‘รักษาการหน.ปชป.’ ระบุ ‘ปชช. — รบ.’เห็นต่างกัน พร้อมแนะนายกฯ ระวังคำพูดตัวเอง เพราะปัญหานี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ย้ำชัด ปชป.พร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหา
วันนี้(16 ก.พ.48) เวลา 09.10น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ข่าวยามเช้า’ ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกะเฮิรต์ ถึงการนำทีมผู้บริหารและส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่จังหวัดยะลาเพื่อสอบถามปัญหาและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในภาคใต้กับประชาชนในพื้นที่วานนี้ (15 ก.พ.48) ว่า ตนและคณะส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้พบปะกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้นำเสนอ ความรู้สึกถึงความต้องการ ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อประมวลถึงปัญหาทั้งหมดไว้ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะนำข้อมูลที่รวบรวมได้นำเสนอต่อรัฐบาล ในรูปแบบที่รัฐบาลคิดว่าเหมาะสม เพื่อที่จะทำให้ปัญหาได้รับการแก้ไขไปในทิศทางที่ถูกต้อง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาของประชาชนในจังหวัดยะลา พบว่ามุมมองของประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างที่จะแตกต่างจากมุมมองของรัฐ แล้วก็น่าเป็นห่วงคือความคิดของคนในพื้นที่แตกต่างจากมุมมองของคนนอกพื้นที่ด้วย ‘เพราะฉะนั้นช่องว่างตรงนี้ก็คือสิ่งที่เป็นปัญหา ผมคิดว่าตราบใดที่ช่องว่างตรงนี้ยังมีอยู่ การแก้ปัญหาก็คงจะลุล่วงได้ยาก เพราะฉะนั้นภาระหน้าที่สำคัญของผู้แทนในพื้นที่และพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องตรงนั้น ก็คือต้องพยายามมาลดช่องว่างตรงนี้ให้ได้ นี่เป็นสิ่งที่ต้องการที่จะสื่อและถ่ายทอดไปยังรัฐบาล’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่ามุมมองแตกต่างกันอย่างไร รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากในพื้นที่ไม่ได้ทำให้คนในพื้นที่มีความอบอุ่นใจขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ก็คือ สิ่งที่จะต้องช่วยกันแก้ไข ‘สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามเสนอแนะไปยังทางรัฐบาล โดยเฉพาะท่านนายกฯ ก็คือว่า อยากให้ท่านนายกฯ ตอนนี้พยายามที่จะสงวนท่าที อย่าเพิ่งไปยืนยันว่าสิ่งที่ทำมามันถูกหรือมันผิด และอย่าเพิ่งไปปฏิเสธข้อเสนอของคนนั้นคนนี้ว่าดีหรือไม่ดี เพราะว่าถ้าความรู้สึกมีช่องว่างอย่างนี้ ก็หมายถึงมันจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง จะเป็นท่าที นโยบายหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่การปรับเปลี่ยนต้องมีจังหวะโอกาสและความชอบธรรมในการปรับเปลี่ยน ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในวิธีทางประชาธิปไตย การที่ประชาชนลงคะแนนอย่างที่เราเห็นผลการเลือกตั้งที่นั่น เขาส่งสัญญาณว่า เขาจะมีความต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่การที่เขาเลือกใช้วิธีการลงคะแนนเสียง ผมคิดว่ามันเป็นการบ่งบอกว่าเขาก็ต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบสันติ เพราะฉะนั้นพยายามปรับเข้าหากันดีกว่า และสิ่งที่ผมอยากให้ท่านนายกฯ ระมัดระวังก็คือการใช้คำพูดอะไรที่จะทำให้ไปเกิดซ้ำเติม หรือทำให้เกิดอารมณ์ที่มันรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม เพราะฉะนั้นผมเองก็ยังอยากที่จะให้การแสดงท่าทีของรัฐบาลใหม่ มันเป็นโอกาสของการที่จะดึงคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ให้มีความอบอุ่นใจ ในการที่จะเป็นแนวร่วมกับรัฐในการแก้ไขปัญหา เพราะที่ฟังมาตรงกันหมดก็คือเรื่องของความต้องการที่จะเห็นการมีส่วนร่วมและการยอมรับจากภาครัฐในแง่ของความแตกต่างความหลากหลายของวิถีชีวิตในพื้นที่ตรงนั้น แม้กระทั่งเวลาเขาพูดถึงเรื่องของการพัฒนาการศึกษา หรือการพัฒนาเศรษฐกิจ เขาก็ต้องการที่จะเห็นว่าเป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับรากฐานของเขา ฉะนั้นตรงนี้คือสิ่งที่อยากจะให้ทำด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงความละเอียดอ่อน’ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อซักถามว่ามีความไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะเห็นการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้านและรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลเป็นคนกำหนดรูปแบบ เพราะหากตนจะบอกว่าขอเข้าพบนายกฯ เดี๋ยวนายกฯก็จะไม่สบายใจ และก็จะมีการตีความทางการเมือง ชิงไหวชิงพริบชิงดีชิงเด่น ดังนั้นเอารูปแบบที่รัฐบาลสะดวกจะดีกว่า เพราะว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดก็คือ ไม่ต้องการให้เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง
เมื่อถามถึงแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ปัญหาภาคใต้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอดูในเรื่องของการแถลงนโยบายของรัฐบาลด้วย ว่าแนวทางเป็นอย่างไร แล้วก็มากำหนดท่าทีกัน แต่อย่างไรก็ตามในแง่ของ 3 จังหวัดภาคใต้ พรคประชาธิปัตย์จะตั้งศูนย์ประสานงานขึ้น โดยจะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือผู้สมัคร ส.ส.ที่สนใจงานทางด้านเข้ามาช่วย เช่น นายสมัย เจริญช่าง ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้(16 ก.พ.48) เวลา 09.10น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘ข่าวยามเช้า’ ทางคลื่นวิทยุ 101.0 เมกะเฮิรต์ ถึงการนำทีมผู้บริหารและส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่จังหวัดยะลาเพื่อสอบถามปัญหาและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในภาคใต้กับประชาชนในพื้นที่วานนี้ (15 ก.พ.48) ว่า ตนและคณะส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้พบปะกับประชาชนในพื้นที่เพื่อให้นำเสนอ ความรู้สึกถึงความต้องการ ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลเพื่อประมวลถึงปัญหาทั้งหมดไว้ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะนำข้อมูลที่รวบรวมได้นำเสนอต่อรัฐบาล ในรูปแบบที่รัฐบาลคิดว่าเหมาะสม เพื่อที่จะทำให้ปัญหาได้รับการแก้ไขไปในทิศทางที่ถูกต้อง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาของประชาชนในจังหวัดยะลา พบว่ามุมมองของประชาชนในพื้นที่ค่อนข้างที่จะแตกต่างจากมุมมองของรัฐ แล้วก็น่าเป็นห่วงคือความคิดของคนในพื้นที่แตกต่างจากมุมมองของคนนอกพื้นที่ด้วย ‘เพราะฉะนั้นช่องว่างตรงนี้ก็คือสิ่งที่เป็นปัญหา ผมคิดว่าตราบใดที่ช่องว่างตรงนี้ยังมีอยู่ การแก้ปัญหาก็คงจะลุล่วงได้ยาก เพราะฉะนั้นภาระหน้าที่สำคัญของผู้แทนในพื้นที่และพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องตรงนั้น ก็คือต้องพยายามมาลดช่องว่างตรงนี้ให้ได้ นี่เป็นสิ่งที่ต้องการที่จะสื่อและถ่ายทอดไปยังรัฐบาล’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่ามุมมองแตกต่างกันอย่างไร รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า การใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากในพื้นที่ไม่ได้ทำให้คนในพื้นที่มีความอบอุ่นใจขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ก็คือ สิ่งที่จะต้องช่วยกันแก้ไข ‘สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามเสนอแนะไปยังทางรัฐบาล โดยเฉพาะท่านนายกฯ ก็คือว่า อยากให้ท่านนายกฯ ตอนนี้พยายามที่จะสงวนท่าที อย่าเพิ่งไปยืนยันว่าสิ่งที่ทำมามันถูกหรือมันผิด และอย่าเพิ่งไปปฏิเสธข้อเสนอของคนนั้นคนนี้ว่าดีหรือไม่ดี เพราะว่าถ้าความรู้สึกมีช่องว่างอย่างนี้ ก็หมายถึงมันจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบางอย่าง จะเป็นท่าที นโยบายหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่การปรับเปลี่ยนต้องมีจังหวะโอกาสและความชอบธรรมในการปรับเปลี่ยน ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในวิธีทางประชาธิปไตย การที่ประชาชนลงคะแนนอย่างที่เราเห็นผลการเลือกตั้งที่นั่น เขาส่งสัญญาณว่า เขาจะมีความต้องการที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่การที่เขาเลือกใช้วิธีการลงคะแนนเสียง ผมคิดว่ามันเป็นการบ่งบอกว่าเขาก็ต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบสันติ เพราะฉะนั้นพยายามปรับเข้าหากันดีกว่า และสิ่งที่ผมอยากให้ท่านนายกฯ ระมัดระวังก็คือการใช้คำพูดอะไรที่จะทำให้ไปเกิดซ้ำเติม หรือทำให้เกิดอารมณ์ที่มันรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม เพราะฉะนั้นผมเองก็ยังอยากที่จะให้การแสดงท่าทีของรัฐบาลใหม่ มันเป็นโอกาสของการที่จะดึงคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ให้มีความอบอุ่นใจ ในการที่จะเป็นแนวร่วมกับรัฐในการแก้ไขปัญหา เพราะที่ฟังมาตรงกันหมดก็คือเรื่องของความต้องการที่จะเห็นการมีส่วนร่วมและการยอมรับจากภาครัฐในแง่ของความแตกต่างความหลากหลายของวิถีชีวิตในพื้นที่ตรงนั้น แม้กระทั่งเวลาเขาพูดถึงเรื่องของการพัฒนาการศึกษา หรือการพัฒนาเศรษฐกิจ เขาก็ต้องการที่จะเห็นว่าเป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับรากฐานของเขา ฉะนั้นตรงนี้คือสิ่งที่อยากจะให้ทำด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงความละเอียดอ่อน’ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ต่อข้อซักถามว่ามีความไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะเห็นการทำงานร่วมกันของฝ่ายค้านและรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาที่จะร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลเป็นคนกำหนดรูปแบบ เพราะหากตนจะบอกว่าขอเข้าพบนายกฯ เดี๋ยวนายกฯก็จะไม่สบายใจ และก็จะมีการตีความทางการเมือง ชิงไหวชิงพริบชิงดีชิงเด่น ดังนั้นเอารูปแบบที่รัฐบาลสะดวกจะดีกว่า เพราะว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดก็คือ ไม่ต้องการให้เรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง
เมื่อถามถึงแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ปัญหาภาคใต้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอดูในเรื่องของการแถลงนโยบายของรัฐบาลด้วย ว่าแนวทางเป็นอย่างไร แล้วก็มากำหนดท่าทีกัน แต่อย่างไรก็ตามในแง่ของ 3 จังหวัดภาคใต้ พรคประชาธิปัตย์จะตั้งศูนย์ประสานงานขึ้น โดยจะมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือผู้สมัคร ส.ส.ที่สนใจงานทางด้านเข้ามาช่วย เช่น นายสมัย เจริญช่าง ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นต้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-