กรุงเทพ--12 ม.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 นาย James Leach กรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนสหรัฐฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการการต่างประเทศด้านเอเชีย-แปซิฟิก สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้นำคณะวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จำนวน 10 คน เดินทางมายังประเทศไทยและได้เข้าพบและหารือกับดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแสดงความขอบคุณและชื่นชมในน้ำใจของคนไทยที่ได้ดูแลชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวอเมริกันเป็นอย่างดี น้ำใจของคนไทยทั้งภาครัฐและเอกชน NGO นิสิตนักศึกษาเป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ในการนี้ ทางคณะของสหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนให้ขยายขอบข่ายหน้าที่ความรับผิดชอบของ Asian Disaster Prepareness Center (ADPC) ในประเทศไทยให้ครอบคลุมTsunami Early Warning ด้วย ซึ่งกรรมาธิการบางรายดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมาธิการอื่นที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องมหาสมุทร สิ่งแวดล้อม บางรายอยู่ในกลุ่มที่จะเสนอกฎหมายที่จะจัดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้า ดังนั้นทางคณะพร้อมที่จะสนับสนุนเรื่องนี้ รวมทั้งสนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผู้แทนร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วย Early Warning ในประเทศไทยในวันที่ 28-29 มกราคม 2548 นอกจากนั้นฝ่ายสหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนไทยในเรื่องการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติด้วย
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ขอบคุณที่ไทยให้ใช้อู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือในภูมิภาคนี้ในเรื่องของการบรรเทาทุกข์ โดยไทยจะให้ใช้สนามบิน อู่ตะเภาเป็นศูนย์ในการช่วยเหลืออินโดนีเซียและศรีลังกาต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งฝ่ายสหรัฐฯ ว่าประเทศไทยยินดีอย่างยิ่งถ้าฝ่ายสหรัฐฯ จะช่วยเหลือในเรื่องการสร้างโรงเรียนโรงพยาบาลให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ รวมถึงการเข้ามาฟื้นฟูก่อสร้างทำนุบำรุงหมู่บ้านเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการขอบคุณไทย ส่วนในเรื่องของการยกหนี้ให้หรือให้เงินช่วยเหลือ ฝ่ายไทยคิดว่างบประมาณของไทยมีเพียงพอแล้ว โดยได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้จำนวน 28,000 ล้านบาท ดังนั้น
ฝ่ายไทยประสงค์จะให้สหรัฐฯ นำเงินบริจาคไปช่วยประเทศที่ต้องการมากกว่าไทย อย่างไรก็ตามไทยยังต้องการความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยี การตั้งศูนย์ภูมิภาคเรื่องการป้องกันภัยพิบัติ Tsunami การส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงเครื่องจักรต่างๆ ที่จะใช้ในการกู้ซากปรักหักพังต่างๆ ที่ทับถมอยู่ในทะเล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งฝ่ายสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่าด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้พบกับพลเอกอาวุโสตัน ฉ่วย และผู้นำของพม่าดเมื่อเดือนธันวาคม 2547 และได้พูดคุยเพื่อผลักดันให้กระบวนการประชาธิปไตยของพม่าคืบหน้า ต่อไป โดยการจัดประชุมสมัชชาแห่งชาติของพม่าครั้งที่ 2 โดยให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งประธานคณะอนุกรรมการการต่างประเทศของสหรัฐฯ และคณะได้ชื่นชมบทบาทนำของไทยในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในการริเริ่มจัดประชุมกระบวนการกรุงเทพฯ (Bangkok Process) ซึ่งทำให้พม่าสามารถแจ้งกับสังคมระหว่างประเทศได้ว่าทำอะไรไปบ้าง และไทยยังคงผลักดันให้มี Bangkok Process รอบที่ 2 ต่อไป ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ก็พอใจและให้การสนับสนุนการดำเนินงานของไทยในเรื่องของพม่า และยังหวังว่ารัฐบาลใหม่ของไทยจะสานต่อในนโยบายนี้ต่อไปด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งฝ่ายสหรัฐฯ ด้วยว่าไทยเป็นประเทศหนึ่งที่อยากเห็นประชาธิปไตยในพม่า อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับพม่า หากไทยเร่งรัดกับพม่ามากอาจไม่เหมาะสม เพราะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของพม่าด้วย ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ก็มีความเข้าใจ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นที่จะเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 11 มกราคม 2548 ว่าจะรายงานเรื่องผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยพิบัติภัยที่จาการ์ตา อาทิ เรื่องการจัดตั้ง Early Warning System โดยไทยได้เสนอให้ใช้ศูนย์ของไทย และมีหลายประเทศที่เห็นด้วย นอกจากนั้นจะแจ้งเรื่องที่คณะวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เห็นด้วยที่จะขยายภารกิจของศูนย์เตรียมพร้อมเพื่อภัยพิบัติของไทย (ADPC) ให้ครอบคลุมถึงการเตือนภัย Tsunami ด้วย เพราะเป็นศูนย์ที่มีสมาชิกถึง 36 ประเทศ โดยสหรัฐอเมริกาเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์กับประเทศไทยตั้งแต่ปีค.ศ.1986 รวมทั้งจะรายงานเรื่องความช่วยเหลือจากต่างประเทศต่างๆ ว่าควรจะออกมาเป็นรูปแบบใด ใครควรจะเป็นหน่วยกลางในการประสานงานทั้งหลาย ทั้งนี้อาจเป็นกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยร่วมกันเป็นหน่วยกลางประสานงาน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2548 นาย James Leach กรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนสหรัฐฯ และประธานคณะอนุกรรมาธิการการต่างประเทศด้านเอเชีย-แปซิฟิก สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้นำคณะวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จำนวน 10 คน เดินทางมายังประเทศไทยและได้เข้าพบและหารือกับดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแสดงความขอบคุณและชื่นชมในน้ำใจของคนไทยที่ได้ดูแลชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวอเมริกันเป็นอย่างดี น้ำใจของคนไทยทั้งภาครัฐและเอกชน NGO นิสิตนักศึกษาเป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ในการนี้ ทางคณะของสหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนให้ขยายขอบข่ายหน้าที่ความรับผิดชอบของ Asian Disaster Prepareness Center (ADPC) ในประเทศไทยให้ครอบคลุมTsunami Early Warning ด้วย ซึ่งกรรมาธิการบางรายดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมาธิการอื่นที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องมหาสมุทร สิ่งแวดล้อม บางรายอยู่ในกลุ่มที่จะเสนอกฎหมายที่จะจัดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้า ดังนั้นทางคณะพร้อมที่จะสนับสนุนเรื่องนี้ รวมทั้งสนับสนุนให้รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผู้แทนร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วย Early Warning ในประเทศไทยในวันที่ 28-29 มกราคม 2548 นอกจากนั้นฝ่ายสหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนไทยในเรื่องการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติด้วย
ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ขอบคุณที่ไทยให้ใช้อู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือในภูมิภาคนี้ในเรื่องของการบรรเทาทุกข์ โดยไทยจะให้ใช้สนามบิน อู่ตะเภาเป็นศูนย์ในการช่วยเหลืออินโดนีเซียและศรีลังกาต่อไป
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งฝ่ายสหรัฐฯ ว่าประเทศไทยยินดีอย่างยิ่งถ้าฝ่ายสหรัฐฯ จะช่วยเหลือในเรื่องการสร้างโรงเรียนโรงพยาบาลให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ รวมถึงการเข้ามาฟื้นฟูก่อสร้างทำนุบำรุงหมู่บ้านเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการขอบคุณไทย ส่วนในเรื่องของการยกหนี้ให้หรือให้เงินช่วยเหลือ ฝ่ายไทยคิดว่างบประมาณของไทยมีเพียงพอแล้ว โดยได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้จำนวน 28,000 ล้านบาท ดังนั้น
ฝ่ายไทยประสงค์จะให้สหรัฐฯ นำเงินบริจาคไปช่วยประเทศที่ต้องการมากกว่าไทย อย่างไรก็ตามไทยยังต้องการความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยี การตั้งศูนย์ภูมิภาคเรื่องการป้องกันภัยพิบัติ Tsunami การส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงเครื่องจักรต่างๆ ที่จะใช้ในการกู้ซากปรักหักพังต่างๆ ที่ทับถมอยู่ในทะเล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งฝ่ายสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่าด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้พบกับพลเอกอาวุโสตัน ฉ่วย และผู้นำของพม่าดเมื่อเดือนธันวาคม 2547 และได้พูดคุยเพื่อผลักดันให้กระบวนการประชาธิปไตยของพม่าคืบหน้า ต่อไป โดยการจัดประชุมสมัชชาแห่งชาติของพม่าครั้งที่ 2 โดยให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งประธานคณะอนุกรรมการการต่างประเทศของสหรัฐฯ และคณะได้ชื่นชมบทบาทนำของไทยในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในการริเริ่มจัดประชุมกระบวนการกรุงเทพฯ (Bangkok Process) ซึ่งทำให้พม่าสามารถแจ้งกับสังคมระหว่างประเทศได้ว่าทำอะไรไปบ้าง และไทยยังคงผลักดันให้มี Bangkok Process รอบที่ 2 ต่อไป ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ก็พอใจและให้การสนับสนุนการดำเนินงานของไทยในเรื่องของพม่า และยังหวังว่ารัฐบาลใหม่ของไทยจะสานต่อในนโยบายนี้ต่อไปด้วย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งฝ่ายสหรัฐฯ ด้วยว่าไทยเป็นประเทศหนึ่งที่อยากเห็นประชาธิปไตยในพม่า อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับพม่า หากไทยเร่งรัดกับพม่ามากอาจไม่เหมาะสม เพราะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของพม่าด้วย ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ก็มีความเข้าใจ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นที่จะเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 11 มกราคม 2548 ว่าจะรายงานเรื่องผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยพิบัติภัยที่จาการ์ตา อาทิ เรื่องการจัดตั้ง Early Warning System โดยไทยได้เสนอให้ใช้ศูนย์ของไทย และมีหลายประเทศที่เห็นด้วย นอกจากนั้นจะแจ้งเรื่องที่คณะวุฒิสมาชิกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เห็นด้วยที่จะขยายภารกิจของศูนย์เตรียมพร้อมเพื่อภัยพิบัติของไทย (ADPC) ให้ครอบคลุมถึงการเตือนภัย Tsunami ด้วย เพราะเป็นศูนย์ที่มีสมาชิกถึง 36 ประเทศ โดยสหรัฐอเมริกาเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์กับประเทศไทยตั้งแต่ปีค.ศ.1986 รวมทั้งจะรายงานเรื่องความช่วยเหลือจากต่างประเทศต่างๆ ว่าควรจะออกมาเป็นรูปแบบใด ใครควรจะเป็นหน่วยกลางในการประสานงานทั้งหลาย ทั้งนี้อาจเป็นกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยร่วมกันเป็นหน่วยกลางประสานงาน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-