วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ว่า วันนี้ได้มีการชี้แจงให้ที่ประชุมได้รับทราบว่า พรรคได้เตรียมความพร้อมเต็มที่กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ซึ่งผู้อภิปรายก็ได้ทำการบ้านกันอย่างหนัก เพื่อให้การอภิปรายครั้งนี้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด และไม่ได้มีความหวั่นไหวอะไรกับการตั้งวอร์รูม เพื่อช่วยเหลือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงแต่มีความรู้สึกว่ารัฐบาลไม่น่าจำเป็นจะต้องตั้งวอร์รูม เพราะการอภิปรายเป็นการทำหน้าที่ตามปกติ ในระบอบประชาธิปไตย เมื่อใดที่ฝ่ายตรวจสอบคือฝ่ายค้านพบว่าฝ่ายบริหารคือรัฐบาล มีการกระทำทุจริตหรือบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง เราก็ทำหน้าที่ของเราในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้เป็นเรื่องของการทำสงครามรบราฆ่าฟันอะไรกันใหญ่โตเหมือนอย่างกับที่รัฐบาลกำลังเตรียมการกันอยู่ในขณะนี้
ส่วนกรณีที่นายสุริยะจะมีพี่เลี้ยงหลายคนคอยช่วยเหลือในการอภิปรายนั้น นายองอาจเห็นว่าถ้านายสุริยะมั่นใจในงานที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีพี่เลี้ยงมาช่วย เพราะแต่ละคนที่เอ่ยชื่อมาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบ จึงไม่ทราบว่าการมาเป็นพี่เลี้ยงนั้น เพื่อที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา หรือเพื่อจะหลบหลีกไม่พูดข้อเท็จจริงกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง
นายองอาจ กล่าวต่อว่า การที่วิปรัฐบาลมีมติให้ไว้วางใจนายสุริยะล่วงหน้าทั้งที่ยังไม่มีการอภิปราย ที่ประชุมมีความเห็นว่า เหตุผลต่างๆที่วิปรัฐบาลออกมาอ้าง ล้วนแต่เป็นเหตุผลที่พยายามเอาสีข้างเข้าถู ไม่ได้เป็นเหตุผลที่เป็นไปตามหลักการที่ถูกต้อง นอกจากนั้นยังพยายามที่จะจับแพะชนแกะยกเหตุผลต่างๆมา “ที่บอกว่าการแถลงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มีความชัดเจนแล้ว วิปรัฐบาลคงหูหนวกไปแล้ว ไม่ได้ฟังว่าประชาชนคนไทยเค้ามีความรู้สึกอย่างไรที่ได้ฟังการแถลงของท่านรองวิษณุ ขณะที่คนทั้งประเทศเค้ามีความรู้สึกตรงกันว่าการแถลงของท่านรองวิษณุ ไม่สามารถทำให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ในเรื่องการให้สินบนนี้ได้แต่อย่างใด แต่เป็นเพียงความพยายามที่จะฟอกสิ่งชั่วร้ายให้เป็นสิ่งดีเท่านั้นเอง และเป็นการแถลงที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น”
นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่วิปรัฐบาลออกมายอมรับว่ามตินี้เป็นการข่มขืนใจสมาชิกในพรรค ประชาธิปัตย์มีความเห็นว่าการที่มีมติเช่นนี้ไม่ใช่แค่เป็นการข่มขืนสมาชิกของพรรคเท่านั้น แต่เป็นการข่มขืนระบอบรัฐสภา และเป็นการสร้างความขมขื่นให้กับประชาธิปไตยของไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่รัฐบาลมีมติเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นการใช้อำนาจเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ โดยไม่ยอมฟังเสียงที่แตกต่างออกไป และไม่ยอมฟังเหตุผลอื่นๆ และที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้ไม่เคารพวิธีการทำงานตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งไม่ใส่ใจในระบบการตรวจสอบ ทั้งๆที่การตรวจสอบคือหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และที่ร้ายกว่านั้นวิปรัฐบาลยังบอกว่าการลงมติล่วงหน้าครั้งนี้เป็นมิติใหม่ทางการเมืองของประเทศไทย ใครที่ได้ฟังก็คงจะเห็นชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มิติใหม่ทางการเมืองอย่างเด็ดขาด แต่น่าจะเรียกว่าเป็น ‘น้ำเน่าสายพันธุ์ใหม่ทางการเมือง’ ของประเทศไทย
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยว่า ในเวปไซด์ของพรรคประชาธิปัตย์ www.democrat.or.th จะมีการสรุปคำอภิปรายเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการให้สินบนข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศด้วย เพราะฉะนั้นที่ประชุมจึงมีความเห็นว่าควรจะเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่สนใจติดตามเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้พรรคยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีผู้อภิปรายกี่คน ซึ่งผู้อภิปรายอาจจะลดลง เนื่องจากพรรคอยากให้มีผู้อภิปรายน้อยที่สุด ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามผู้อภิปรายจะใช้เวลาในการอภิปรายคนละ 45 นาที
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกฯออกมาด่าพวกงาบหัวคิวโค 500 บาทต่อครอบครัวว่าเป็น “ไอ้พวกเปรต” ว่า ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับการทุจริตนายกฯจะออกมาด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เหมือนเป็นการเล่นละคร โดยที่ไม่มีการเอาจริงเอาจังที่จะนำตัวคนผิดมาลงโทษ อย่างไรก็ตามคณะทำงานด้านการเกษตรฯของพรรคได้ติดตามเรื่องนี้อยู่ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อประชาชนโดยตรง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 มิ.ย. 2548--จบ--
ส่วนกรณีที่นายสุริยะจะมีพี่เลี้ยงหลายคนคอยช่วยเหลือในการอภิปรายนั้น นายองอาจเห็นว่าถ้านายสุริยะมั่นใจในงานที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีพี่เลี้ยงมาช่วย เพราะแต่ละคนที่เอ่ยชื่อมาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบ จึงไม่ทราบว่าการมาเป็นพี่เลี้ยงนั้น เพื่อที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา หรือเพื่อจะหลบหลีกไม่พูดข้อเท็จจริงกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง
นายองอาจ กล่าวต่อว่า การที่วิปรัฐบาลมีมติให้ไว้วางใจนายสุริยะล่วงหน้าทั้งที่ยังไม่มีการอภิปราย ที่ประชุมมีความเห็นว่า เหตุผลต่างๆที่วิปรัฐบาลออกมาอ้าง ล้วนแต่เป็นเหตุผลที่พยายามเอาสีข้างเข้าถู ไม่ได้เป็นเหตุผลที่เป็นไปตามหลักการที่ถูกต้อง นอกจากนั้นยังพยายามที่จะจับแพะชนแกะยกเหตุผลต่างๆมา “ที่บอกว่าการแถลงของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มีความชัดเจนแล้ว วิปรัฐบาลคงหูหนวกไปแล้ว ไม่ได้ฟังว่าประชาชนคนไทยเค้ามีความรู้สึกอย่างไรที่ได้ฟังการแถลงของท่านรองวิษณุ ขณะที่คนทั้งประเทศเค้ามีความรู้สึกตรงกันว่าการแถลงของท่านรองวิษณุ ไม่สามารถทำให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ในเรื่องการให้สินบนนี้ได้แต่อย่างใด แต่เป็นเพียงความพยายามที่จะฟอกสิ่งชั่วร้ายให้เป็นสิ่งดีเท่านั้นเอง และเป็นการแถลงที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น”
นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่วิปรัฐบาลออกมายอมรับว่ามตินี้เป็นการข่มขืนใจสมาชิกในพรรค ประชาธิปัตย์มีความเห็นว่าการที่มีมติเช่นนี้ไม่ใช่แค่เป็นการข่มขืนสมาชิกของพรรคเท่านั้น แต่เป็นการข่มขืนระบอบรัฐสภา และเป็นการสร้างความขมขื่นให้กับประชาธิปไตยของไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่รัฐบาลมีมติเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นการใช้อำนาจเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ โดยไม่ยอมฟังเสียงที่แตกต่างออกไป และไม่ยอมฟังเหตุผลอื่นๆ และที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้ไม่เคารพวิธีการทำงานตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งไม่ใส่ใจในระบบการตรวจสอบ ทั้งๆที่การตรวจสอบคือหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และที่ร้ายกว่านั้นวิปรัฐบาลยังบอกว่าการลงมติล่วงหน้าครั้งนี้เป็นมิติใหม่ทางการเมืองของประเทศไทย ใครที่ได้ฟังก็คงจะเห็นชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มิติใหม่ทางการเมืองอย่างเด็ดขาด แต่น่าจะเรียกว่าเป็น ‘น้ำเน่าสายพันธุ์ใหม่ทางการเมือง’ ของประเทศไทย
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยว่า ในเวปไซด์ของพรรคประชาธิปัตย์ www.democrat.or.th จะมีการสรุปคำอภิปรายเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการให้สินบนข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศด้วย เพราะฉะนั้นที่ประชุมจึงมีความเห็นว่าควรจะเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่สนใจติดตามเรื่องนี้อยู่ ทั้งนี้พรรคยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีผู้อภิปรายกี่คน ซึ่งผู้อภิปรายอาจจะลดลง เนื่องจากพรรคอยากให้มีผู้อภิปรายน้อยที่สุด ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตามผู้อภิปรายจะใช้เวลาในการอภิปรายคนละ 45 นาที
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกฯออกมาด่าพวกงาบหัวคิวโค 500 บาทต่อครอบครัวว่าเป็น “ไอ้พวกเปรต” ว่า ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับการทุจริตนายกฯจะออกมาด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เหมือนเป็นการเล่นละคร โดยที่ไม่มีการเอาจริงเอาจังที่จะนำตัวคนผิดมาลงโทษ อย่างไรก็ตามคณะทำงานด้านการเกษตรฯของพรรคได้ติดตามเรื่องนี้อยู่ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อประชาชนโดยตรง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 21 มิ.ย. 2548--จบ--