ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. เอ็นพีแอลของสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน ต.ค.48 คิดเป็นร้อยละ 9.98 ของสินเชื่อทั้งหมด
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ สิ้นเดือน
ต.ค.48 ว่า เอ็นพีแอลของสถาบันการเงินมีจำนวน 576,476.83 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.98 ของสินเชื่อทั้ง
หมด ลดลงจากเดือน ก.ย.417.63 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 576,894.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.93 ทั้งนี้ เอ็น
พีแอลของ ธพ.มีจำนวน 563,490.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.12 ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
7,288.72 ล้านบาท แบ่งเป็นเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นจาก ธพ.เอกชน 423,001.22 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.77
ของสินเชื่อ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7,709.24 ล้านบาท และธพ.ของรัฐมีจำนวน 131,147.58 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 9.44 ของสินเชื่อรวม เป็นของสาขา ธพ.ต่างประเทศ 8,964.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.55 ของสินเชื่อ
รวม ลดลงจากเดือนก่อน 420.42 ล้านบาท ขณะที่เอ็นพีแอลของ บง.อยู่ที่จำนวน 12,559.72 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 6.13 ของสินเชื่อรวม ลดลงจากเดือนก่อน 7,706.45 ล้านบาท และเป็นเอ็นพีแอลของ บค.426.41 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 42.10 ของสินเชื่อรวม เท่ากับเดือนก่อนหน้า (โพสต์ทูเดย์)
2. ยอดสินเชื่อคงค้าง ธพ.ไทยในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.69 เทียบต่อเดือน ศูนย์วิจัย
กสิกรไทย รายงานตัวเลขสินเชื่อ เงินฝาก และสินทรัพย์ ในระบบ ธพ.ไทย ณ 31 ต.ค.48 โดยมียอดคงค้างสิน
เชื่อเดือน ต.ค.48 (ไม่นับรวม ธ.ทิสโก้ และเกียรตินาคิน) 4,443,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
73,959 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.69 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.25
โดยกลุ่ม ธพ.ขนาดใหญ่ 4 แห่ง มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.65 ส่วนกลุ่ม ธพ.ขนาดกลาง 3 แห่ง
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.51 ด้านเงินฝากในเดือน ต.ค.มียอดคงค้างจำนวน 5,448,525 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน
11,610 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 0.21 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.80 โดยเงิน
ฝาก 4 ธพ.ขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง 35,464 ล้านบาท กลุ่ม ธพ.ขนาดกลาง 3 แห่งลดลง 14,181 ล้านบาท ขณะ
ที่สินทรัพย์รวมในระบบ ธพ.ไทย ณ 31 ต.ค.48 มีจำนวน 6,693,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 42,748
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.65 โดยเป็นการเพิ่มจาก ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไทยที่โอนสินทรัพย์ของสาขาต่าง
ประเทศเข้ามารวม 60,000 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
3. บสท.ปรับโครงสร้างหนี้ 9 เดือนแรกปี 48 สำเร็จร้อยละ 72 ของมูลหนี้ที่รับโอนทั้งหมด
กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 48 ว่า
บสท.ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินสิ้นไตรมาส 3 รวมทั้งสิ้น 15,290 ราย มูลค่าทางบัญชี
777,047 ล้านบาท และได้บริหารจัดการจนมีข้อยุติแล้ว 15,258 ราย มูลค่าทางบัญชี 771,970 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 99.34 ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้รับโอนทั้งหมด ซึ่งเป็นการยุติด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ (TDR)
จำนวน 7,922 ราย มูลค่าทางบัญชีกว่า 561,688 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.76 ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอน
มาทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 47 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 68.60 ด้านสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ที่ได้จากการปรับ
โครงสร้างหนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย.มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 44,375 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บสท.ได้จำหน่าย
ทรัพย์สินไปแล้วประมาณ 8,600 ล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน, แนวหน้า)
4. ก.คลังเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 4 ด้าน รมว.คลัง กล่าวในงาน Lunch on Talk ของหอ
การค้าต่างประเทศ เรื่อง “การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย” ว่า ในอนาคตจะส่งเสริมการปรับโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจ 4 ด้าน ประกอบด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านกายภาพ คือ 1) การลงทุนในโครง
สร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ 2) การสร้างความเข้มแข็งทางด้านการเงิน โดยพยายามเร่งลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย
ได้ (เอ็นพีแอล) ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3) การแก้ไขกฎหมายให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของเอกชน และ 4)
การพัฒนาทางด้านสังคม เช่น ด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย เป็นต้น (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสรอ. เพิ่มขึ้นก่อนถึงเทศกาลวันหยุด รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 23
พ.ย. 48 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสรอ.ในเดือนพ.ย. ฟื้นตัวเนื่องจากราคาน้ำมันลดลงรวมทั้งผลกระทบจากพายุเฮอร์
ริเคนแคทรีนาลดน้อยลง ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสรอ. ซึ่งรวบรวมโดย The University of
Michigan ชี้ว่า ในเดือนพ.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้กลับฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งอยู่ที่ระดับ 81.6 จากระดับ 74.2 ใน
เดือนต.ค. และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าดัชนีดังกล่าวจะฟื้นตัวอยู่ที่ระดับ 80.6 ทั้งนี้หัวหน้านัก
เศรษฐศาสตร์จาก A.G. Edwards and Sons กล่าวว่าเศรษฐกิจสรอ.กำลังมีเสถียรภาพภายหลังจากที่ได้รับผล
กระทบจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาและมุ่งสู่เทศกาลใช้จ่ายในวันขอบคุณพระเจ้าในเดือนหน้า การฟื้นตัวดังกล่าวเป็น
ไปอย่างทั่วถึงโดยดัชนีความเชื่อมั่นในสภาวการณ์ปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึงระดับ 100.2 จากระดับ 91.2 ในขณะที่ดัชนี
ความคาดหวังก็สูงขึ้นสู่ระดับ 69.6 จากระดับ 63.2 ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมักใช้เป็นเครื่องวัดการใช้จ่าย
ในอนาคตแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างความรู้สึกกับยอดขายปลีกที่แท้จริงจะไม่ค่อยเป็นไปในทิศทางเดียวกันนักก็ตาม
(รอยเตอร์)
2. คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone เพิ่มขึ้นร้อยละ
1.1 ในเดือน ก.ย.48 จากเดือนก่อน รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 23 พ.ย.48 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติ
กลางของยุโรปรายงานคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ซึ่งประกอบ
ด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน ก.ย.48 จากเดือน
ก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ต่อปี โดยเป็นผลจากคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในเยอรมนีซึ่งมีขนาด
เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเขตนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ต่อเดือนหลังจากลดลงมากกว่าร้อยละ 4 ต่อเดือนในเดือน ส.
ค.48 ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมใน Euro zone เริ่มดีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยได้รับผลดีจากค่าเงินยูโรที่
อ่อนตัวลงและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการลงทุนของภาคเอกชนที่ดีขึ้นทั่วภูมิภาค แม้ว่า
การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะยังซบเซาในหลายประเทศก็ตาม โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดต่อเดือนคืออุปกรณ์
เกี่ยวกับการเดินทางขนส่งซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ต่อเดือน ตามมาด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.8 ต่อเดือน (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน ต.ค.48 ลดลงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รายงานจากโตเกียว เมื่อ
24 พ.ย.48 ก.คลังของญี่ปุ่นรายงานยอดเกินดุลการค้าในเดือน ต.ค.48 ลดลงร้อยละ 28.8 ต่อปีมีจำนวน
822.1 พันล้านเยนหรือ 6.93 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันและลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด
ไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 23.7 ต่อปีมีจำนวน 880.4 พันล้านเยน ทั้งนี้เป็นผลจากการส่งออกชะลอตัวลง โดยยอดส่ง
ออกในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8.0 ต่อปีมีจำนวน 5.91 ล้านล้านเยน ต่ำกว่าที่ผลสำรวจรอยเตอร์
คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ต่อปี ในขณะที่ยอดนำเข้ากลับพุ่งสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน โดยยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 17.8 มีจำนวน 5.09 ล้านล้านเยน ในขณะที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 อย่างไรก็ดี หากปรับตัวเลขตาม
ฤดูกาลแล้ว ยอดเกินดุลการค้าในเดือน ต.ค.48 จะมีจำนวน 719.7 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.8 จากเดือน
ก่อน (รอยเตอร์)
4. คาดว่าดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีเดือน พ.ย. จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับสูง
สุดในรอบ 5 ปี รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 23 พ.ย.48 สถาบันวิจัย Ifo แห่ง
เมืองมิวนิคของเยอรมนี เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ จำนวน 45 คน ที่คาดว่า ดัชนีชี้วัด
บรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือน พ.ย.48 จะอยู่ที่ระดับ 98.6 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 98.7 ในเดือน
ต.ค.48 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนคือการอ่อนตัวของค่าเงินยูโรและราคาน้ำมันที่เริ่ม
ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการส่งสัญญาณบางอย่างจากการให้สัมภาษณ์ของประธาน ธ.กลางสหภาพยุโรป
เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ธ.กลางสหภาพยุโรปอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.48 ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้น
ดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 5 ปีก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อผลการสำรวจ
ความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ในครั้งนี้ที่ยังยืนยันว่า ดัชนีดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับเดือนก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 24 พ.ย. 48 23 พ.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.154 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.9628/41.2583 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80722 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 669.18/ 13.28 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,450/9,550 9,450/9,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 51.53 51.9 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ย. 48 25.24*/22.69** 25.24*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. เอ็นพีแอลของสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน ต.ค.48 คิดเป็นร้อยละ 9.98 ของสินเชื่อทั้งหมด
รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยข้อมูลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ณ สิ้นเดือน
ต.ค.48 ว่า เอ็นพีแอลของสถาบันการเงินมีจำนวน 576,476.83 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.98 ของสินเชื่อทั้ง
หมด ลดลงจากเดือน ก.ย.417.63 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 576,894.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.93 ทั้งนี้ เอ็น
พีแอลของ ธพ.มีจำนวน 563,490.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.12 ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
7,288.72 ล้านบาท แบ่งเป็นเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นจาก ธพ.เอกชน 423,001.22 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.77
ของสินเชื่อ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7,709.24 ล้านบาท และธพ.ของรัฐมีจำนวน 131,147.58 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 9.44 ของสินเชื่อรวม เป็นของสาขา ธพ.ต่างประเทศ 8,964.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.55 ของสินเชื่อ
รวม ลดลงจากเดือนก่อน 420.42 ล้านบาท ขณะที่เอ็นพีแอลของ บง.อยู่ที่จำนวน 12,559.72 ล้านบาท หรือร้อย
ละ 6.13 ของสินเชื่อรวม ลดลงจากเดือนก่อน 7,706.45 ล้านบาท และเป็นเอ็นพีแอลของ บค.426.41 ล้าน
บาท หรือร้อยละ 42.10 ของสินเชื่อรวม เท่ากับเดือนก่อนหน้า (โพสต์ทูเดย์)
2. ยอดสินเชื่อคงค้าง ธพ.ไทยในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.69 เทียบต่อเดือน ศูนย์วิจัย
กสิกรไทย รายงานตัวเลขสินเชื่อ เงินฝาก และสินทรัพย์ ในระบบ ธพ.ไทย ณ 31 ต.ค.48 โดยมียอดคงค้างสิน
เชื่อเดือน ต.ค.48 (ไม่นับรวม ธ.ทิสโก้ และเกียรตินาคิน) 4,443,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
73,959 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.69 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.25
โดยกลุ่ม ธพ.ขนาดใหญ่ 4 แห่ง มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.65 ส่วนกลุ่ม ธพ.ขนาดกลาง 3 แห่ง
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.51 ด้านเงินฝากในเดือน ต.ค.มียอดคงค้างจำนวน 5,448,525 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน
11,610 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 0.21 แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.80 โดยเงิน
ฝาก 4 ธพ.ขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง 35,464 ล้านบาท กลุ่ม ธพ.ขนาดกลาง 3 แห่งลดลง 14,181 ล้านบาท ขณะ
ที่สินทรัพย์รวมในระบบ ธพ.ไทย ณ 31 ต.ค.48 มีจำนวน 6,693,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 42,748
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.65 โดยเป็นการเพิ่มจาก ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไทยที่โอนสินทรัพย์ของสาขาต่าง
ประเทศเข้ามารวม 60,000 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า)
3. บสท.ปรับโครงสร้างหนี้ 9 เดือนแรกปี 48 สำเร็จร้อยละ 72 ของมูลหนี้ที่รับโอนทั้งหมด
กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 48 ว่า
บสท.ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินสิ้นไตรมาส 3 รวมทั้งสิ้น 15,290 ราย มูลค่าทางบัญชี
777,047 ล้านบาท และได้บริหารจัดการจนมีข้อยุติแล้ว 15,258 ราย มูลค่าทางบัญชี 771,970 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 99.34 ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้รับโอนทั้งหมด ซึ่งเป็นการยุติด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ (TDR)
จำนวน 7,922 ราย มูลค่าทางบัญชีกว่า 561,688 ล้านบาท หรือร้อยละ 72.76 ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอน
มาทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 47 ที่มีสัดส่วนร้อยละ 68.60 ด้านสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ที่ได้จากการปรับ
โครงสร้างหนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย.มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 44,375 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บสท.ได้จำหน่าย
ทรัพย์สินไปแล้วประมาณ 8,600 ล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน, แนวหน้า)
4. ก.คลังเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 4 ด้าน รมว.คลัง กล่าวในงาน Lunch on Talk ของหอ
การค้าต่างประเทศ เรื่อง “การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย” ว่า ในอนาคตจะส่งเสริมการปรับโครงสร้างทาง
เศรษฐกิจ 4 ด้าน ประกอบด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านกายภาพ คือ 1) การลงทุนในโครง
สร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ 2) การสร้างความเข้มแข็งทางด้านการเงิน โดยพยายามเร่งลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย
ได้ (เอ็นพีแอล) ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3) การแก้ไขกฎหมายให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของเอกชน และ 4)
การพัฒนาทางด้านสังคม เช่น ด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย เป็นต้น (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสรอ. เพิ่มขึ้นก่อนถึงเทศกาลวันหยุด รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 23
พ.ย. 48 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสรอ.ในเดือนพ.ย. ฟื้นตัวเนื่องจากราคาน้ำมันลดลงรวมทั้งผลกระทบจากพายุเฮอร์
ริเคนแคทรีนาลดน้อยลง ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสรอ. ซึ่งรวบรวมโดย The University of
Michigan ชี้ว่า ในเดือนพ.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคได้กลับฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งอยู่ที่ระดับ 81.6 จากระดับ 74.2 ใน
เดือนต.ค. และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่าดัชนีดังกล่าวจะฟื้นตัวอยู่ที่ระดับ 80.6 ทั้งนี้หัวหน้านัก
เศรษฐศาสตร์จาก A.G. Edwards and Sons กล่าวว่าเศรษฐกิจสรอ.กำลังมีเสถียรภาพภายหลังจากที่ได้รับผล
กระทบจากพายุเฮอร์ริเคนแคทรีนาและมุ่งสู่เทศกาลใช้จ่ายในวันขอบคุณพระเจ้าในเดือนหน้า การฟื้นตัวดังกล่าวเป็น
ไปอย่างทั่วถึงโดยดัชนีความเชื่อมั่นในสภาวการณ์ปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึงระดับ 100.2 จากระดับ 91.2 ในขณะที่ดัชนี
ความคาดหวังก็สูงขึ้นสู่ระดับ 69.6 จากระดับ 63.2 ทั้งนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมักใช้เป็นเครื่องวัดการใช้จ่าย
ในอนาคตแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างความรู้สึกกับยอดขายปลีกที่แท้จริงจะไม่ค่อยเป็นไปในทิศทางเดียวกันนักก็ตาม
(รอยเตอร์)
2. คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone เพิ่มขึ้นร้อยละ
1.1 ในเดือน ก.ย.48 จากเดือนก่อน รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 23 พ.ย.48 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติ
กลางของยุโรปรายงานคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ซึ่งประกอบ
ด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ในเดือน ก.ย.48 จากเดือน
ก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ต่อปี โดยเป็นผลจากคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมในเยอรมนีซึ่งมีขนาด
เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเขตนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ต่อเดือนหลังจากลดลงมากกว่าร้อยละ 4 ต่อเดือนในเดือน ส.
ค.48 ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมใน Euro zone เริ่มดีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยได้รับผลดีจากค่าเงินยูโรที่
อ่อนตัวลงและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการลงทุนของภาคเอกชนที่ดีขึ้นทั่วภูมิภาค แม้ว่า
การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะยังซบเซาในหลายประเทศก็ตาม โดยสินค้าที่มีคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดต่อเดือนคืออุปกรณ์
เกี่ยวกับการเดินทางขนส่งซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ต่อเดือน ตามมาด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ
2.8 ต่อเดือน (รอยเตอร์)
3. ญี่ปุ่นเกินดุลการค้าในเดือน ต.ค.48 ลดลงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รายงานจากโตเกียว เมื่อ
24 พ.ย.48 ก.คลังของญี่ปุ่นรายงานยอดเกินดุลการค้าในเดือน ต.ค.48 ลดลงร้อยละ 28.8 ต่อปีมีจำนวน
822.1 พันล้านเยนหรือ 6.93 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันและลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด
ไว้ว่าจะลดลงร้อยละ 23.7 ต่อปีมีจำนวน 880.4 พันล้านเยน ทั้งนี้เป็นผลจากการส่งออกชะลอตัวลง โดยยอดส่ง
ออกในเดือน ต.ค.48 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8.0 ต่อปีมีจำนวน 5.91 ล้านล้านเยน ต่ำกว่าที่ผลสำรวจรอยเตอร์
คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 ต่อปี ในขณะที่ยอดนำเข้ากลับพุ่งสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน โดยยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 17.8 มีจำนวน 5.09 ล้านล้านเยน ในขณะที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 อย่างไรก็ดี หากปรับตัวเลขตาม
ฤดูกาลแล้ว ยอดเกินดุลการค้าในเดือน ต.ค.48 จะมีจำนวน 719.7 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.8 จากเดือน
ก่อน (รอยเตอร์)
4. คาดว่าดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีเดือน พ.ย. จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับสูง
สุดในรอบ 5 ปี รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 23 พ.ย.48 สถาบันวิจัย Ifo แห่ง
เมืองมิวนิคของเยอรมนี เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ จำนวน 45 คน ที่คาดว่า ดัชนีชี้วัด
บรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีในเดือน พ.ย.48 จะอยู่ที่ระดับ 98.6 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 98.7 ในเดือน
ต.ค.48 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนคือการอ่อนตัวของค่าเงินยูโรและราคาน้ำมันที่เริ่ม
ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการส่งสัญญาณบางอย่างจากการให้สัมภาษณ์ของประธาน ธ.กลางสหภาพยุโรป
เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ธ.กลางสหภาพยุโรปอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.48 ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้น
ดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 5 ปีก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อผลการสำรวจ
ความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ในครั้งนี้ที่ยังยืนยันว่า ดัชนีดังกล่าวจะยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับเดือนก่อน (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 24 พ.ย. 48 23 พ.ย. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.154 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.9628/41.2583 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80722 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 669.18/ 13.28 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,450/9,550 9,450/9,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 51.53 51.9 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 17 พ.ย. 48 25.24*/22.69** 25.24*/22.69** 16.99/14.59 ปตท.
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 14 พ.ย. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--