วันนี้ ได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมในการเข้าร่วมลงทุนในบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (TPI) ระหว่างกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้จัดสรรหุ้นส่วนทุนของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่แผนฟื้นฟูกำหนดให้กระทรวงการคลังดำเนินการกับผู้สนใจร่วมลงทุนที่กระทรวงเห็นชอบ ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และธนาคารออมสิน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีลงนาม ซึ่งการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมในการเข้าร่วมลงทุนในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นในการซื้อขายหุ้นบริษัททีพีไอ
ทั้งนี้ ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 หลังจากที่ก่อนหน้านี้การดำเนินการในการแก้ไขปัญหาของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ไม่ประสบผลสำเร็จ และต่อมาคณะผู้บริหารแผนที่แต่งตั้งโดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการแก้ไขแผนฟื้นฟูโดยให้มีการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้คืนด้วยกระแสเงินสดจากการประกอบกิจการของบริษัท ทีพีไอ ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัททีพีไอให้สามารถประกอบกิจการได้เป็นปกติต่อไปซึ่งจะส่งผลดีกับทุกฝ่าย ซึ่งแผนฟื้นฟูดังกล่าวได้รับความเห็นชอบศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2547 ขยายแผนฟื้นฟูออกไปอีก 1 ปี โดยภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนกำหนดให้กระทรวงการคลังมีสิทธิโดยเด็ดขาดในการจัดสรรการขายส่วนทุนตามแผนทั้งหมดให้แก่ผู้ร่วมลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ
การลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมในการเข้าร่วมลงทุนในวันนี้ เป็นการบันทึกความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ ในการเข้าร่วมลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผน สำหรับราคาซื้อขายหุ้นทีพีไอจะเป็นไปตามผลการตรวจสอนบสถานะของบริษัททีพีไอและบริษัทย่อย ระดับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสม และวิธีการคำนวณในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากล โดยกระบวนการทำข้อตกลงซื้อขายหุ้นทีพีไอจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2548
สำหรับการจัดสรรหุ้นครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้ร้อยละ 10 ส่วนในการจัดสรรหุ้นใหม่ จากการแปลงหนี้เป็นทุน ประมาณ ร้อยละ 90 ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งเป็น ปตท. ประมาณร้อยละ 30 กบข.ประมาณร้อยละ 10 ธนาคารออมสิน ประมาณร้อยละ 10 ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับการจัดสรรประมาณ ร้อยละ 15 กลุ่มเจ้าหนี้ของ TPI ประมาณร้อยละ 15 ส่วนหุ้นที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 10 จัดสรรให้กับ กองทุนรายอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควรต่อไป
การจัดสรรส่วนทุนของบริษัททีพีไอในครั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ยึดถือตามเจตนารมณ์ของแผนฟื้นฟูเป็นหลักสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูกิจการบริษัททีพีไอเป็นการฟื้นฟูเพื่อให้บริษัททีพีไอสามารถประกอบกิจการได้เป็นปกติต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นบริษัททีพีไอเอง เจ้าหนี้ พนักงานบริษัท และผู้ถือหุ้นทุกฝ่าย ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูตามแผน
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 9/2548 17 มกราคม 2548--
ทั้งนี้ ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2546 หลังจากที่ก่อนหน้านี้การดำเนินการในการแก้ไขปัญหาของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ไม่ประสบผลสำเร็จ และต่อมาคณะผู้บริหารแผนที่แต่งตั้งโดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการแก้ไขแผนฟื้นฟูโดยให้มีการปรับโครงสร้างหนี้และโครงสร้างทุนให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้คืนด้วยกระแสเงินสดจากการประกอบกิจการของบริษัท ทีพีไอ ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัททีพีไอให้สามารถประกอบกิจการได้เป็นปกติต่อไปซึ่งจะส่งผลดีกับทุกฝ่าย ซึ่งแผนฟื้นฟูดังกล่าวได้รับความเห็นชอบศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2547 ขยายแผนฟื้นฟูออกไปอีก 1 ปี โดยภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทที่ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยข้อเสนอขอแก้ไขแผนกำหนดให้กระทรวงการคลังมีสิทธิโดยเด็ดขาดในการจัดสรรการขายส่วนทุนตามแผนทั้งหมดให้แก่ผู้ร่วมลงทุนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ
การลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมในการเข้าร่วมลงทุนในวันนี้ เป็นการบันทึกความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับขั้นตอนต่าง ๆ ในการเข้าร่วมลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผน สำหรับราคาซื้อขายหุ้นทีพีไอจะเป็นไปตามผลการตรวจสอนบสถานะของบริษัททีพีไอและบริษัทย่อย ระดับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสม และวิธีการคำนวณในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานสากล โดยกระบวนการทำข้อตกลงซื้อขายหุ้นทีพีไอจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2548
สำหรับการจัดสรรหุ้นครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้ร้อยละ 10 ส่วนในการจัดสรรหุ้นใหม่ จากการแปลงหนี้เป็นทุน ประมาณ ร้อยละ 90 ซึ่งในจำนวนนี้แบ่งเป็น ปตท. ประมาณร้อยละ 30 กบข.ประมาณร้อยละ 10 ธนาคารออมสิน ประมาณร้อยละ 10 ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับการจัดสรรประมาณ ร้อยละ 15 กลุ่มเจ้าหนี้ของ TPI ประมาณร้อยละ 15 ส่วนหุ้นที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 10 จัดสรรให้กับ กองทุนรายอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กระทรวงการคลังเห็นสมควรต่อไป
การจัดสรรส่วนทุนของบริษัททีพีไอในครั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ยึดถือตามเจตนารมณ์ของแผนฟื้นฟูเป็นหลักสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูกิจการบริษัททีพีไอเป็นการฟื้นฟูเพื่อให้บริษัททีพีไอสามารถประกอบกิจการได้เป็นปกติต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นบริษัททีพีไอเอง เจ้าหนี้ พนักงานบริษัท และผู้ถือหุ้นทุกฝ่าย ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นฟูตามแผน
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 9/2548 17 มกราคม 2548--