ภาวะการเงิน
1. ฐานเงินและปริมาณเงิน
- ฐานเงินขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจากเดือนก่อน แต่ปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2548 อยู่ที่ระดับ 765.7 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 13.1 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.9 พันล้านบาทจากเดือนก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อน ได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น (2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่รัฐบาลเพิ่มขึ้นจากการลดลงของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท. และ (3) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุน ในพันธบัตร ธปท. เพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจาก ระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.7 3.2 และ 4.1 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยส่วนหนึ่ง เป็นผลจากฐานการคำนวณที่สูงในปีก่อน เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ได้นำเงินไถ่ถอน SLIPS และ CAPS เข้าบัญชีเงินฝากของลูกค้า
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
- เงินบาทอ่อนค่าลงตามค่าเงินในภูมิภาคและปัจจัยลบภายในประเทศ
- อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับสูงขึ้น
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสูงขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับลดลง
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนเมษายน 2548 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 39.53 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากค่าเฉลี่ยในเดือนมีนาคมตามทิศทางค่าเงินในภูมิภาค ประกอบกับปัจจัยในประเทศ ได้แก่ (1) เหตุการณ์ระเบิด 3 แห่งในจังหวัดสงขลา ซึ่งส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน และ (2) ความต้องการซื้อดอลลาร์ สรอ. ที่เพิ่มขึ้นจาก ทั้งรัฐวิสาหกิจ บริษัทน้ำมัน และบริษัทญี่ปุ่น เพื่อชำระคืน หนี้ค่าน้ำมัน และส่งคืนผลกำไร ตามลำดับ
สำหรับในช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 อัตราค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 39.69 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน หลังจากที่ค่าเงินบาท ปรับแข็งขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งเดือนแรก จากการที่ นักลงทุนต่างประเทศได้ลงทุนเพิ่มขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไทย รวมทั้งการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยโดยบริษัท Fitch อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของเดือน ค่าเงินบาทกลับอ่อนลงค่อนข้างมากสอดคล้องกับค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจาก (1) มีข่าวว่าจีนจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวน
ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งดีเกินคาด และ (3)มีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. จำนวนมากจากบริษัทน้ำมันในประเทศ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือน เมษายน 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร ระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.08และ 2.05 ต่อปี ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากสภาพคล่อง ที่ตึงตัวขึ้นในบางช่วง อาทิ ช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ และวันแรงงาน ซึ่งธนาคารพาณิชย์ได้เตรียมสภาพคล่องไว้เพื่อการเบิกถอนของประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว
สำหรับในช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 ดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับสูงขึ้นอีก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.25 และ 2.18 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้แก่ภาครัฐ รวมทั้งธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้เตรียมสภาพคล่องไว้สำหรับการเบิกถอนของประชาชนในช่วงวันหยุดติดต่อกันเป็นสำคัญ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนเมษายน 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับ เพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอฟังการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน แต่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวยังคง ปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการลง ค่อนข้างมากขณะที่อุปทานในตลาดมีจำกัด
ในช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลาง ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ สูงขึ้นเป็นร้อยละ 3.6 ในเดือนเมษายนทำให้ตลาดค่อนข้างเชื่อมั่นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น ต่อไป นอกจากนี้ เป็นการปรับขึ้นตามอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวยังคงปรับลดลง ต่อเนื่อง
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
- เงินฝากและสินเชื่อขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนเมษายน 2548 ขยายตัวร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 22.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่เป็น การเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐ
สินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวม การถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ในเดือนเมษายน 2548 ขยายตัวร้อยละ 4.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนมีนาคม โดยยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 15.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจและประชาชน
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนเมษายนและช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 อยู่ในระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ยยังคงอยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของ ธ.พ. ขนาดใหญ่ 4 แห่ง
อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี)
ประจำ ประจำ MLR
3 เดือน 12 เดือน
มี.ค. 46 1.50 1.81 6.50
มิ.ย. 46 1.25 1.25 6.00
ก.ย. 46 1.06 1.06 5.69
ต.ค. 46 1.00 1.00 5.69
ธ.ค. 46 1.00 1.00 5.69
ธ.ค. 47 1.00 1.00 5.69
1-25 พ.ค. 48 1.00 1.00 5.69
ส่วนวิเคราะห์และกลยุทธ์นโยบายการเงิน
โทร. 0-2283-5621
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ฐานเงินและปริมาณเงิน
- ฐานเงินขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจากเดือนก่อน แต่ปริมาณเงินขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2548 อยู่ที่ระดับ 765.7 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 13.1 จากระยะเดียวกัน ปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8.9 พันล้านบาทจากเดือนก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อน ได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น (2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่รัฐบาลเพิ่มขึ้นจากการลดลงของเงินฝากภาครัฐที่ ธปท. และ (3) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่สถาบันการเงินลดลง เนื่องจากสถาบันการเงินลงทุน ในพันธบัตร ธปท. เพิ่มขึ้น
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจาก ระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.7 3.2 และ 4.1 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยส่วนหนึ่ง เป็นผลจากฐานการคำนวณที่สูงในปีก่อน เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ได้นำเงินไถ่ถอน SLIPS และ CAPS เข้าบัญชีเงินฝากของลูกค้า
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
- เงินบาทอ่อนค่าลงตามค่าเงินในภูมิภาคและปัจจัยลบภายในประเทศ
- อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับสูงขึ้น
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสูงขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับลดลง
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนเมษายน 2548 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 39.53 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากค่าเฉลี่ยในเดือนมีนาคมตามทิศทางค่าเงินในภูมิภาค ประกอบกับปัจจัยในประเทศ ได้แก่ (1) เหตุการณ์ระเบิด 3 แห่งในจังหวัดสงขลา ซึ่งส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน และ (2) ความต้องการซื้อดอลลาร์ สรอ. ที่เพิ่มขึ้นจาก ทั้งรัฐวิสาหกิจ บริษัทน้ำมัน และบริษัทญี่ปุ่น เพื่อชำระคืน หนี้ค่าน้ำมัน และส่งคืนผลกำไร ตามลำดับ
สำหรับในช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 อัตราค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 39.69 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงต่อเนื่องจากเดือนก่อน หลังจากที่ค่าเงินบาท ปรับแข็งขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งเดือนแรก จากการที่ นักลงทุนต่างประเทศได้ลงทุนเพิ่มขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไทย รวมทั้งการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยโดยบริษัท Fitch อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งหลังของเดือน ค่าเงินบาทกลับอ่อนลงค่อนข้างมากสอดคล้องกับค่าเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจาก (1) มีข่าวว่าจีนจะยังไม่ปรับค่าเงินหยวน
ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งดีเกินคาด และ (3)มีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. จำนวนมากจากบริษัทน้ำมันในประเทศ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือน เมษายน 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร ระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.08และ 2.05 ต่อปี ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากสภาพคล่อง ที่ตึงตัวขึ้นในบางช่วง อาทิ ช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ และวันแรงงาน ซึ่งธนาคารพาณิชย์ได้เตรียมสภาพคล่องไว้เพื่อการเบิกถอนของประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว
สำหรับในช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 ดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับสูงขึ้นอีก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.25 และ 2.18 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ของรัฐต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้แก่ภาครัฐ รวมทั้งธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้เตรียมสภาพคล่องไว้สำหรับการเบิกถอนของประชาชนในช่วงวันหยุดติดต่อกันเป็นสำคัญ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนเมษายน 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับ เพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอฟังการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน แต่ผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวยังคง ปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการลง ค่อนข้างมากขณะที่อุปทานในตลาดมีจำกัด
ในช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลาง ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะอัตราเงินเฟ้อของไทยที่ สูงขึ้นเป็นร้อยละ 3.6 ในเดือนเมษายนทำให้ตลาดค่อนข้างเชื่อมั่นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น ต่อไป นอกจากนี้ เป็นการปรับขึ้นตามอัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวยังคงปรับลดลง ต่อเนื่อง
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
- เงินฝากและสินเชื่อขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน
- อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนเมษายน 2548 ขยายตัวร้อยละ 2.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 22.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่เป็น การเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาครัฐ
สินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวม การถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ในเดือนเมษายน 2548 ขยายตัวร้อยละ 4.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนมีนาคม โดยยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 15.0 พันล้านบาทจากเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจและประชาชน
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนเมษายนและช่วงวันที่ 1 - 25 พฤษภาคม 2548 อยู่ในระดับเดิมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ยยังคงอยู่ที่ร้อยละ 1.00 และ 5.69 ต่อปี ตามลำดับ
อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของ ธ.พ. ขนาดใหญ่ 4 แห่ง
อัตราดอกเบี้ย (ร้อยละต่อปี)
ประจำ ประจำ MLR
3 เดือน 12 เดือน
มี.ค. 46 1.50 1.81 6.50
มิ.ย. 46 1.25 1.25 6.00
ก.ย. 46 1.06 1.06 5.69
ต.ค. 46 1.00 1.00 5.69
ธ.ค. 46 1.00 1.00 5.69
ธ.ค. 47 1.00 1.00 5.69
1-25 พ.ค. 48 1.00 1.00 5.69
ส่วนวิเคราะห์และกลยุทธ์นโยบายการเงิน
โทร. 0-2283-5621
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--