ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.คาดดอกเบี้ยอาร์พีมีโอกาสปรับขึ้นอีกร้อยละ 1 ในปีนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นล่าสุดในเดือน ม.ค.เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.7 เงินเฟ้อทั่วไป
ร้อยละ 2.7 มีส่วนผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยในปีนี้ปรับขึ้น และดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์พี) มี
โอกาสปรับขึ้นอีกร้อยละ 1 ภายในปีนี้ ทั้งนี้แม้ทิศทางของดอกเบี้ยปีนี้เป็นช่วงขาขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าคณะ
กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการปรับครั้งเดียวร้อยละ 1 เพราะในปีนี้จะมีการประชุมอีก 6 ครั้ง รวม
ทั้งไม่ได้หมายความว่าจะมีการปรับขึ้นทุกครั้งที่มีการประชุม นอกจากนี้ น.ส.นิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธปท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่ง ธปท.ได้เข้าไปดูแลค่าเงินบาทตามความ
จำเป็น เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวเร็วเกินไป ซึ่งยังไม่กระทบต่อผู้ส่งออกและนำเข้าขณะนี้ (เดลินิวส์, ไทยรัฐ,
กรุงเทพธุรกิจ, บ้านเมือง, แนวหน้า, โพสต์ทูเดย์)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ ขายหุ้นของ ธ.ยูโอบี รัตนสิน และ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน รายงานจาก
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กองทุนฟื้นฟูฯ
เตรียมขายหุ้น ธ.ยูโอบี รัตนสินทั้งหมดจำนวนร้อยละ 16 ให้กับ ธ.ยูโอบี สิงคโปร์ในราคา 2,900 ล้านบาท ซึ่ง
ได้ตกลงเซ็นสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการส่งมอบและชำระเงินเท่านั้น ซึ่ง ธ.ยูโอบี
สิงคโปร์มีเวลาในขั้นตอนดังกล่าว 3 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ใน ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์
ดนครธนทั้งหมดร้อยละ 24.97 ให้กับ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ในราคา 3,800 ล้านบาท ส่วนอีก 3 ธนาคารที่
เหลือ คือ ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย และไทยธนาคาร กองทุนฟื้นฟูฯ ยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นหรือนำไปควบ
รวมกิจการกับธนาคารใด (มติชน, โลกวันนี้, แนวหน้า, โพสต์ทูเดย์)
3. ก.คลังคาดไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในปีนี้ รองผอ.สำนัก
งานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษก ก.คลัง กล่าวว่า ก.คลังยังไม่ปรับเปลี่ยนเป้าหมายอัตราการขยาย
ตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยประเมินว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6.0 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 4.0 ส่วน
การขาดดุลการค้าทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดยังประเมินว่าจะเกินดุล
ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แต่หากมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ระดับที่ประเทศไทยจะรับได้ ต้องไม่เกินร้อย
ละ 5.0 ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม จะประเมินตัวเลขเศรษฐกิจกันอีกครั้งในช่วงเดือน พ.ค.นี้ (ข่าวสด, ผู้จัดการ
รายวัน, โพสต์ทูเดย์)
4. ก.คลังเตรียมใช้มาตรการภาษีกระตุ้นตลาดบ้านมือสองให้ขยายตัวมากขึ้น นายวีรชัย วีระเมธีกุล
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ก.คลัง กล่าวในงานสัมมนา “อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2005” ว่า ก.คลังจะ
เน้นพัฒนาตลาดบ้านมือสองให้ขยายตัวมากขึ้น โดยจะเน้น 4 มาตรการหลัก คือ 1) พัฒนาด้านข้อมูลภาคอสังหาริม
ทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 2) การพัฒนาด้านกฎหมาย โดยจะมีการยกร่างกฎหมายการจัดการผลประโยชน์คู่
สัญญา 3) มาตรการด้านภาษีเพื่อกระตุ้นให้ตลาดบ้านมือสองขยายตัวมากขึ้น และ 4) มาตรการด้านอื่น ๆ โดย
เฉพาะการรวมองค์กรของ บ.บริหารสินทรัพย์ของรัฐและเอกสารมาร่วมบริหารจัดการหนี้เสีย และการเร่งสร้าง
จริยธรรมของผู้ประกอบการ (ข่าวสด, สยามรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.48 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 6 เดือนทำให้คาดว่า ธ.
กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีในการประชุมในสัปดาห์หน้า รายงานจากลอนดอน เมื่อ
30 มี.ค.48 สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษรายงานดัชนีวัดยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.48 อยู่ที่ระดับ —9 จากระดับ
+2 ในเดือน ก.พ.48 อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบต่อปีนับตั้งแต่เดือน พ.ย.35 เป็นสัญญาณว่าการใช้จ่ายของผู้
บริโภคเริ่มชะลอตัวหลังจาก ธ.กลางอังกฤษขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในรอบ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ในขณะที่สภา
อุตสาหกรรมของอังกฤษกล่าวว่ายอดค้าปลีกที่ลดลงมาตั้งแต่ต้นปีอาจมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปรกติ
นักวิเคราะห์มีความเห็นต่างกันว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในปีนี้ ในขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลาง
อังกฤษกล่าวว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นนัยว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ย
ไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีในการประชุมในสัปดาห์หน้าและอาจจะรวมถึงในเดือนถัดไปจนกว่าจะได้ภาพที่ชัดเจนว่าการ
ใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงเป็นการถาวรหรือเพียงชั่วคราว (รอยเตอร์)
2. อัตราคนว่างงานของเยอรมนีเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้น 92,000 คน รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 30 มี.ค.48 แหล่งข่าวจาก สนง.แรงงานแห่งชาติของเยอรมนี เปิดเผยว่า ยอดรวม
คนว่างงานที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วของเยอรมนีในเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้น 92,000 คน จากเดือน ก.พ.48
สูงสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากผลสำรวจ
ความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 55,000 คน ทั้งนี้ การเติบโตทาง
เศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลกระทบคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยต่ออัตราคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ โดยยอดรวมคน
ว่างงานที่ปรับตัวเลขแล้วในเดือน ก.พ.48 อยู่ที่ 4.875 ล้านคน ซึ่งภายใต้นโยบายการปฏิรูปตลาดแรงงานของ
รัฐบาลทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากจำนวนคนว่างงานหลายแสน
คนที่สามารถทำงานได้แต่ได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐได้ถูกโอนเข้าสู่บัญชีรายชื่อคนว่าง
งาน รวมทั้งสภาวะอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้นด้วย (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 ลดลงตามการชะลอตัวของการส่งออก รายงาน
จากโตเกียวเมื่อ 30 มี.ค.48 The Ministry of Economy, Trade and Industry (METI) เปิดเผยว่า
ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 ลดลงสูงสุดในรอบปีร้อยละ 2.1 จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าการคาด
การณ์ของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.1 นำโดยการลดลงของผลผลิตเครื่องจักรกลและเครื่อง
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สาเหตุจากการชะลอตัวของการส่งออก อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการส่ง
ออกจะปรับตัวดีขึ้นในเดือน มี.ค. และ เม.ย. และจะส่งผลให้ผลผลิตอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสแรกของปี 48
ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส โดยคาดว่าผลผลิตโรงงาน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของผลผลิต
อุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 และ 3.6 ในเดือน มี.ค. และ เม.ย.48 ตามลำดับ ทั้งนี้ METI กล่าว
ว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มที่ไม่เปลี่ยนแปลง และยังไม่แสดงถึงทิศทางที่ชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
4. ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ในเดือนก.พ.เกินดุลลดลง รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 30 มี.
ค. 48 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในเดือนก.พ.เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.01พันล.ดอลลาร์ สรอ. ลด
ลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล 2.88 พันล.ดอลลาร์ สรอ. หรือลดลงร้อยละ 65 และนับเป็นการเกินดุลบัญชี
เดินสะพัดน้อยที่สุดในรอบ 11 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปีที่แล้วที่เกินดุล 910.7 ล้านดอลลาร์สรอ. เนื่องจาก
ความต้องการสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้จากประเทศคู่ค้าอาทิ สรอ. จีน รวมทั้งประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจสำคัญ
อื่นๆ ลดลง โดยลดลงถึงร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ 2 ใน 5 ของสินค้าออกของเกาหลีใต้จะส่งไป
ยังสรอ. และจีน ซึ่งการลดลงของตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ครั้งนี้ ส่งผลให้เงินวอนอ่อนค่าลงสู่
ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ถึงร้อยละ 0.7 อยู่ที่ระดับ 1,026.4 วอนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ.ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่
18 ก.พ. ก่อนที่จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 1,023.7 วอนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. เจ้าหน้าที่ธ.กลางคาดว่าในเดือนมี.
ค.ดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะเกินดุลในระดับเดียวกับเดือนก.พ. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 31 มี.ค. 48 30 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.368 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1744/39.4601 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 672.82/15.03 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.64 45.89 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.คาดดอกเบี้ยอาร์พีมีโอกาสปรับขึ้นอีกร้อยละ 1 ในปีนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นล่าสุดในเดือน ม.ค.เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.7 เงินเฟ้อทั่วไป
ร้อยละ 2.7 มีส่วนผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยในปีนี้ปรับขึ้น และดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์พี) มี
โอกาสปรับขึ้นอีกร้อยละ 1 ภายในปีนี้ ทั้งนี้แม้ทิศทางของดอกเบี้ยปีนี้เป็นช่วงขาขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าคณะ
กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการปรับครั้งเดียวร้อยละ 1 เพราะในปีนี้จะมีการประชุมอีก 6 ครั้ง รวม
ทั้งไม่ได้หมายความว่าจะมีการปรับขึ้นทุกครั้งที่มีการประชุม นอกจากนี้ น.ส.นิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการ
ธปท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่ง ธปท.ได้เข้าไปดูแลค่าเงินบาทตามความ
จำเป็น เพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวเร็วเกินไป ซึ่งยังไม่กระทบต่อผู้ส่งออกและนำเข้าขณะนี้ (เดลินิวส์, ไทยรัฐ,
กรุงเทพธุรกิจ, บ้านเมือง, แนวหน้า, โพสต์ทูเดย์)
2. กองทุนฟื้นฟูฯ ขายหุ้นของ ธ.ยูโอบี รัตนสิน และ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน รายงานจาก
กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กองทุนฟื้นฟูฯ
เตรียมขายหุ้น ธ.ยูโอบี รัตนสินทั้งหมดจำนวนร้อยละ 16 ให้กับ ธ.ยูโอบี สิงคโปร์ในราคา 2,900 ล้านบาท ซึ่ง
ได้ตกลงเซ็นสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการส่งมอบและชำระเงินเท่านั้น ซึ่ง ธ.ยูโอบี
สิงคโปร์มีเวลาในขั้นตอนดังกล่าว 3 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ใน ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์
ดนครธนทั้งหมดร้อยละ 24.97 ให้กับ ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ในราคา 3,800 ล้านบาท ส่วนอีก 3 ธนาคารที่
เหลือ คือ ธ.กรุงไทย ธ.นครหลวงไทย และไทยธนาคาร กองทุนฟื้นฟูฯ ยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นหรือนำไปควบ
รวมกิจการกับธนาคารใด (มติชน, โลกวันนี้, แนวหน้า, โพสต์ทูเดย์)
3. ก.คลังคาดไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ในปีนี้ รองผอ.สำนัก
งานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษก ก.คลัง กล่าวว่า ก.คลังยังไม่ปรับเปลี่ยนเป้าหมายอัตราการขยาย
ตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โดยประเมินว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6.0 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 4.0 ส่วน
การขาดดุลการค้าทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดยังประเมินว่าจะเกินดุล
ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. แต่หากมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ระดับที่ประเทศไทยจะรับได้ ต้องไม่เกินร้อย
ละ 5.0 ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม จะประเมินตัวเลขเศรษฐกิจกันอีกครั้งในช่วงเดือน พ.ค.นี้ (ข่าวสด, ผู้จัดการ
รายวัน, โพสต์ทูเดย์)
4. ก.คลังเตรียมใช้มาตรการภาษีกระตุ้นตลาดบ้านมือสองให้ขยายตัวมากขึ้น นายวีรชัย วีระเมธีกุล
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ก.คลัง กล่าวในงานสัมมนา “อสังหาริมทรัพย์ ดัชนีหลักชี้เศรษฐกิจปี 2005” ว่า ก.คลังจะ
เน้นพัฒนาตลาดบ้านมือสองให้ขยายตัวมากขึ้น โดยจะเน้น 4 มาตรการหลัก คือ 1) พัฒนาด้านข้อมูลภาคอสังหาริม
ทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 2) การพัฒนาด้านกฎหมาย โดยจะมีการยกร่างกฎหมายการจัดการผลประโยชน์คู่
สัญญา 3) มาตรการด้านภาษีเพื่อกระตุ้นให้ตลาดบ้านมือสองขยายตัวมากขึ้น และ 4) มาตรการด้านอื่น ๆ โดย
เฉพาะการรวมองค์กรของ บ.บริหารสินทรัพย์ของรัฐและเอกสารมาร่วมบริหารจัดการหนี้เสีย และการเร่งสร้าง
จริยธรรมของผู้ประกอบการ (ข่าวสด, สยามรัฐ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน มี.ค.48 ลดลงในอัตราสูงสุดในรอบ 6 เดือนทำให้คาดว่า ธ.
กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีในการประชุมในสัปดาห์หน้า รายงานจากลอนดอน เมื่อ
30 มี.ค.48 สภาอุตสาหกรรมของอังกฤษรายงานดัชนีวัดยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค.48 อยู่ที่ระดับ —9 จากระดับ
+2 ในเดือน ก.พ.48 อยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบต่อปีนับตั้งแต่เดือน พ.ย.35 เป็นสัญญาณว่าการใช้จ่ายของผู้
บริโภคเริ่มชะลอตัวหลังจาก ธ.กลางอังกฤษขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในรอบ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ในขณะที่สภา
อุตสาหกรรมของอังกฤษกล่าวว่ายอดค้าปลีกที่ลดลงมาตั้งแต่ต้นปีอาจมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปรกติ
นักวิเคราะห์มีความเห็นต่างกันว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในปีนี้ ในขณะที่ผู้ว่าการ ธ.กลาง
อังกฤษกล่าวว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นนัยว่า ธ.กลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ย
ไว้ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปีในการประชุมในสัปดาห์หน้าและอาจจะรวมถึงในเดือนถัดไปจนกว่าจะได้ภาพที่ชัดเจนว่าการ
ใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงเป็นการถาวรหรือเพียงชั่วคราว (รอยเตอร์)
2. อัตราคนว่างงานของเยอรมนีเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้น 92,000 คน รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 30 มี.ค.48 แหล่งข่าวจาก สนง.แรงงานแห่งชาติของเยอรมนี เปิดเผยว่า ยอดรวม
คนว่างงานที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วของเยอรมนีในเดือน มี.ค.48 เพิ่มขึ้น 92,000 คน จากเดือน ก.พ.48
สูงสุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 14 และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากผลสำรวจ
ความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 55,000 คน ทั้งนี้ การเติบโตทาง
เศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลกระทบคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยต่ออัตราคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ โดยยอดรวมคน
ว่างงานที่ปรับตัวเลขแล้วในเดือน ก.พ.48 อยู่ที่ 4.875 ล้านคน ซึ่งภายใต้นโยบายการปฏิรูปตลาดแรงงานของ
รัฐบาลทำให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากจำนวนคนว่างงานหลายแสน
คนที่สามารถทำงานได้แต่ได้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐได้ถูกโอนเข้าสู่บัญชีรายชื่อคนว่าง
งาน รวมทั้งสภาวะอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราคนว่างงานเพิ่มขึ้นด้วย (รอยเตอร์)
3. ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 ลดลงตามการชะลอตัวของการส่งออก รายงาน
จากโตเกียวเมื่อ 30 มี.ค.48 The Ministry of Economy, Trade and Industry (METI) เปิดเผยว่า
ผลผลิตอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 ลดลงสูงสุดในรอบปีร้อยละ 2.1 จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าการคาด
การณ์ของตลาดซึ่งคาดว่าจะลดลงเพียงร้อยละ 1.1 นำโดยการลดลงของผลผลิตเครื่องจักรกลและเครื่อง
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สาเหตุจากการชะลอตัวของการส่งออก อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการส่ง
ออกจะปรับตัวดีขึ้นในเดือน มี.ค. และ เม.ย. และจะส่งผลให้ผลผลิตอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสแรกของปี 48
ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส โดยคาดว่าผลผลิตโรงงาน ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของผลผลิต
อุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 และ 3.6 ในเดือน มี.ค. และ เม.ย.48 ตามลำดับ ทั้งนี้ METI กล่าว
ว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มที่ไม่เปลี่ยนแปลง และยังไม่แสดงถึงทิศทางที่ชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
4. ดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ในเดือนก.พ.เกินดุลลดลง รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 30 มี.
ค. 48 ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในเดือนก.พ.เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.01พันล.ดอลลาร์ สรอ. ลด
ลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล 2.88 พันล.ดอลลาร์ สรอ. หรือลดลงร้อยละ 65 และนับเป็นการเกินดุลบัญชี
เดินสะพัดน้อยที่สุดในรอบ 11 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปีที่แล้วที่เกินดุล 910.7 ล้านดอลลาร์สรอ. เนื่องจาก
ความต้องการสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้จากประเทศคู่ค้าอาทิ สรอ. จีน รวมทั้งประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจสำคัญ
อื่นๆ ลดลง โดยลดลงถึงร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ 2 ใน 5 ของสินค้าออกของเกาหลีใต้จะส่งไป
ยังสรอ. และจีน ซึ่งการลดลงของตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ครั้งนี้ ส่งผลให้เงินวอนอ่อนค่าลงสู่
ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ถึงร้อยละ 0.7 อยู่ที่ระดับ 1,026.4 วอนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ.ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่
18 ก.พ. ก่อนที่จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 1,023.7 วอนต่อ 1 ดอลลาร์ สรอ. เจ้าหน้าที่ธ.กลางคาดว่าในเดือนมี.
ค.ดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะเกินดุลในระดับเดียวกับเดือนก.พ. (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 31 มี.ค. 48 30 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.368 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1744/39.4601 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 672.82/15.03 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,900/8,000 7,900/8,000 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.64 45.89 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--