อุปสงค์ในประเทศ
1 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
ในเดือนกันยายน 2548 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ใกล้เคียงกับการขยายตัวในเดือนก่อนหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรและภาวะการจ้างงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าไม่คงทนโดยรวมลดลงตามการชะลอตัวของภาษีมูลค่าเพิ่ม1 ณ ราคาคงที่ซึ่งขยายตัวร้อยละ 7.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน และการลดลงของมูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ ซึ่งหดตัวลงร้อยละ 1.7 โดยการนำเข้าชะลอลงมากในหมวดอาหาร เครื่องดื่ม รองเท้าและเครื่องสำอางสำหรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยขยายตัวไม่สูงนักที่ร้อยละ 3.0 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายประหยัดพลังงาน
สำหรับเครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าคงทนทรงตัวแม้ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งจะลดลงจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 19.4เนื่องจากไม่มีรถยนต์ยนต์รุ่นใหม่เข้ามาจูงใจตลาด แต่ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ยังขยายตัวสูงที่ร้อยละ 17.4 ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด กอปรกับนโยบายส่งเสริมการขายเพื่อลดสินค้าคงคลังของผู้ผลิตรายใหญ่
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแนวโน้ม (จากตัวเลขปรับฤดูกาลและเฉลี่ยเคลื่อนที่ย้อนหลัง 3 เดือน) พบว่า เครื่องชี้ส่วนใหญ่แสดงทิศทางที่ชะลอลง ยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีทิศทางทรงตัว
สำหรับในไตรมาสที่ 3 ทิศทางการบริโภคภาคเอกชนโดยรวมชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 แม้จะ มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในเดือนสิงหาคมและรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวดีในช่วงนี้เป็น ปัจจัยสนับสนุนก็ตาม แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมลดลง ในไตรมาสนี้ ส่วนหนึ่งเป็นจากการลอยตัวราคาน้ำมันที่กระทบต่อกำลังซื้อ และการรณรงค์ประหยัดพลังงานส่งผลให้เครื่องชี้ส่วนใหญ่ขยายตัวไม่สูงนักหรือหดตัวลง
ในไตรมาสนี้ ยกเว้นปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง
2 การลงทุนภาคเอกชน
ในเดือนกันยายน 2548 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน(เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 5.6 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามการชะลอตัวของการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้าง ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 44.3 (แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50) โดยองค์ประกอบที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ได้แก่ ผลประกอบการ และคำสั่งซื้อ
ทั้งนี้ การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอลงตามมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่เป็นสำคัญ สำหรับการลงทุนในหมวดก่อสร้างชะลอตัวตามแนวโน้มของพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 50.9 สะท้อน ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเกี่ยวกับภาวะธุรกิจในอนาคตที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสที่ 3 ส่วนใหญ่ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2ตามการชะลอตัวลงของเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนยกเว้นปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง
3 ภาคการคลัง1/
รายได้รัฐบาล ในเดือนกันยายน 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 118.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 32.2 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 และรายได้อื่นๆ ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 208.3
ทั้งนี้ รายได้ภาษีขยายตัวในทุกฐานภาษี ยกเว้นภาษีที่จัดเก็บจากฐานการค้าระหว่างประเทศที่ลดลงร้อยละ 11.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามอากรขาเข้าที่ลดลง อย่างไรก็ดี ภาษีที่จัดเก็บจากฐานรายได้ขยายตัวร้อยละ 20.2 จากระยะเดียวกันปีก่อนตามการขยายตัวของภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ร้อยละ 37.8 ขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขยายตัวร้อยละ 8.2 สำหรับภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคขยายตัวร้อยละ 30.2 โดยภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวถึงร้อยละ 60.6 ซึ่งการขยายตัวที่สูงขึ้นมากดังกล่าวเกิดขึ้นจากรายการพิเศษจากการขายไฟฟ้าภายในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าจำนวน 14.1 พันล้านบาท ซึ่งมีภาษีขายนำส่งและภาษีซื้อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนที่เท่ากันภายในเดือนเดียวกัน ซึ่งหากหักรายการดังกล่าวออก ภาษีมูลค่าเพิ่มจะขยายตัวเพียงร้อยละ 11.9 และส่งผลให้ภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคขยายตัวเพียงร้อยละ 4.2 ส่วนภาษีสรรพสามิต ลดลงร้อยละ 7.2 อันเนื่องจากผลกระทบของการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล
รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 208.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ โดยรายได้นำส่งที่สำคัญในเดือนนี้คือ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) 4,360 ล้านบาท บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน 1,000 ล้านบาท สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 951 ล้านบาท โรงงานยาสูบ 685 ล้านบาท และบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) 398 ล้านบาท
อนึ่ง รายได้จัดเก็บในเดือนกันยายนหากหักรายการพิเศษของภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายไฟฟ้าภายในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าดังกล่าวข้างต้น จะมีจำนวน 104.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.5
สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,474.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.3 ซึ่งเมื่อหักการถอนคืนภาษีจะทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,255.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.3 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ(1,200 พันล้านบาท) ทั้งสิ้น 55.9 พันล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 4.7
ดุลเงินสด ในเดือนกันยายน 2548 รัฐบาลเกินดุลเงินสด 29.0 พันล้านบาท และกู้เงินในประเทศ 3.3 พันล้านบาท แต่ได้ชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศ 1.1 พันล้านบาท ทำให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น 31.2 พันล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลเกินดุลเงินสด 16.8 พันล้านบาท เทียบกับการเกินดุล 17.2 พันล้านบาทในปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน
ในเดือนกันยายน 2548 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ใกล้เคียงกับการขยายตัวในเดือนก่อนหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรและภาวะการจ้างงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย
เครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าไม่คงทนโดยรวมลดลงตามการชะลอตัวของภาษีมูลค่าเพิ่ม1 ณ ราคาคงที่ซึ่งขยายตัวร้อยละ 7.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน และการลดลงของมูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ ซึ่งหดตัวลงร้อยละ 1.7 โดยการนำเข้าชะลอลงมากในหมวดอาหาร เครื่องดื่ม รองเท้าและเครื่องสำอางสำหรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัยขยายตัวไม่สูงนักที่ร้อยละ 3.0 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายประหยัดพลังงาน
สำหรับเครื่องชี้ในกลุ่มสินค้าคงทนทรงตัวแม้ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งจะลดลงจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 19.4เนื่องจากไม่มีรถยนต์ยนต์รุ่นใหม่เข้ามาจูงใจตลาด แต่ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ยังขยายตัวสูงที่ร้อยละ 17.4 ส่วนหนึ่งเนื่องจากมีรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด กอปรกับนโยบายส่งเสริมการขายเพื่อลดสินค้าคงคลังของผู้ผลิตรายใหญ่
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแนวโน้ม (จากตัวเลขปรับฤดูกาลและเฉลี่ยเคลื่อนที่ย้อนหลัง 3 เดือน) พบว่า เครื่องชี้ส่วนใหญ่แสดงทิศทางที่ชะลอลง ยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีทิศทางทรงตัว
สำหรับในไตรมาสที่ 3 ทิศทางการบริโภคภาคเอกชนโดยรวมชะลอลงจากไตรมาสที่ 2 แม้จะ มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในเดือนสิงหาคมและรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวดีในช่วงนี้เป็น ปัจจัยสนับสนุนก็ตาม แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมลดลง ในไตรมาสนี้ ส่วนหนึ่งเป็นจากการลอยตัวราคาน้ำมันที่กระทบต่อกำลังซื้อ และการรณรงค์ประหยัดพลังงานส่งผลให้เครื่องชี้ส่วนใหญ่ขยายตัวไม่สูงนักหรือหดตัวลง
ในไตรมาสนี้ ยกเว้นปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง
2 การลงทุนภาคเอกชน
ในเดือนกันยายน 2548 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน(เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 5.6 ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามการชะลอตัวของการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรและหมวดก่อสร้าง ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 44.3 (แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50) โดยองค์ประกอบที่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ได้แก่ ผลประกอบการ และคำสั่งซื้อ
ทั้งนี้ การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอลงตามมูลค่านำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่เป็นสำคัญ สำหรับการลงทุนในหมวดก่อสร้างชะลอตัวตามแนวโน้มของพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 50.9 สะท้อน ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเกี่ยวกับภาวะธุรกิจในอนาคตที่ปรับตัวดีขึ้น สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสที่ 3 ส่วนใหญ่ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2ตามการชะลอตัวลงของเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนยกเว้นปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง
3 ภาคการคลัง1/
รายได้รัฐบาล ในเดือนกันยายน 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 118.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 32.2 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 และรายได้อื่นๆ ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 208.3
ทั้งนี้ รายได้ภาษีขยายตัวในทุกฐานภาษี ยกเว้นภาษีที่จัดเก็บจากฐานการค้าระหว่างประเทศที่ลดลงร้อยละ 11.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามอากรขาเข้าที่ลดลง อย่างไรก็ดี ภาษีที่จัดเก็บจากฐานรายได้ขยายตัวร้อยละ 20.2 จากระยะเดียวกันปีก่อนตามการขยายตัวของภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ร้อยละ 37.8 ขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขยายตัวร้อยละ 8.2 สำหรับภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคขยายตัวร้อยละ 30.2 โดยภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวถึงร้อยละ 60.6 ซึ่งการขยายตัวที่สูงขึ้นมากดังกล่าวเกิดขึ้นจากรายการพิเศษจากการขายไฟฟ้าภายในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าจำนวน 14.1 พันล้านบาท ซึ่งมีภาษีขายนำส่งและภาษีซื้อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในจำนวนที่เท่ากันภายในเดือนเดียวกัน ซึ่งหากหักรายการดังกล่าวออก ภาษีมูลค่าเพิ่มจะขยายตัวเพียงร้อยละ 11.9 และส่งผลให้ภาษีที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคขยายตัวเพียงร้อยละ 4.2 ส่วนภาษีสรรพสามิต ลดลงร้อยละ 7.2 อันเนื่องจากผลกระทบของการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล
รายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 208.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ โดยรายได้นำส่งที่สำคัญในเดือนนี้คือ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) 4,360 ล้านบาท บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน 1,000 ล้านบาท สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 951 ล้านบาท โรงงานยาสูบ 685 ล้านบาท และบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) 398 ล้านบาท
อนึ่ง รายได้จัดเก็บในเดือนกันยายนหากหักรายการพิเศษของภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายไฟฟ้าภายในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าดังกล่าวข้างต้น จะมีจำนวน 104.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.5
สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,474.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.3 ซึ่งเมื่อหักการถอนคืนภาษีจะทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,255.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.3 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ(1,200 พันล้านบาท) ทั้งสิ้น 55.9 พันล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 4.7
ดุลเงินสด ในเดือนกันยายน 2548 รัฐบาลเกินดุลเงินสด 29.0 พันล้านบาท และกู้เงินในประเทศ 3.3 พันล้านบาท แต่ได้ชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศ 1.1 พันล้านบาท ทำให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น 31.2 พันล้านบาท
ในปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลเกินดุลเงินสด 16.8 พันล้านบาท เทียบกับการเกินดุล 17.2 พันล้านบาทในปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--