นายวิจักร วิเศษน้อย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยและเวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวที่สำคัญอันดับหนึ่งและสองของโลก โดยไทยมีการส่งออกข้าวเฉลี่ยปีละประมาณ 8-9 ล้านตัน และเวียดนามประมาณ 3-4 ล้านตัน การส่งออกรวมกันของทั้งสองประเทศมากกว่าร้อยละ 50 ของการส่งออกข้าวทั้งหมดในตลาดโลก ในปี 2547 ไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 36 และเวียดนามมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 20 อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราคาข้าวโลกมีการขยับตัวเพิ่มสูงขึ้น และราคาข้าวไทยได้ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะราคาข้าวโลก แต่ราคาเวียดนามไม่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากนัก ทำให้ราคาข้าวโดยเฉลี่ยของไทยและเวียดนามมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ซึ่งย่อมไม่เกิดผลดีต่อประเทศทั้งสอง เนื่องจากผู้ซื้อข้าวมีอำนาจการต่อรองเหนือกว่าสามารถเลือกซื้อและกดราคาข้าวได้
ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าเวียดนาม ( H.E. Mr. Luong Van Tu ) ได้พบหารือระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ณ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะร่วมมือค้าข้าวและเห็นชอบในหลักการที่จะไม่ขายข้าวตัดราคาซึ่งกันและกัน หรืออาจมีการแบ่งตลาดข้าวระหว่างสองประเทศ เพื่อเป็นการสร้างระบบบริหารจัดการในการค้าข้าวให้มีประสิทธิภาพและเป็นกลไกในการช่วยรักษาเสถีรภาพราคาข้าว สำหรับรายละเอียดของการดำเนินการความร่วมมือค้าข้าวดังกล่าว จะมีการจัดการประชุมหารือในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสสองฝ่ายที่ กรุงเทพฯ หรือกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ต่อไป
รองอธิบดี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้หากความร่วมมือค้าข้าวระหว่างไทยและเวียดนามบรรลุผลสำเร็จ จะเกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการบริหารและจัดระบบกลไกตลาดข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสมดุลในการรักษาระดับราคาข้าวอย่างมีเสถียรภาพ และช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองในการซื้อขายข้าวให้กับไทยและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อันจะเป็นผลให้เกษตรกรของประเทศทั้งสองสามารถจำหน่ายผลผลิตข้าวได้คุ้มต้นทุนการผลิตและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าเวียดนาม ( H.E. Mr. Luong Van Tu ) ได้พบหารือระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ณ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะร่วมมือค้าข้าวและเห็นชอบในหลักการที่จะไม่ขายข้าวตัดราคาซึ่งกันและกัน หรืออาจมีการแบ่งตลาดข้าวระหว่างสองประเทศ เพื่อเป็นการสร้างระบบบริหารจัดการในการค้าข้าวให้มีประสิทธิภาพและเป็นกลไกในการช่วยรักษาเสถีรภาพราคาข้าว สำหรับรายละเอียดของการดำเนินการความร่วมมือค้าข้าวดังกล่าว จะมีการจัดการประชุมหารือในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสสองฝ่ายที่ กรุงเทพฯ หรือกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ต่อไป
รองอธิบดี ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้หากความร่วมมือค้าข้าวระหว่างไทยและเวียดนามบรรลุผลสำเร็จ จะเกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการบริหารและจัดระบบกลไกตลาดข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความสมดุลในการรักษาระดับราคาข้าวอย่างมีเสถียรภาพ และช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองในการซื้อขายข้าวให้กับไทยและเวียดนามซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อันจะเป็นผลให้เกษตรกรของประเทศทั้งสองสามารถจำหน่ายผลผลิตข้าวได้คุ้มต้นทุนการผลิตและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-