*/18.59** 22.54*/18.59** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 7 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.คาดว่าปี 48 ไทยมีแนวโน้มขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสาเหตุจากปัจจัยราคาน้ำมัน ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 48 ว่า คงจะมีการขาดดุล แต่จะเป็นจำนวน
เท่าใดต้องมีการทบทวนอีกครั้ง หลังจากทราบตัวเลขฐานะดุลบัญชีในเดือน พ.ค.แล้ว โดยปัจจัยหลักที่มีผลต่อการ
ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด คือ ปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ถึงแม้ภาครัฐจะมีการลอยตัวน้ำมันดีเซลแล้ว
ซึ่งช่วยลดการนำเข้าได้บ้างก็ตาม แต่เนื่องจากดุลบัญชีเดินสะพัดในขณะนี้ขาดดุลมากถึงประมาณ 3,000 ล.
ดอลลาร์ สรอ. จึงเชื่อว่าในปีนี้จะไม่สามารถกลับมาเกินดุลได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะสามารถรองรับการขาดดุล
บัญชีเดินสะพัดที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เนื่องจากคาดว่าภาคการท่องเที่ยวจะดีขึ้นได้ในระยะต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ)
2. สินเชื่อบัตรเครดิตในเดือน เม.ย.48 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้
ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อัตราการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิตในเดือน เม.ย.อยู่
ที่ระดับ 19% ถือว่าเป็นอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.ต้องการเห็น เนื่องจากไม่ต้องการให้สินเชื่อบัตร
เครดิตขยายตัวในอัตราที่เร็วและสูงเกินไป สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อบัตรเครดิตใน
ขณะนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักและไม่น่าเป็นห่วง ส่วนอัตราการขยายตัวของสินเชื่อส่วนบุคคลขณะนี้ถือว่าเป็นการ
เติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากมีข่าวเกี่ยวกับการออกเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อส่วนบุคคลออกมาก่อนหน้านี้ ทำ
ให้ผู้ประกอบการสินเชื่อส่วนบุคคลปรับตัวในการดำเนินธุรกิจไปล่วงหน้าแล้ว นอกจากนี้ เอ็นพีแอลของสินเชื่อส่วน
บุคคลก็อยู่ในระดับเดียวกับสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งไม่สูงมากจึงไม่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ธปท.ว่า
สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. รายงานตัวเลขการให้บริการบัตรเครดิตแยกตามประเภทบัตรเครดิต ณ สิ้น
เดือน เม.ย.48 ว่า มีจำนวนบัตรทั้งสิ้น 8,984,358 บัตร เป็นบัตรเครดิตที่ออกโดย ธพ.ไทย 3,331,013
บัตร สาขา ธพ.ต่างประเทศในไทย 1,003,307 บัตร และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน
(นอนแบงก์) 4,650,038 บัตร โดยมียอดคงค้างสินเชื่อจำนวน 122,180 ล.บาท ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายรวมมี
ทั้งสิ้น 47,174 ล.บาท แยกเป็นปริมาณการใช้จ่ายในประเทศ 33,616 ล.บาท ปริมาณการใช้จ่ายในต่าง
ประเทศ 2,691 ล.บาท และการเบิกเงินสดล่วงหน้า 10,866 ล.บาท (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ)
3. เศรษฐกิจไทยปี 48 แม้จะขยายตัวชะลอลงแต่ยังไม่น่าเป็นห่วง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง
นรม.และ รมว.คลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปี 48 ชะลอตัวลงมาอยู่ในระดับ 3.3% ไม่ถือเป็น
ระดับที่เลวร้ายเกินไป เนื่องจากการชะลอตัวเกิดจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สึนามิ ภัยแล้ง
ราคาน้ำมัน และไข้หวัดนก มีเพียงปัจจัยเดียวที่เป็นปัจจัยภายในประเทศคือ สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้
อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวในระดับดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับภาวะการขาด
ดุลการค้า ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้เศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่งและมีการผลิตก็ไม่ถือว่าเลวร้าย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ การควบ
คุมดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อนึ่ง ก.พาณิชย์ รายงานอัตราเงินเฟ้อ
ล่าสุดเดือน พ.ค.48 ว่า เพิ่มขึ้น 3.7% ขณะที่อัตราเฉลี่ย 5 เดือนเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 3.2%
(กรุงเทพธุรกิจ 11)
4. แบงก์ไม่ปรับเป้าสินเชื่อเนื่องจากมีโครงการเมกะโปรเจ็กสนับสนุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.
กรุงเทพ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 48 นี้จะชะลอตัวจนหลายสถาบันได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตทาง
เศรษฐกิจลง แต่ในส่วนของธนาคาร ยังไม่จำเป็นต้องปรับลดเป้าหมายการขยายสินเชื่อในขณะนี้ และยังเชื่อว่าจะ
สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยภาคธุรกิจที่มีศักยภาพได้แก่ การอุปโภค-บริโภคในประเทศหรือภาค
อุตสาหกรรม และภาคการก่อสร้าง โดยเฉพาะภาครัฐจะมีโครงการลงทุนสาธารณูปโภค (เมกะโปรเจ็ก) จำนวน
มากในปีนี้จนถึงปี 51 ซึ่งเมื่อภาคการก่อสร้างขยายตัวก็จะช่วยให้ภาคธุรกิจอื่นๆ สามารถขยายตัวตามไปด้วย
(กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมในวันที่ 29-30 มิ.ย.48 นี้ รายงาน
จากวอชิงตัน เมื่อ 11 มิ.ย.48 Anthony Santomero ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินและมีสิทธิ
ออกเสียงเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ. แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของ สรอ.ใน
ขณะนี้ ว่ามีสาเหตุมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการสินค้ามีเพิ่มขึ้นและส่งผลให้แรงกดดันทาง
ด้านแข่งขันของผู้ผลิตลดลง จึงเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสามารถเพิ่มราคาสินค้า นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากต้นทุนค่าแรง
ต่อหน่วยสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อประสิทธิภาพในการผลิตของคนงานเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุดแล้วก็ยังผลิตสินค้าไม่ทันต่อ
ความต้องการของผู้บริโภคทำให้ต้องมีการจ้างคนงานเพิ่มซึ่งยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าคนเก่าที่ชำนาญงานแล้ว นัก
วิเคราะห์จึงคาดกันว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมในวันที่ 29-30 มิ.ย.48 นี้เพื่อทำให้
อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เป็นกลางที่ทั้งไม่ขัดขวางและกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าระดับอัตราดอกเบี้ยที่
เป็นกลางควรอยู่ระหว่างร้อยละ 3 ถึง 5 ต่อปี โดย ธ.กลาง สรอ.ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 8 ครั้งนับตั้งแต่
เดือน มิ.ย.47 ทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปีเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้นจาก
อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำมากในรอบสิบปี (รอยเตอร์)
2. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของยูโรโซนอยู่ในระดับที่เหมาะสมและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลง
รายงานจาก Stockholm เมื่อวันที่ 12 มิ.ย 48 นาย Lucas Papademos ประธานธ.กลางยุโรปเปิดเผยว่า
จากการที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนมีแนวโน้มสดใส และระดับราคาค่อนข้างมีเสถียรภาพ ทำให้การ
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของยูโรโซนเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับร้อยละ
2 โดยมีความเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวเป็นระดับที่เหมาะสมซึ่งจะทำให้ ธ.กลางบรรลุเป้าหมายการ
ขยายตัวทางเศราฐกิจที่ตั้งไว้ได้ นอกจากนี้ยังคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ไปจนถึงปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างแข็ง
แกร่งแม้ว่าจะมีบางส่วนที่เป็นจุดอ่อนก็ตามเนื่องจากผลผลิตของยูโรโซนจะขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลังและจะขยายตัว
เพิ่มขึ้นต่อไปอีกจนถึงปีหน้า ทั้งนี้ 12 ชาติในเขตยูโรโซนตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวร้อยละ
1.3 จากปีที่แล้ว(รอยเตอร์)
3. จีดีพีที่แท้จริงของญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปี 48 ขยายตัวลดลงที่ร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส
รายงานจากโตเกียว เมื่อ 13 มิ.ย.48 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศที่แท้จริง (real GDP - ตัว
เลขหลังการปรับปัจจัยด้านราคาแล้ว) ในไตรมาสแรก ปี 48 ขยายตัวร้อยละ 1.2 เทียบต่อไตรมาส ต่ำกว่าที่
รายงานเบื้องต้นก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.3 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวร้อย
ละ 1.4 และหากเทียบต่อปีขยายตัวร้อยละ 4.9 เทียบกับที่รายงานก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโตร้อยละ 5.3 และนัก
วิเคราะห์ประมาณการว่าเติบโตร้อยละ 5.6 สำหรับปีงบประมาณ 47/48 (ซึ่งสิ้นสุดในเดือน มี.ค.48) จีดีพีขยาย
ตัวร้อยละ 1.9 ต่ำกว่าที่รัฐบาลรายงานก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.1 ส่วน norminal GDP ในไตรมาส
1 ปี 48 ขยายตัวร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบต่อไตรมาส อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขชี้วัดทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในไตร
มาสแรกนี้ แต่นักวิเคราะห์ก็ยังคงกังวลว่ากิจกรรมทางธุรกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในไตรมาส 2 นี้ (รอยเตอร์)
4. จีนยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติใน ธ.พาณิชย์ของจีน รายงานจากกรุงปักกิ่ง
ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.48 China Securities Journal นสพ.ด้านการเงินชั้นนำของจีน เปิดเผย
คำพูดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ China Banking Regulatory Commission (CBRC) ว่า รัฐบาลจีนยังไม่มีแผน
การใด ๆ ที่จะเพิ่มสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติใน ธ.พาณิชย์ของจีน โดยปัจจุบันจีนอนุมัติให้นักลงทุนต่างชาติ 1 ราย
สามารถถือหุ้นใน ธ.พาณิชย์ของจีนสูงสุดไม่เกินร้อยละ 20 และการลงทุนของต่างชาติรวมกันใน ธ.พาณิชย์จีนต้อง
ไม่เกินร้อยละ 25 ทั้งนี้ รัฐบาลจีนเรียกร้องให้ ธ.พาณิชย์ของจีนใช้กลยุทธ์ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่สามารถ
ลงทุนและถ่ายทอดความรู้ เพื่อช่วยให้ภาคการธนาคารมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจีนได้พยายามทำให้ภาค
การธนาคารมีการแข่งขันกันมากขึ้นก่อนปลายปี 49 ที่จีนจะต้องเปิดให้ธนาคารต่างชาติเข้าถึงตลาดภายในประเทศ
มากขึ้นตามกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 13 มิ.ย. 48 10 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.661 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40. 4784/40.7605 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.5 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 679.98/15.98 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,100/8,200 8,100/8,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 47.94 49.29 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.54*/18.59** 22.54*/18.59** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 7 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--