'องอาจ คล้ามไพบูลย์' ระบุการเมืองไทยกำลังถอยหลังเข้าคลอง เพราะมีการใช้อำนาจคุกคามก่อนการเลือกตั้งอย่างมาก ปฏิเสธข่าว โหมกระแส ‘เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง’ เพราะจะตั้ง ‘พล.ต.สนั่น’ เป็นมท.1
วันนี้ (31 ม.ค.48) เวลา 14.00น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า จากการประเมินของพรรคประชาธิปัตย์พบว่า จากวันที่ 6 มกราคม 2548 เป็นต้นมา ได้มีความพยายามทำให้ระบบการเมืองไทยถอยหลังเข้าคลองกว่าในอดีต เช่น ความพยายามใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซงข้าราชการ เพื่อให้สนองตอบการทำงานทางการเมืองของพรรคการเมืองบางพรรคในการเลือกตั้ง หรือความพยายามใช้อำนาจทั้งแบบเปิดเผยและในทางลับ รวมถึงมีการใช้จ่ายเงินเพื่อการเลือกตั้งเป็นจำนวน
‘สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามดำเนินการทางการเมืองที่ทำให้ระบบการเมืองไทยถอยหลังเข้าคลอง ในอดีตจะมีการทำทุกทางเพื่อให้คะแนนเสียงเป็นของพรรคการเมือง แต่ผมคิดว่าขณะนี้รัฐบาลพยายามทำให้การเมืองเป็นเรื่องของคนคนเดียว เพราะมีความพยายามทำให้เสียงของทุกพรรคการเมืองไม่ได้รับเลือกตั้ง และผมคิดว่าแนวทางแบบนี้อันตรายและน่ากลัวกว่าความต้องการรวบอำนาจเป็นของพรรคเดียว’ นายองอาจกล่าว
ส่วนถึงกรณีที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาระบุว่าการโหมกระแส ‘เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง’ เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมกับพรรคมหาชนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคมหาชน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น นายองอาจกล่าวว่า การรณรงค์หาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้แนวทาง ‘เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง’ ถือเป็นการทำหน้าที่นักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ แล้วการตั้งตัวเลขไว้ที่ 201 ก็ไม่ใช่เพื่อความหมายอื่น หรือเพื่อต้องการให้พล.ต.สนั่น มาเป็นรมว.มหาดไทยอย่างที่พรรคไทยรักไทยพยายามบิดเบือน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคไทยรักไทยออกมาบิดเบือนคงไม่มีสาระสำคัญอะไร นอกจากเมื่อเห็นว่าแนวทาง ‘เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง’ ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และมีมากขึ้นเมื่อใกล้วันเลือกตั้ง จนเป็นสาเหตุให้พรรคไทยรักไทยกลัวว่าจะกระทบกระเทือน 400 เสียงตามเป้าที่ไทยรักไทยตั้งไว้ ดังนั้นจึงมีการทำทุกอย่างที่จะทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 31 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (31 ม.ค.48) เวลา 14.00น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า จากการประเมินของพรรคประชาธิปัตย์พบว่า จากวันที่ 6 มกราคม 2548 เป็นต้นมา ได้มีความพยายามทำให้ระบบการเมืองไทยถอยหลังเข้าคลองกว่าในอดีต เช่น ความพยายามใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรกแซงข้าราชการ เพื่อให้สนองตอบการทำงานทางการเมืองของพรรคการเมืองบางพรรคในการเลือกตั้ง หรือความพยายามใช้อำนาจทั้งแบบเปิดเผยและในทางลับ รวมถึงมีการใช้จ่ายเงินเพื่อการเลือกตั้งเป็นจำนวน
‘สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามดำเนินการทางการเมืองที่ทำให้ระบบการเมืองไทยถอยหลังเข้าคลอง ในอดีตจะมีการทำทุกทางเพื่อให้คะแนนเสียงเป็นของพรรคการเมือง แต่ผมคิดว่าขณะนี้รัฐบาลพยายามทำให้การเมืองเป็นเรื่องของคนคนเดียว เพราะมีความพยายามทำให้เสียงของทุกพรรคการเมืองไม่ได้รับเลือกตั้ง และผมคิดว่าแนวทางแบบนี้อันตรายและน่ากลัวกว่าความต้องการรวบอำนาจเป็นของพรรคเดียว’ นายองอาจกล่าว
ส่วนถึงกรณีที่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกมาระบุว่าการโหมกระแส ‘เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง’ เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมกับพรรคมหาชนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคมหาชน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น นายองอาจกล่าวว่า การรณรงค์หาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้แนวทาง ‘เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง’ ถือเป็นการทำหน้าที่นักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ แล้วการตั้งตัวเลขไว้ที่ 201 ก็ไม่ใช่เพื่อความหมายอื่น หรือเพื่อต้องการให้พล.ต.สนั่น มาเป็นรมว.มหาดไทยอย่างที่พรรคไทยรักไทยพยายามบิดเบือน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคไทยรักไทยออกมาบิดเบือนคงไม่มีสาระสำคัญอะไร นอกจากเมื่อเห็นว่าแนวทาง ‘เลือกประชาธิปัตย์ให้ถึง 201 เสียง’ ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี และมีมากขึ้นเมื่อใกล้วันเลือกตั้ง จนเป็นสาเหตุให้พรรคไทยรักไทยกลัวว่าจะกระทบกระเทือน 400 เสียงตามเป้าที่ไทยรักไทยตั้งไว้ ดังนั้นจึงมีการทำทุกอย่างที่จะทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 31 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-