นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านเทคโนโลยี คมนาคมและการสื่อสารของพรรค กล่าวถึงการตัดสินใจว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีกรณีทุจริตในการจัดซื้อเครื่องตรวจจับระเบิดในสนามบินสุวรรณภูมิว่า เราตระหนักดีว่า ถ้าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ต้องให้เวลาฝ่ายรัฐบาลเตรียมตัว ขออย่าได้กังวลเลย เรื่องกติกามารยาท พวกเราระมัดระวังอยู่แล้ว และถ้าจะตัดสินใจยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะทำก่อนที่จะเหลือ 2 อาทิตย์สุดท้าย เพราะฉะนั้นตอนนี้รัฐบาลก็เตรียมตัวไปพลางๆได้ เรื่องนี้เป็นปัญหาที่คาใจประชาชนอยู่ รัฐบาลก็มีหน้าที่จะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนหายสงสัย หรือถ้าสอบสวนพบเรื่องจริงก็ออกมาสารภาพ พูดจากับประชาชน ตนคิดว่าเรื่องก็จบได้
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านมีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะในกรณีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งค้างคาอยู่ในใจประชาชนมากเหลือเกิน และค้างคาอยู่ในใจของพวกเราด้วย แต่การที่จะอภิปรายหรือไม่อภิปรายก็ต้องทำด้วยความรอบคอบ คือ 1. ตั้งใจทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านที่จะทำกรณีนี้ให้ชัดเจนให้ได้ 2. ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายรัฐบาล พร้อมยืนยันไม่มีอะไรโกรธหรือแค้นเคืองพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ หรือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคม หรือรัฐบาล เราเพียงแต่ทำหน้าที่ของเราเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็จะให้ความเป็นธรรม โดยจะพิจารณาตามข้อมูล หลักฐานที่สามารถรวบรวมได้ แม้ว่าเราจะเชื่อเหมือนคนไทยทั้งหลายว่าเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล มีการทุจริต แต่ถ้าไม่สามารถหาข้อมูลหลักฐานมายืนยันข้อสงสัยได้ ก็พร้อมที่จะยกประโยชน์ให้จำเลย
“ไม่อภิปรายในคราวนี้ แต่ถ้าวันข้างหน้ามีเหตุผล มีหลักฐาน หรือมีข้อมูลที่ชัดเจนก็ว่ากันใหม่ อภิปรายสมัยนี้ไม่ได้ ปีหน้าก็อภิปรายใหม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ขณะเดียวกันถ้ามีข้อมูลหลักฐานที่เราสามารถนำมาแสดงพิสูจน์กับสภาได้ว่า ข้อสงสัยของประชาชนที่ว่ามีการทุจริตที่สนามบินหนองงูเห่าน่าเชื่อถือ ตามหลักฐานอย่างนี้อย่างนั้น ฝ่ายค้านอภิปรายแน่นอน จริงๆแล้วฝ่ายค้านไม่ได้ตั้งป้อมว่าจะอภิปรายรัฐบาล โดยมารยาทถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าตั้งรัฐบาลใหม่ ก็จะให้โอกาสเขาได้บริหารก่อน แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องให้เวลาไหว้ครูแล้ว ข้อเท็จจริงมีอย่างไรก็จะว่าไปตามนั้น และขึ้นอยู่กับหลักฐาน พยาน ข้อเท็จจริง ที่เราจะรวบรวมได้” นายสุเทพกล่าว พร้อมระบุว่า คณะทำงานด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร และการคมนาคมจะสรุปและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำเสนอหัวหน้าและรองหัวหน้าพรรค เพื่อให้ที่ประชุมคณะผู้บริหารพิจารณาตัดสินว่าข้อมูลมีน้ำหนักเพียงพอที่จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ โดยจะสรุปข้อมูลทั้งหมดได้ภายในวันที่ 15 มิ.ย. นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียงของฝ่ายค้านไม่สามารถที่จะยื่นอภิปรายในประเด็นทุจริตได้ เป็นอุปสรรคในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ตรงนี้ล่ะสนุก ถ้าเกิดผมมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่ารัฐมนตรีทุจริต ผมจะเป็นคนเดินนำไปทวงสัญญากับนายกฯทักษิณ ไหนบอกว่าฝ่ายค้านเสียงน้อย ไม่พอ ไม่เป็นไร จะช่วยเซ็นให้ เที่ยวนี้แหล่ะ ท่านนายกฯทักษิณเตรียมปากกาไว้ได้ ต้องพิสูจน์คำพูดกันแล้ว” นายสุเทพกล่าว ส่วนกรณีที่นายสนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน พร้อมจะประสานกับนายเสนาะ เทียนทอง เพื่อขอเสียงให้ฝ่ายค้านเพื่อยื่นอภิปรายนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ขอบพระคุณสำหรับท่านที่ตั้งใจมาลงคะแนนให้ ยุคนี้เป็นยุคใหม่แล้วเพราะฉะนั้นต้องช่วยกันทำบ้านเมืองให้สะอาด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบของรัฐบาลอาจจะสรุปผลว่าไม่มีการทุจริต นายสุเทพกล่าวว่า ตนก็เป็นห่วงนายวิษณุ เพราะท่านเป็นคนที่มีเกียรติภูมิ เป็นที่เชื่อถือ ตนก็เคารพนับถือท่านมาก แต่เป็นห่วงที่ท่านอาจจะพยายามช่วยรัฐบาล ออกมาชี้แจงในตอนแรกก็เป๋นิดหน่อย ตอนนี้เข้ารูปเข้ารอยแล้ว แต่ท่านต้องระมัดระวัง เพราะท่านเป็นคนที่มีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือท่านมาก ถ้าท่านทำอะไรที่คนเห็นว่าปกป้องพวกเดียวกันมากเกินไป ท่านจะเสียหาย ซึ่งตนเคยบอกฝากไปแล้วว่าเวลารัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน อย่าตั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าไม่ผิด ต้องตั้งเพื่อหาข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าบทสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบจะทำให้เรื่องยุติหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า สรุปอย่างนี้ไม่ทำให้เรื่องยุติได้ และนายวิษณุเองก็ดูเหมือนจะรู้ เพราะยังพูดว่าผลสรุปออกมาก็ยังไม่ได้หมายความว่าจบ แต่ที่ไม่จบเพราะชาวบ้านยังติดใจ เพราะฉะนั้นต้องสอบสวนกันต่อไป และตนคิดว่าเรื่องนี้ยังอีกยาว ฝ่ายค้านจะอภิปรายหรือไม่อภิปรายเรื่องนี้ก็ยังไม่จบง่ายๆ เพราะว่ายังต้องพิสูจน์อีกหลายขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบทุจริต วุฒิสภา ระบุว่ามีข้อมูลว่ามีห้องควบคุม 2 ห้องที่คิดเป็นเงิน 290 ล้านบาททั้งที่เป็นห้องเดิมที่มีอยู่แล้ว ตรงนี้จะประสานข้อมูลกันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรายินดีประสานและพร้อมที่จะรับข้อมูลจากทุกฝ่าย หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไร ช่วยกรุณาส่งมาที่พรรค ขณะนี้หลักฐานชิ้นสำคัญที่รออยู่ก็คือหลักฐานที่ระบุว่ามีรัฐมนตรี ที่ปรึกษา หรือเพื่อนพ้องรับเงินหรือไม่ ซึ่งพยานแวดล้อมมีแล้ว รอแต่คนที่จะมาชี้ว่าใครเหนี่ยวไกเท่านั้น
ถามว่านอกจากรมว.คมนาคมแล้วจะมีรัฐมนตรีคนไหนที่จะโดนอภิปรายด้วยหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เคยระบุแล้วว่า มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รมว.ยุติธรรม และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ซึ่งเราก็ต้องชั่งใจว่าจะเอาอย่างไร เช่นสมมติว่าเราจะต้องอภิปรายนายวิษณุ ก็อาจจะต้องอภิปรายด้วยประเด็นที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในแง่ที่ว่าสอบสวนแล้วล้ม ไม่ตั้งใจที่จะสอบสวน ส่วนนายสุวัจน์ ก็อาจจะโดนในแง่ที่ว่าเขียนจดหมายไปขอข้อมูลจากทางการสหรัฐฯ ซึ่งได้เรียกร้องให้เปิดเผยต่อสาธารณชนก่อนที่จะมีการส่งให้ทางการสหรัฐ แต่กลับไม่ยอมเปิดเผย
ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างการไปขอเสียงจากนายกฯกับการล่ารายชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่อแบบไหนจะง่ายกว่ากัน นายสุเทพ กล่าวว่าไม่แน่ เอาเป็นว่าให้มีหลักฐานครบถึงขั้นนั้นก่อนแล้วจะแสดงให้ดู เมื่อถามว่า หวั่นเกรงภาพพจน์หรือไม่ว่าหากไม่มีการอภิปราย อาจจะมีคนมองว่ามีความสนิทสนมกับนายกฯทักษิณ จึงมีการฮั้วกัน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า “ถ้าผมฮั้วกับนายกฯทักษิณ การเมืองก็จบแล้ว ผมนี่แหละจะเป็นคนที่นำทัพสู้กับทักษิณ เปรียบกับมวย ถ้าขึ้นไปล้มมวยบนเวที ก็เลี้ยงไม่ได้แล้ว คนดูก็ต้องพล่าน ไม่มีหรอก อย่าไปคิดมากนัก ความชอบพอกันโดยส่วนตัว คบค้ากันนั้นใช่ แต่การทำหน้าที่ต้องทำเต็มกำลัง ทุกคนที่รู้จักผมดี จะรู้ว่า ผมเป็นนักการเมืองมาเกือบ 30 ปี แน่วแน่มาก เรื่องการทำหน้าที่ของผม ซึ่งการขึ้นเวทีปราศรัยในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผมเล่นงานนายกฯทักษิณมากกว่าคนอื่นนะ ดังนั้นอย่ากังวลใจ” นายสุเทพกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มิ.ย. 2548--จบ--
-ดท-
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านมีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะในกรณีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งค้างคาอยู่ในใจประชาชนมากเหลือเกิน และค้างคาอยู่ในใจของพวกเราด้วย แต่การที่จะอภิปรายหรือไม่อภิปรายก็ต้องทำด้วยความรอบคอบ คือ 1. ตั้งใจทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านที่จะทำกรณีนี้ให้ชัดเจนให้ได้ 2. ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายรัฐบาล พร้อมยืนยันไม่มีอะไรโกรธหรือแค้นเคืองพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ หรือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคม หรือรัฐบาล เราเพียงแต่ทำหน้าที่ของเราเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็จะให้ความเป็นธรรม โดยจะพิจารณาตามข้อมูล หลักฐานที่สามารถรวบรวมได้ แม้ว่าเราจะเชื่อเหมือนคนไทยทั้งหลายว่าเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล มีการทุจริต แต่ถ้าไม่สามารถหาข้อมูลหลักฐานมายืนยันข้อสงสัยได้ ก็พร้อมที่จะยกประโยชน์ให้จำเลย
“ไม่อภิปรายในคราวนี้ แต่ถ้าวันข้างหน้ามีเหตุผล มีหลักฐาน หรือมีข้อมูลที่ชัดเจนก็ว่ากันใหม่ อภิปรายสมัยนี้ไม่ได้ ปีหน้าก็อภิปรายใหม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ขณะเดียวกันถ้ามีข้อมูลหลักฐานที่เราสามารถนำมาแสดงพิสูจน์กับสภาได้ว่า ข้อสงสัยของประชาชนที่ว่ามีการทุจริตที่สนามบินหนองงูเห่าน่าเชื่อถือ ตามหลักฐานอย่างนี้อย่างนั้น ฝ่ายค้านอภิปรายแน่นอน จริงๆแล้วฝ่ายค้านไม่ได้ตั้งป้อมว่าจะอภิปรายรัฐบาล โดยมารยาทถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าตั้งรัฐบาลใหม่ ก็จะให้โอกาสเขาได้บริหารก่อน แต่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานต่อเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องให้เวลาไหว้ครูแล้ว ข้อเท็จจริงมีอย่างไรก็จะว่าไปตามนั้น และขึ้นอยู่กับหลักฐาน พยาน ข้อเท็จจริง ที่เราจะรวบรวมได้” นายสุเทพกล่าว พร้อมระบุว่า คณะทำงานด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร และการคมนาคมจะสรุปและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำเสนอหัวหน้าและรองหัวหน้าพรรค เพื่อให้ที่ประชุมคณะผู้บริหารพิจารณาตัดสินว่าข้อมูลมีน้ำหนักเพียงพอที่จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ โดยจะสรุปข้อมูลทั้งหมดได้ภายในวันที่ 15 มิ.ย. นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียงของฝ่ายค้านไม่สามารถที่จะยื่นอภิปรายในประเด็นทุจริตได้ เป็นอุปสรรคในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ตรงนี้ล่ะสนุก ถ้าเกิดผมมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่ารัฐมนตรีทุจริต ผมจะเป็นคนเดินนำไปทวงสัญญากับนายกฯทักษิณ ไหนบอกว่าฝ่ายค้านเสียงน้อย ไม่พอ ไม่เป็นไร จะช่วยเซ็นให้ เที่ยวนี้แหล่ะ ท่านนายกฯทักษิณเตรียมปากกาไว้ได้ ต้องพิสูจน์คำพูดกันแล้ว” นายสุเทพกล่าว ส่วนกรณีที่นายสนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน พร้อมจะประสานกับนายเสนาะ เทียนทอง เพื่อขอเสียงให้ฝ่ายค้านเพื่อยื่นอภิปรายนั้น นายสุเทพกล่าวว่า ขอบพระคุณสำหรับท่านที่ตั้งใจมาลงคะแนนให้ ยุคนี้เป็นยุคใหม่แล้วเพราะฉะนั้นต้องช่วยกันทำบ้านเมืองให้สะอาด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบของรัฐบาลอาจจะสรุปผลว่าไม่มีการทุจริต นายสุเทพกล่าวว่า ตนก็เป็นห่วงนายวิษณุ เพราะท่านเป็นคนที่มีเกียรติภูมิ เป็นที่เชื่อถือ ตนก็เคารพนับถือท่านมาก แต่เป็นห่วงที่ท่านอาจจะพยายามช่วยรัฐบาล ออกมาชี้แจงในตอนแรกก็เป๋นิดหน่อย ตอนนี้เข้ารูปเข้ารอยแล้ว แต่ท่านต้องระมัดระวัง เพราะท่านเป็นคนที่มีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือท่านมาก ถ้าท่านทำอะไรที่คนเห็นว่าปกป้องพวกเดียวกันมากเกินไป ท่านจะเสียหาย ซึ่งตนเคยบอกฝากไปแล้วว่าเวลารัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน อย่าตั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าไม่ผิด ต้องตั้งเพื่อหาข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าบทสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบจะทำให้เรื่องยุติหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า สรุปอย่างนี้ไม่ทำให้เรื่องยุติได้ และนายวิษณุเองก็ดูเหมือนจะรู้ เพราะยังพูดว่าผลสรุปออกมาก็ยังไม่ได้หมายความว่าจบ แต่ที่ไม่จบเพราะชาวบ้านยังติดใจ เพราะฉะนั้นต้องสอบสวนกันต่อไป และตนคิดว่าเรื่องนี้ยังอีกยาว ฝ่ายค้านจะอภิปรายหรือไม่อภิปรายเรื่องนี้ก็ยังไม่จบง่ายๆ เพราะว่ายังต้องพิสูจน์อีกหลายขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบทุจริต วุฒิสภา ระบุว่ามีข้อมูลว่ามีห้องควบคุม 2 ห้องที่คิดเป็นเงิน 290 ล้านบาททั้งที่เป็นห้องเดิมที่มีอยู่แล้ว ตรงนี้จะประสานข้อมูลกันหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรายินดีประสานและพร้อมที่จะรับข้อมูลจากทุกฝ่าย หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไร ช่วยกรุณาส่งมาที่พรรค ขณะนี้หลักฐานชิ้นสำคัญที่รออยู่ก็คือหลักฐานที่ระบุว่ามีรัฐมนตรี ที่ปรึกษา หรือเพื่อนพ้องรับเงินหรือไม่ ซึ่งพยานแวดล้อมมีแล้ว รอแต่คนที่จะมาชี้ว่าใครเหนี่ยวไกเท่านั้น
ถามว่านอกจากรมว.คมนาคมแล้วจะมีรัฐมนตรีคนไหนที่จะโดนอภิปรายด้วยหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เคยระบุแล้วว่า มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รมว.ยุติธรรม และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ซึ่งเราก็ต้องชั่งใจว่าจะเอาอย่างไร เช่นสมมติว่าเราจะต้องอภิปรายนายวิษณุ ก็อาจจะต้องอภิปรายด้วยประเด็นที่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในแง่ที่ว่าสอบสวนแล้วล้ม ไม่ตั้งใจที่จะสอบสวน ส่วนนายสุวัจน์ ก็อาจจะโดนในแง่ที่ว่าเขียนจดหมายไปขอข้อมูลจากทางการสหรัฐฯ ซึ่งได้เรียกร้องให้เปิดเผยต่อสาธารณชนก่อนที่จะมีการส่งให้ทางการสหรัฐ แต่กลับไม่ยอมเปิดเผย
ผู้สื่อข่าวถามว่าระหว่างการไปขอเสียงจากนายกฯกับการล่ารายชื่อประชาชน 5 หมื่นชื่อแบบไหนจะง่ายกว่ากัน นายสุเทพ กล่าวว่าไม่แน่ เอาเป็นว่าให้มีหลักฐานครบถึงขั้นนั้นก่อนแล้วจะแสดงให้ดู เมื่อถามว่า หวั่นเกรงภาพพจน์หรือไม่ว่าหากไม่มีการอภิปราย อาจจะมีคนมองว่ามีความสนิทสนมกับนายกฯทักษิณ จึงมีการฮั้วกัน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า “ถ้าผมฮั้วกับนายกฯทักษิณ การเมืองก็จบแล้ว ผมนี่แหละจะเป็นคนที่นำทัพสู้กับทักษิณ เปรียบกับมวย ถ้าขึ้นไปล้มมวยบนเวที ก็เลี้ยงไม่ได้แล้ว คนดูก็ต้องพล่าน ไม่มีหรอก อย่าไปคิดมากนัก ความชอบพอกันโดยส่วนตัว คบค้ากันนั้นใช่ แต่การทำหน้าที่ต้องทำเต็มกำลัง ทุกคนที่รู้จักผมดี จะรู้ว่า ผมเป็นนักการเมืองมาเกือบ 30 ปี แน่วแน่มาก เรื่องการทำหน้าที่ของผม ซึ่งการขึ้นเวทีปราศรัยในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ผมเล่นงานนายกฯทักษิณมากกว่าคนอื่นนะ ดังนั้นอย่ากังวลใจ” นายสุเทพกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มิ.ย. 2548--จบ--
-ดท-