วันนี้ (16 ม.ค.48) เวลา 08.30 น. ขบวนคาราวานประชาธิไตยของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกเดินทางจากพรรคประชาธิปัตย์ ไปยังจ.นครปฐม โดยคณะผู้บริหารพรรค นำโดยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยผู้สมัครทั้ง 3 เขต ของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย เขต 1 นายนายสุรยุทธ นิยมทรัพย์ เขต 2 ร.อ.ถิรายุ นิยมทรัพย์ เขต 3 นายสกลภัทร เหมือนจันทร์เชย ได้ไหว้สักการะองค์พระปฐมเจดีย์ และเดินพบประชาชนที่ตลาดนครปฐม จากนั้นได้เดินทางไปยังตลาดกำแพงแสน อ.กำแพงแสน เพื่อเดินหาเสียงต่อไป และจะเดินทางไปยังจ.ราชบุรี
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคทรท.ลดเป้าส.ส.ในภาคอีสานเหลือ 120 คนว่า ความจริงพรรคไทยรักไทย น่าจะลดลงมากกว่าเดิม หาก 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่สร้างภาพเกินจริง และยอมรับว่า มีปัญหามาก คนจนยังเยอะ และมีคนเป็นหนี้มากขึ้น เป้าหมายของพรรคไทยรักไท ยคือภาคอีสาน การจะได้ที่นั่งเพิ่มคงจะไม่มี แม้แต่ในพื้นที่ภาคเหนือที่เป็นบ้านเกิดของนายกฯ เองก็อาจจะไม่ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น เพราะเกษตรกรในภาคเหนือได้รับความเดือดร้อน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำเอฟทีเอกับประเทศจีน และถ้าภาคอีสานพรรคทรท.ได้ไม่ถึง 100 เสียง พรรคทรท.จะเจ็บปวด และการจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อนายกฯ ประกาศไปแล้วว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ไม่อยากกล้ำกลืนน้ำลายตัวเอง ดึงพรรคอื่นมาสนับสนุนเพื่อเป็นรัฐบาล 400 เสียง ก็ปิดประตูไปได้แล้ว แล้วการเป็นรัฐบาลพรรคเดียวก็ต้องปิดประตูตามด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อรัฐบาลไม่มั่นใจก็จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ นายบัญญัติ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว ดังนั้นกกต.ต้องมีความเข้มข้นและเข้มแข็ง และกกต.ต้องออกมาสร้างความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เพราะเมื่อทรท.ตั้งใจว่าจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง และเริ่มรู้สึกว่าอำนาจกำลังจะสูญเสีย เมื่อสูญเสียอำนาจผลประโยชน์ก็จะสูญเสียไปด้วย ทำให้เกิดภาวะเลือดเข้าตา เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้พรรคทรท.ทำทุกวิถีทางรักษาอำนาจไว้ เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ แทนที่จะเป็นการเลือกตั้งสีเทาเหมือนที่นักวิชาการเคยวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะกลายเป็นการเลือกตั้งสีดำและมากกว่านั้นจะกลายเป็นการเลือกตั้งสีเลือด ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะเริมมีการข่มขู่คุกคาม ยิงปืนใส่หัวคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้ง และวันนี้มีคนตายเกิดขึ้น และเมื่อคนตายเป็นคนของทรท.รัฐบาลก็จะออกมาเต้นแร้งเต้นกา แต่ถ้าเป็นของฝ่ายอื่น เรื่องก็จะเงียบหายไป
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง พื้นที่เลือกตั้งในจ.นครปฐมว่า พื้นที่จ.นครปฐมถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่พรรคัดสินใจส่งคนลงสมัคร เพราะผู้สมัครเกาะติดพื้นที่มาโดยตลอด หลายคนมีพ่อแม่พี่น้องเป็นนักการเมือง ซึ่งเคยรับใช้พี่น้องมาต่อเนื่องและยาวนาน จึงกลายเป็นจุดแข็งของพรรคท่น่าจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ดังนั้นตนจึงยกขบวนคาราวานมาขอแรงสนับสนุนและให้กำลังใจ ซึ่งในพื้นที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งล่าสุด พรรคก็ได้รับบทเรียน ดังนั้นจึงเน้นให้ผู้สมัครเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เมื่อถามว่า เรื่องเงินยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกตั้ง นายบัญญัติ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเมื่อคนรวยลงมาเล่นการเมืองย่อมมีการลงทุนซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้ให้ประชาชนเห็นแล้วว่า มีการถอนทุนจากประเทศมาโดยตลอด ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะให้บทเรียน สั่งสอนคนเหล่านั้นให้มีความสำนึกในทางที่ถูกต้อง
ส่วนกรณีที่นากฯ อ้างคำพูดของชาวบ้านว่า แม้แต่หมากับแมวก็เลือกพรรคทรท.นั้น นายบัญยัติกล่าวว่าไม่ทราบ เพราะตนไม่รู้จักหมากับแมวที่นายกฯ พูดถึงรู้จักแต่คนเท่านั้น ซึ่งตนไม่เคยหาเสียงกับหมากับแมว วันนี้ถึงได้รู้ว่า คนเขาคิดกันอย่างไร ส่วนควาคิดของหมาของแมวคงไม่มีโอกาสรู้
เมื่อถามว่า การพูดเช่นนี้ของนายกเหมือนตอนเลือกตั้งกทม. หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ถ้าคิดง่ายๆ เช่นนี้ เป็นการคิดอยู่บนพื้นฐานของการเหมาเองถือเป็นการดูถูกประชาชนอย่างขัดเจนว่า พรรคทรท.เอาอย่างไร ประชาชนก็จะเอาด้วย ซึ่งตนไม่คิดเช่นนั้น และคิดว่าวันนี้ประชาชนจะเข้าใจและรู้เอง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคทรท.ลดเป้าส.ส.ในภาคอีสานเหลือ 120 คนว่า ความจริงพรรคไทยรักไทย น่าจะลดลงมากกว่าเดิม หาก 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่สร้างภาพเกินจริง และยอมรับว่า มีปัญหามาก คนจนยังเยอะ และมีคนเป็นหนี้มากขึ้น เป้าหมายของพรรคไทยรักไท ยคือภาคอีสาน การจะได้ที่นั่งเพิ่มคงจะไม่มี แม้แต่ในพื้นที่ภาคเหนือที่เป็นบ้านเกิดของนายกฯ เองก็อาจจะไม่ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้น เพราะเกษตรกรในภาคเหนือได้รับความเดือดร้อน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำเอฟทีเอกับประเทศจีน และถ้าภาคอีสานพรรคทรท.ได้ไม่ถึง 100 เสียง พรรคทรท.จะเจ็บปวด และการจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อนายกฯ ประกาศไปแล้วว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ไม่อยากกล้ำกลืนน้ำลายตัวเอง ดึงพรรคอื่นมาสนับสนุนเพื่อเป็นรัฐบาล 400 เสียง ก็ปิดประตูไปได้แล้ว แล้วการเป็นรัฐบาลพรรคเดียวก็ต้องปิดประตูตามด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อรัฐบาลไม่มั่นใจก็จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ นายบัญญัติ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว ดังนั้นกกต.ต้องมีความเข้มข้นและเข้มแข็ง และกกต.ต้องออกมาสร้างความเป็นกลางอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เพราะเมื่อทรท.ตั้งใจว่าจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง และเริ่มรู้สึกว่าอำนาจกำลังจะสูญเสีย เมื่อสูญเสียอำนาจผลประโยชน์ก็จะสูญเสียไปด้วย ทำให้เกิดภาวะเลือดเข้าตา เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้พรรคทรท.ทำทุกวิถีทางรักษาอำนาจไว้ เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ แทนที่จะเป็นการเลือกตั้งสีเทาเหมือนที่นักวิชาการเคยวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะกลายเป็นการเลือกตั้งสีดำและมากกว่านั้นจะกลายเป็นการเลือกตั้งสีเลือด ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นเช่นนั้น เพราะเริมมีการข่มขู่คุกคาม ยิงปืนใส่หัวคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้ง และวันนี้มีคนตายเกิดขึ้น และเมื่อคนตายเป็นคนของทรท.รัฐบาลก็จะออกมาเต้นแร้งเต้นกา แต่ถ้าเป็นของฝ่ายอื่น เรื่องก็จะเงียบหายไป
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง พื้นที่เลือกตั้งในจ.นครปฐมว่า พื้นที่จ.นครปฐมถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่พรรคัดสินใจส่งคนลงสมัคร เพราะผู้สมัครเกาะติดพื้นที่มาโดยตลอด หลายคนมีพ่อแม่พี่น้องเป็นนักการเมือง ซึ่งเคยรับใช้พี่น้องมาต่อเนื่องและยาวนาน จึงกลายเป็นจุดแข็งของพรรคท่น่าจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ดังนั้นตนจึงยกขบวนคาราวานมาขอแรงสนับสนุนและให้กำลังใจ ซึ่งในพื้นที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งล่าสุด พรรคก็ได้รับบทเรียน ดังนั้นจึงเน้นให้ผู้สมัครเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เมื่อถามว่า เรื่องเงินยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกตั้ง นายบัญญัติ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเมื่อคนรวยลงมาเล่นการเมืองย่อมมีการลงทุนซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้ชี้ให้ประชาชนเห็นแล้วว่า มีการถอนทุนจากประเทศมาโดยตลอด ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะให้บทเรียน สั่งสอนคนเหล่านั้นให้มีความสำนึกในทางที่ถูกต้อง
ส่วนกรณีที่นากฯ อ้างคำพูดของชาวบ้านว่า แม้แต่หมากับแมวก็เลือกพรรคทรท.นั้น นายบัญยัติกล่าวว่าไม่ทราบ เพราะตนไม่รู้จักหมากับแมวที่นายกฯ พูดถึงรู้จักแต่คนเท่านั้น ซึ่งตนไม่เคยหาเสียงกับหมากับแมว วันนี้ถึงได้รู้ว่า คนเขาคิดกันอย่างไร ส่วนควาคิดของหมาของแมวคงไม่มีโอกาสรู้
เมื่อถามว่า การพูดเช่นนี้ของนายกเหมือนตอนเลือกตั้งกทม. หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ถ้าคิดง่ายๆ เช่นนี้ เป็นการคิดอยู่บนพื้นฐานของการเหมาเองถือเป็นการดูถูกประชาชนอย่างขัดเจนว่า พรรคทรท.เอาอย่างไร ประชาชนก็จะเอาด้วย ซึ่งตนไม่คิดเช่นนั้น และคิดว่าวันนี้ประชาชนจะเข้าใจและรู้เอง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-