กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ กระผมนายศิริโชค โสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กระผมได้รับมอบหมายจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด บกพร่อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น แทบทุกองค์การที่มีการจัดซื้อจัดจ้างในสนามบินสุวรรณภูมิ สิ่งที่พวกกระผมได้หยิบยกขึ้นมาอภิปรายในวันนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของการทุจริตที่มีให้เห็นโดยทั่วไป และนับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตรงนี้สะท้อนให้เห็นความที่รัฐบาลไม่จริงใจต่อการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการคอร์รัปชั่นนั้นเกี่ยวโยงไปถึงคนในครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหายหรือคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจ
นอกจากรัฐบาลจะไม่ปราบปรามแล้ว รัฐบาลยังมีพฤติกรรมปกป้องผู้กระทำความผิดฟอกดำให้เป็นขาว ชี้ผิดให้เป็นถูก แม้ว่ารัฐบาลนี้จะมีนโยบายประกาศสงครามกับคอร์รัปชั่น แต่ก็เป็นเพียงถ้อยคำที่สวยหรูเท่านั้น เพราะในข้อเท็จจริง รัฐบาลกลับเอานโยบายนี้มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองปราบปรามเฉพาะคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้พวกพ้องแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ
โครงการสนามบินสุวรรณภูมิเป็นโครงการที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ ได้รับการกล่าวขานว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุด ทั้งๆที่สนามบินสุวรรณภูมิน่าจะเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่เฝ้ารอมาเป็นเวลา 45 ปี นับตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จวบจนปัจจุบัน เพิ่งมามีความชัดเจนในช่วงที่รัฐบาลของนายชวน หลีกภัย
ท่านประธานครับ กระผมกราบเรียนท่านประธานว่า กระผมไม่สบายใจที่ได้ยินเรื่องนี้ว่ามันเกิดขึ้น เพราะมันเป็นความหวังเป็นความฝันของคนไทยที่จะเห็นสนามบินแล้วเสร็จ และความหวังความฝันนั้นก็กำลังจะใกล้มาเป็นความจริง เมื่อรัฐบาลนี้ประกาศชัดเจนครับว่า จะสร้างสนามบินนี้ให้แล้วเสร็จ และเปิดดำเนินการภายในเดือน ก.ย. 2548 ผมก็ชื่นชมยินดีไปกับรัฐบาลครับ แต่มาวันนี้ความฝันความหวังคนไทย กำลังจะกลายเป็นฝันร้าย กำลังจะกลายเป็นความน่าละอาย กำลังจะกลายเป็นความอัปยศอดสู เมื่อรัฐบาลสหรัฐตรวจพบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดของ บ.อินวิชั่น รุ่น CTX 9000 DSI
มีเจ้าหน้าที่ของพนักงาน บ.อินวิชั่นยอมรับสารภาพกับรัฐบาลสหรัฐว่ามีการเสนอสินบนให้กับข้าราชการและพรรคการเมืองไทย โดยเงินสินบนนั้นมาจากส่วนต่างของราคาที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยซื้อจาก บ.อินวิชั่น นำมาขายต่อ และก็บวกกำไรอีกท่อนหนึ่ง ผลจากการรับสารภาพของ บ.อินวิชั่น ทำให้มีการตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ และท้ายที่สุดก็ถูกปรับข้อหาละเมิดกฎหมายสินบนข้ามชาติ
วันนี้มีคำถามที่ค้างคาใจพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ก็คือว่า มีการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX หรือไม่ ถ้ามี ใครคือผู้บงการ ขบวนการล็อคสเปก และสร้างราคาที่สูงเกินความเป็นจริง เพื่อเอาส่วนต่างของราคามาเป็นเงินสินบนนั้น เขาทำกันอย่างไร และท้ายที่สุดเงินสินบนเข้ากระเป๋าพรรคการเมืองพรรคไหน คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกกระผมในซีกฝ่ายค้าน พยายามแสวงหาด้วยความยากลำบาก แม้ว่าจะประสบกับอุปสรรคนานับประการ แต่พวกผมก็ไม่เคยย่อท้อ ไม่เคยท้อถอย เพราะตระหนักเสมอถึงภารกิจและหน้าที่ที่พี่น้องประชาชนได้มอบหมาย ฉะนั้นขอโปรดให้ท่านรัฐมนตรีได้สบายใจ สิ่งที่พวกผมได้อภิปรายในวันนี้เป็นการทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอคติ ไม่มีความแค้นส่วนตัว
ท่านประธานที่เคารพครับ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2546 นายกฯในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการการบริหารการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้อนุมัติเงินงบประมาณเพิ่มเติมอีก 6,155 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับขยายสนามบินให้สามารถรองรับผู้โดยสารจากเดิม 30 ล้านคนต่อปี มาเป็น 45 ล้านคนต่อปี ในวงเงินงบประมาณ 6,155 ล้านบาทนั้น 4,500 ล้านบาทถูกจัดสรรให้เป็นเงินงบประมาณที่ใช้สำหรับการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยในสนามบินสุวรรณภูมิให้ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับของสหรัฐ
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2547 บ.ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ก็ได้ลงนามเซ็นสัญญากับกิจการค้าร่วมไอทีโอ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 พันธมิตร นั่นก็คือ อิตาเลี่ยน-ไทย โอบายาชิ และทาเกนากะ มูลค่าของสัญญานั้นเป็นเงิน 4,335 ล้านบาท โดยในสาระหลักของสัญญามีรายจ่ายอยู่ 2 รายการ รายการแรกคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบซีทีเอ็กซ์ ตรงนั้นมีมูลค่าเป็นเงิน 2,608 ล้านบาท ส่วนที่ 2 เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างอาคารเพื่อรองรับน้ำหนักของเครื่องซีทีเอ็กซ์ ซึ่งแต่ละเครื่องมีน้ำหนักถึง 7,700 กิโลกรัม นอกจากนี้ก็มีส่วนของการปรับปรุงสายพานเดิม ค่าออกแบบต่างๆ มูลค่าทั้งหมดตรงนี้ 1,727 ล้านบาท
ถ้าเอา 2 รายการนี้มาบวกกับรายการเดิมที่ บทม.ได้เซ็นสัญญาไว้กับกิจการค้าร่วมไอทีโอ มูลค่าระบบรักษาความปลอดภัยในสนามบินสุวรรณภูมิก็จะมีมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 6,937 ล้านบาท โครงการนี้ไม่มีราคากลาง ทำให้เราไม่ทราบเลยว่าราคา 6,937 ล้านบาทนั้นเป็นราคาที่สูงเกินความเป็นจริงหรือไม่ พวกผมก็จะมีราคาอ้างอิงจากต่างประเทศ หรือราคาที่เราดูจากรายงานของเอเอสไอ
ท่านประธานที่เคารพครับ บ.เอเอสไอเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย เป็นบริษัทที่มีสัญชาติอเมริกัน เคยได้รับการว่าจ้างจาก บทม. ให้ศึกษาระบบรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมที่สุดของสนามบินสุวรรณภูมิ รายงานล่าสุดของเอเอสไอในปีนี้ เป็นรายงานที่ประเมินราคาระบบรักษาความปลอดภัยในสนามบินแต่ละแห่งของสหรัฐ บ.เอเอสไอ ประเมินว่าถ้าเอาราคารวมของระบบมาหารเฉลี่ยเป็นราคาต่อเครื่อง ราคาต่อเครื่องของซีทีเอ็กซ์ไม่ควรจะเกินเครื่องละ 200 ล้านบาท นั่นก็หมายถึงราคาเครื่อง ราคาซอฟแวร์ ราคาสายพาน ราคาปรับโครงสร้างอาคาร ทั้งหมดครับ เอาตัวเลขนี้มาคูณกับจำนวนที่ บทม.ซื้อจาก บ.อินวิชั่น เพื่อไปติดตั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราก็จะได้ตัวเลข 26 คูณ 200 เป็นตัวเลข 5,200 ล้านบาท เอาตัวเลขนี้มาเปรียบเทียบกับที่บทม.ซื้อจาก บ.อินวิชั่นในราคารวมเบ็ดเสร็จทั้งโครงการ รวมระบบสายพาน 6,937 ล้านบาท จะเห็นว่ามีส่วนต่างประมาณ 1,700 ล้านบาท
นอกจากนี้ล่าสุดที่สนามบินเดนเวอร์ของสหรัฐ ก็มีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เพิ่งติดตั้งเสร็จไม่นานมานี้ครับ บ.ซีเมนท์เป็นผู้ติดตั้ง ใช้เครี่องซีทีเอ็กซ์รุ่นเดียวกับของ บทม.สั่งซื้อ ติดตั้งไปทั้งหมด 32 เครื่อง รวมระบบสายพานเบ็ดเสร็จเป็นเงิน 88 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับ 3,600 ล้านบาท เอามาเปรียบเทียบกับที่ บทม. ซื้อ 26 เครื่อง รวมเบ็ดเสร็จ 6,937 ล้านบาท ตรงนี้เป็นเพียงข้อมูล เป็นราคาที่ใช้อ้างอิงเท่านั้น เป็นหน้าที่ของพวกกระผมที่อยู่ในซีกฝ่ายค้านที่ต้องแสวงหาความเป็นจริง พวกเราทำงานหามรุ่งหามค่ำเอาเอกสารทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษมาเปิดอ่าน เพื่อหาหาข้อเท็จจริงว่ามีส่วนต่างของราคาจริงมั้ย มีการล็อคสเปกจริงมั้ย ตามที่รัฐบาลสหรัฐกล่าวหา
ท่านประธานที่เคารพครับ กระผมต้องขออนุญาติท่านประธานใช้เพาเวอร์พอยซ์และชาร์ท เพื่อประกอบการอภิปราย เพราะกระบวนการโกงชาติโกงแผ่นดินในครั้งนี้ มีการทำงานกันอย่างเป็นระบบ มีความสลับซับซ้อน มีการชงเรื่องล็อคสเปก สร้างราคา และบิดเบือนตัวเลขข้อมูล ผมจำคำพูดท่านนายกฯได้ครับ ทุกครั้งที่มีโครงการใหญ่ๆ ท่านจะบอกว่าเป็นโครงการเวิด์ลคลาส แหลมฉบับก็เวิด์ลคลาส ภาษาไทยคือระดับโลก วันนี้ผมเสนอโครงการเวิด์ลคลาสอีกโครงการหนึ่งให้ท่าน รมต.ครับ “อภิมหาโกงเวิด์ลคลาส” สนามบินสุวรรณภูมิ
ชาร์ทแรกที่ผมนำมาแสดงให้ท่านประธานได้เห็น เป็นตารางที่แสดงให้เห็นถึงต้นทุนของ บ.แพทริออต บ.แพทริออตซื้ออุปกรณ์จาก บ.อินวิชั่น แยกเป็น 2 ส่วน เครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 จำนวน 26 เครื่อง เป็นเงิน 33.7 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ก็มีอุปกรณ์ประกอบระบบออฟชั่นต่างๆ อะไหล่สำรองสำหรับ 2 ปี เป็นเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ รวม 2 รายการนี้เป็นเงิน 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 1,432 ล้านบาท นี่คือต้นทุนที่ บ.แพทริออตซื้อจาก บ.อินวิชั่น ถามว่า บ.แพทริออตซื้ออุปกรณ์จาก บ.อินวิชั่นมาแล้ว ท่านทำอะไรเพิ่มเติมบ้างก่อนที่จะมอบให้กับกิจการค้าร่วมไอทีโอ ท่านประธานดูในช่องเหลืองเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเกิดขึ้น
อย่างแรกค่าขนส่งและประกันภัย ตรงนี้ทางคณะกรรมการชุดของท่านรองวิษณุบอกว่าควรจะเป็นตัวเลขประมาณ 2% ก็เท่ากับประมาณ 30 ล้านบาท ผมก็ใจป้ำครับ ใส่ลงไปเลยครับ 30 ล้านบาท ไม่มีการจินตนาการตัวเลข ไม่ได้พูดความจริงครึ่งเดียว แต่ความจริงตัวเลขตัวนี้ แค่นี้ก็โกหกแล้ว ผมได้ไปขอราคาจากบริษัทแห่งหนึ่ง ช่วยประเมินราคาขนส่งจากโรงงานของ บ.อินวิชั่น ส่งถึงสนามบินที่สหรัฐและก็ส่งต่อมาเมืองไทย ท่าน รมต.ทราบมั้ยว่าราคาเท่าไหร่ 13 ล้านบาท นี่ผมให้ไป 30 เลยนะครับ จะได้ไม่ต้องโต้เถียงกัน
รายการต่อไปตัวเลขเหมือนกัน ภาษีนำเข้า 5% 75 ล้านบาท ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% 61 ล้านบาท จริงๆแล้วส่วนภาษีหัก ณ ที่จ่ายตรงนี้เป็นหน้าที่ของกิจการค้าร่วมไอทีโอที่ต้องหัก บ.แพทริออตมีหน้าที่ในฐานะเป็นผู้ที่มีรายได้ต้องจ่ายภาษี แต่ภาษีตรงนี้สามารถไปขอคืนสิ้นปี กรณีที่ขาดทุน หรือกรณีที่กำไรก็สามารถเอาภาษีตรงนี้ไปหักได้ แต่วันนี้ผมบวกตัวเลขนี่ให้ด้วย ตัวเลขต่อไปคือเครื่องตรวจละอองระเบิด ตรงนี้ 59 ล้านบาท ถังนิรภัยใส่กระเป๋าต้องสงสัย 9 ล้านบาท รถขนถังนิรภัยใส่ระเบิด 7.2 ล้านบาท อุปกรณ์ที่ไม่สามารถระบุผู้ขายตรงนี้น่าสนใจมาก บ.แพทริออตรวมไปถึงท่าน รมต. มักจะอ้างเสมอว่า ต้องจ่ายซื้ออุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติม แต่ก็ไม่เคยสามารถระบุได้ว่าต้องซื้ออุปกรณ์จากใคร และก็ไม่เคยมีเอกสารมาแสดงว่าต้องซื้ออุปกรณ์อะไรบ้าง
ผมใช้เวลาเอาเอกสารทั้งหมดมาเปรียบเทียบ แล้วสรุปได้ว่า บ.แพทริออตถ้าต้องจ่ายๆเพิ่มเติมมากที่สุด 70 ล้านบาท สำหรับรายการสุดท้ายที่ท่าน รมต.บอกไม่มีกำไร ผมให้ บ.แพทริออตเลยครับ 48.8 ล้านบาท ตัวเลขนี้ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่ผมทึกทักขึ้นมาเอง เป็นตัวเลขที่คุณวรพจน์มอบให้กับทนายของเขา ไปชี้แจงกับคณะกรรมการ เอาช่องเหลืองบวกกับช่องฟ้า 359 ล้าน บวกกับ 1,432 ล้าน เป็นตัวเลขเบ็ดเสร็จ รวมต้นทุนและกำไร 1,791 ล้านบาท
ดูตารางต่อไปครับ บ.แพทริออตมีต้นทุนบวกกำไรที่แท้จริง 1,791 ล้านบาท นำมาขายให้กับกิจการค้าร่วมไอทีโอเท่าไหร่ครับ 2,003 ล้านบาท ส่วนต่างที่เกินมาทันที 212 ล้านบาท ท่าน รมต. จำตัวเลขนี้ให้ดีครับ บ.แพทริออตขายให้กับกิจการค้าร่วมไอทีโอ 2,003 ล้านบาท ถามว่าไอทีโอต้องทำอะไรบ้างครับ เมื่อสักครู่ท่าน รมต. อธิบายยืดยาวเลยว่ากิจการไอทีโอต้องทำเยอะแยะมากมาย เอาเป็นว่าราคาที่ผมเสนอในขณะนี้ สิ่งที่กิจการร่วมค้าไอทีโอต้องซื้อเพิ่มเติม ไม่มีครับ ผมให้ค่าจ้างวิศวกรอิสระตามที่ท่าน รมต.บอก 17 ล้านบาท บวกกำไรให้เต็มที่เลยครับ 8.6% 172 ล้านบาท เอาค่าใช้จ่ายที่ไอทีโอต้องจ่ายบวกกับต้นทุนที่ซื้อมาจาก บ.แพทริออต 2,003 ล้านบวกกับ 189 ล้านบาท ตัวเลขออกมา 2,192 ล้านบาท
ไอทีโอขายให้ บทม. 2,608 ล้านบาท เกิดส่วนต่างขึ้นทันที 416 ล้านบาท เอารายการที่ 1 ทอดแรกแพทริออตขายให้ไอทีโอ 212 ล้านบาท นี่คือส่วนต่างที่เกิดขึ้น ส่วนต่างในทอดที่ 2 ไอทีโอขายให้กับ บทม. มีส่วนต่าง 416 ล้านบาท รวมส่วนต่างทั้ง 2 ทอดเป็นเงินทั้งสิ้น 628 ล้านบาท นี่คือตัวเลขที่ประเทศไทยเสียประโยชน์ไม่นับรวมกำไรที่บริษัทเอกชนบวกไปในแต่ละทอด ตารางนี้ท่าน รมต. ผมเรียกว่า “ตาราง 2 เด้งเข้าฮอร์ส” เด้งที่ 1 ฟันไปเหนาะๆ 212 ล้าน เด้งที่ 2 ฟันไปเหนาะๆอีก 416 ล้าน รวมทั้งสิ้นไม่รู้ไปเข้ากระเป๋าพรรคการเมืองไหน 628 ล้านบาท
ท่านประธานที่เคารพถ้าผมอภิปรายหยุดตรงนี้ท่าน รมต. ก็ต้องลุกขึ้นมาชี้แจงและเอาชาร์ทมาอีก 2 — 3 ชาร์ท ผมก็เลยถือโอกาสเอาชาร์ทที่ท่านเคยชี้แจงในอดีต ซึ่งจะต่างจากชาร์ทที่ท่านชี้แจงในวันนี้ ท่านผู้นำฝ่ายค้านของผมก็พูดไปแล้วว่า คนที่พูดความจริง พูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิม แต่คนที่พูดโกหก พูดแต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกัน คราวที่แล้วท่านใช้ชาร์ทอีกแบบหนึ่ง คราวนี้ท่านใช้ชาร์ทอีกแบบหนึ่ง ตารางข้างบนนี้เป็นตารางที่ผมได้มาจากสำนักเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คือ กระทรวงของท่านน่ะครับ ช่วงกลางเดือน พ.ค. 2548 ก่อนที่จะมีการสรุปผลของคณะกรรมการชุดของท่านรองวิษณุ น่าแปลกใจ ผมไม่ได้ไปเจอในเวปไซด์ของกระทรวงคมนาคมครับ คนที่หวังดีกับท่านลงทุนไปจดทะเบียนโดเมนชื่อว่า www.ctx9000.com ทำไมไม่ไว้ในเวปไซด์ของกระทรวงล่ะครับ
อายเหรอครับ กลัวความจริงจะปรากฏเหรอครับ ท่านประธานที่เคารพครับ ตารางข้างล่างเป็นตารางของคณะกรรมการชุดของท่านรองวิษณุครับ เอามาแจกให้กับสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปในวันที่ 9 มิ.ย. 2548 ท่านประธานสังเกต 2 ตารางนี้เหมือนกันอย่างกับแกะ เหมือนกับลอกกันมา ตารางนี้เกิดก่อน ตารางนี้เกิดทีหลัง 1,504 ล้าน เหมือนกันเปี๊ยบ ผมไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการไปลอกเอาของท่าน รมต. มาหรือเปล่า แต่เหมือนกันหมดครับ แต่สิ่งที่น่าสนใจในตารางของท่าน รมต. ทั้ง 2 รายการ ก็คือว่า ตัวเลขตัวแรกที่ผมพูดถึงก็คือ 1,504 ล้านบาท
ท่านประธานสงสัยมั้ยครับว่า ทำไมมันต่างจากตัวเลขที่ผมแสดงตอนต้นของการอภิปราย ผมแสดงตัวเลขที่ 1,432 ล้านบาทครับ แต่ตารางทั้ง 2 แต่ตารางของท่าน รมต.บอกว่า 1,504 ล้านบาท แล้วทำไมมันต่างกันครับ มันต่างกันตรงนี้ครับ ท่านใช้อัตราแลกเปลี่ยนไม่เหมือนผม ผมใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 40 บาท ท่านใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐเท่ากับ 42 บาท ผมก็แปลกใจ เพราะท่านนายกฯมักจะโฆษณาโอ้อวดตลอดว่า เศรษฐกิจในหลายๆปีที่ผ่านมา ดี คนต่างชาติชอบถือเงินบาท ทำให้เงินบาทแข็ง แล้วทำไมวันนี้อยู่ดีเวลาจะสร้างตารางขึ้นมา เงินบาทของท่านนายกฯอ่อนลงผิดปกติครับ
ผมก็ใช้อินเตอร์เน็ทเข้าไปในเวปไซด์ของธนาคารกสิกรไทย ในวันที่มีการเซ็นสัญญาระหว่างไอทีโอ กับ แพทริออต วันที่ 31 มี.ค. 2547 ปรากฏว่าอัตราแลกปลี่ยนเท่าไหร่ ท่านประธานทราบมั้ยครับ 39.1 ครับ ถ้าผมให้ตัวเลขเท่านี้ เดี๋ยวท่านประธานบอกว่าผมเลือกวัน ผมไปหาอีกวันหนึ่ง วันที่ 9 ก.พ. 2548 เป็นวันที่มีการเบิกเงินงวดสุดท้าย ปรากฎว่าอันนี้ยิ่งแย่ใหญ่ 38.47 ครับ อย่างนี้ล่ะครับที่ผมเรียกเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ยังเอา จากการที่ท่านใช้ตัวเลขอัตราแลกเปลี่ยนที่ผิดไป 2 บาท ทำให้มีส่วนต่างเพิ่มขึ้นทันทีเท่าไหร่ รู้มัยครับท่านประธาน 72 ล้านบาท เล็กๆน้อยๆเขายังเอาเลยครับท่าน รมต.ครับ
ตารางต่อมาเป็นตารางที่น่าสนใจครับ ในตารางที่ท่านชี้แจงคราวที่แล้ว ท่านบอกว่า 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นราคาเฉพาะเครื่อง ไม่รวมอุปกรณ์อื่นๆ แต่วันนี้ท่านมากลับคำพูดแล้ว ท่านบอกว่า 35.8 ล้านเหรียญ รวมอุปกรณ์อื่นๆเล็กน้อย ท่านประธานที่เคารพนี่คือใบอนุญาติส่งออก สาเหตที่ต้องมีใบอนุญาติส่งออกก็เพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ฉะนั้นถ้าบริษัทจะส่งออกก็ต้องขออนุญาติจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ท่านประธานจะเห็นว่าตัวเลขในใบอนุญาติส่งออก 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ผมขยายให้เห็นใหญ่ๆเลย เอาตรงนี้มาขยายให้เป็นตรงนี้นะครับ ตรงนี้ล่ะครับระบุชัดว่า 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐรวมอะไรบ้าง เครื่องซีทีเอ็กซ์ 26 เครื่อง ระบบเชื่อมต่อให้ดูผลการตรวจจากหลายๆเครื่องให้อยู่ในจอเดียว มีทั้งส่วนที่เป็นซอฟแวร์ และส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์ ที่เชื่อมต่อกับเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 ตรงนี้มี 4 ชุดและมีอีก 64 ชุด คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการดูภาพที่ส่งมาจากเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์
เนื่องจากผมไม่มีสัญญาระหว่าง บ.อินวิชั่น และ บ.แพทริออต รัฐบาลเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ขอ ผมก็เลยต้องอาศัยเอกสารแวดล้อม เพื่อแกะราคาดูว่า 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นรวมอะไรบ้าง เมื่อสักครู่รวมมัลติแพ็กซิ่ง รวมคอมพิวเตอร์ไปแล้ว ต่อมานี่คือคำให้การของทนายคุณวรพจน์นะครับ นายรุจิระ บุนนาค ทนายความผู้รับมอบอำนาจของ บ.แพทริออต การประชุมครั้งที่ 9 / 2548 ให้ถ้อยคำสรุปว่า บ.แพทริออตซื้อระบบเครื่องตรวจวัตถุระเบิด 26 เครื่อง รวมอุปกรณ์ประกอบ และออปชั่นต่างๆ และอะไหล่สำรองอีก 2 ปี ได้อะไหล่สำรองมาอีก 2 ปีแล้วนะครับ เพิ่มทีละชิ้นครับ ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
อันที่ 3 เป็นเอกสารที่คุณสร้อยทิพย์ ผู้ตรวจราชการของกระทรวงคมนาคม ได้ทำจดหมายไปถึง บ.จีอี ถามเป็นภาษาอังกฤษ คือให้ช่วยแสดงราคาต่อหน่วยของเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่อินวิชั่นเคยตกลงขายให้กับ บ.แพทริออต ซึ่งเขาก็ตอบมาว่า สำหรับราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ อินวิชั่นเคยตกลงที่จะขายเครื่องซีทีเอ็กซ์ 26 เครื่อง บวกสินค้าและบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมซอฟแวร์และระบบเชื่อมต่อให้ดูได้ในจอเดียว งานเชื่อมต่อระบบ งานบริการหลังการขาย มาอีกแล้วครับ งานบริการหลังการขาย ทั้งหมด 35.8 ล้านเหรียญ
เอกสารชุดสุดท้ายที่จะมายืนยันว่า 35.8 ล้านเหรียญนั้น รวมอุปกรณ์เยอะครับ ไม่ใช่นิดเดียว ท่านประธานที่เคารพครับ นี่คือสัญญายุติการดำเนินคดีอาญาระหว่างบ.อินวิชั่น กับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ตรงนี้เขาเขียนว่าผู้รับเหมาช่วง เอ ก็คือแพทริออต ลงในนามสัญญาซื้อ ส่ง ติดตั้ง ทดสอบ และทดลองเดินเครื่อง เครื่องตรวจวัตถุระเบิด 26 เครื่อง ทีนี้มาดูตารางที่ทางรัฐบาลพยายามที่จะหักล้าง บอกว่าไม่มีส่วนต่าง ไอ้ 200 กว่าล้าน ทอดที่ 1 ระหว่างอินวิชั่นขายให้แพทริออต แพทริออตขายให้ไอทีโอนั้น ฝ่ายค้านจินตนาการครับ ท่าน รมต.ตอบอย่างนี้ครับ นี่ตารางของท่านนะครับ ไม่ใช่ตารางของผมนะครับ เอาตัวเลขแรกก่อนเลยนะครับมาดูว่าใครพูดจริง ใครพูดโกหก ท่านบอกภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% 45 ล้านครับ ผมเห็นตัวเลขนี้แล้วตกใจครับ เพราะคนของท่าน รมต. ตกเลขครับ คูณภาษีหัก ณ ที่จ่ายผิดราคาครับ
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เขาคิดจากราคาขาย ซึ่งกิจการร่วมค้าไอทีโอเป็นคนหัก คิดที่ตัวเลข 2,003 ล้าน เอา 3% คูณกับ 2,003 จะได้ 60 ล้านครับ นี่ท่านเผลอ ไม่รอบคอบ เมคตัวเลขขึ้นมา เอาไปคูณกับ 1,504 ล้านครับ 3%คูณ 1,504 ล้าน เท่ากับ 45 ล้านบาท ผมแถมให้ท่านอีก 15 ล้าน จะได้ 60 ล้านครับ วันหลังถ้า รมต.จะเมคตัวเลข ต้องเช็คตัวเลขให้ดีครับ นี่ไปคูณผิดราคาครับ ตัวเลขต่อไปนะครับเป็นตัวเลขที่มีปัญหามากครับ เป็นตัวเลขที่รัฐบาลอ้างอิงตลอดว่าซอฟแวร์ อะไหล่บางส่วน 225 ล้านบาท อย่างน้อยๆเรารู้ครับว่า ราคาเครื่องอย่างเดียวไม่ใช่ 35.8 ล้าน มันมีอุปกรณ์ต่างๆที่ บ.อินวิชั่นตีราคาที่ประมาณ 2 ล้านเหรียญ ตรงส่วนนี้ครับ ต้องหักออกจากตรงนี้แน่นอนครับ แล้วเอกสารหลายๆอย่างที่ท่านนำมาแสดง ไม่เคยนำมาแสดงเลยครับ ยกเมฆขึ้นมาเฉยๆว่า จะต้องจ่ายอย่างนั้น จ่ายอย่างนี้ ตัวเลขทับซ้อนกันครับ ผมให้เต็มที่ได้ 70 ล้านครับ และผมมีหลักฐานยืนยันครับ เดี๋ยวท่าน รมต. ลุกมาตอบนะครับ และผมจะหักล้างสิ่งที่ รมต.ตอบ
ซอฟแวร์อะไหล่บางส่วนผมให้เต็มที่ 1,504 ลบ 1,432 เท่ากับ 72 ล้าน ลบภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15 ล้าน ตัวเลขที่ท่านสร้างขึ้นมาตรงนี้ที่ท่านหมกเม็ดกัน 212 ล้านบาทครับ ท่านประธานที่เคารพครับ ตารางนี้เป็นตารางที่ผมรู้สึกอับอายครับ รู้สึกอัปยศอดสู นี่คือตารางที่แสดงให้เห็นถึงใบบีโอคิว 2 ใบครับ บีโอคิว ภาษาอังกฤษ คือ Bill of quantity ภาษาไทยแปลว่า รายละเอียดอุปกรณ์แนบท้ายสัญญา ข้างบนเป็นบีโอคิวแนบท้ายสัญญาระหว่างบ.แพทริออตกับกิจการร่วมค้าไอทีโอครับ ตารางข้างล่างเป็นใบบีโอคิว หรือรายละเอียดอุปกรณ์แนบท้ายสัญญาระหว่างกิจการร่วมค้าไอทีโอกับ บทม.
ท่านประธานครับ สังเกตเห็นข้อแตกต่างระหว่างบีโอคิว 2 บีโอคิวนี้มั้ยครับ ไม่มีครับ 17 รายการเหมือนกันหมดครับ เหมือนกันเปี๊ยบ 1 — 17 ชื่อของอุปกรณ์แต่ละรายการก็เป็นการลอกมาคำต่อคำ ถามว่าบีโอคิวมีความสำคัญอย่างไร มีความสำคัญมากครับ เวลาผู้ขายจะขายอุปกรณ์ให้กับผู้ซื้อ อุปกรณ์ทั้งหมดต้องอยู่ในใบบีโอคิว เพราะเวลาผู้ซื้อจะตรวจก็ตรวจตามใบบีโอคิวครับ ถ้าไม่มีอุปกรณ์ในบีโอคิวนี้ สิ่งที่พูดมา สิ่งที่ท่านอ้างอิงมาก็ไม่ใช่ครับ สิ่งที่ผิดปกติไปกว่านั้นอีก บีโอคิวของแพทริออตกับไอทีโอ รายการที่ 5 — 17 ไม่ยอมแยกราคา รวมครับ รวมเป็นเงิน 242 ล้าน ผมก็สงสัยครับ ธรรมดาผู้รับเหมากับผู้รับเหมาช่วงเวลาเซ็นสัญญาต้องเซ็นอย่างละเอียด ต้องมีรายละเอียดชัดเจน
สัญญาระหว่างไอทีโอกับแพทริออตที่ปรากฎในใบบีโอคิวที่แนบท้ายสัญญา รายการ 5 — 17 มูลค่า 242 ล้านบาท แต่พอมาเป็นไอทีโอกับ บทม. รายการ 5 —17 เหมือนกันเปี๊ยบครับ คำต่อคำ ราคากลายมาเป็น 692 ล้านบาท เพิ่มรวดเดียว 186% อย่างนี้เค้าเรียกว่าอะไรครับ ผมเสียดายที่ท่าน รมต.เดินออกจากห้องประชุมไปแล้ว เพราะว่าตารางต่อไป ผมจะจับโกหกท่าน รมต. เมื่อสักครู่ ท่าน รมต.ออกมาชี้แจงบอกว่า กิจการร่วมค้าไอทีโอ ต้องซื้อซอฟแวร์ ต้องจ้างคนมาเขียนซอฟแวร์ ซอฟแวร์มีทั้งหมด 3 อัน อันหนึ่งใช้สำหรับสายพานลำเลียงกระเป๋า อันหนึ่งใช้สำหรับเชื่อมต่อระบบตรวจวัตถุระเบิด และอีกอันเป็นซอฟแวร์ของบ.แพทริออต
ประการที่ 1 ซอฟแวร์ที่ท่านอ้างว่า 100 กว่าล้านบาท ไม่มีอยู่ในรายละเอียดอุปกรณ์ตรงนี้เลยครับ ทั้ง 17 รายการ อยู่ดีๆท่านก็ยกเมฆขึ้นมา ผมไม่แน่ใจว่าไอทีโอต้อท่าน หรือท่านแกล้งทำเป็นไม่รู้ครับ แล้วมาโกหกสภาเพราะว่ารายการที่ท่านพูดถึง ท่านให้สัมภาษณ์ทางหน้าหนังสือพิมพ์ และวันนี้ท่านก็มายืนยันกับสภาผู้แทนฯแห่งนี้ ท่านบอกว่ากิจการร่วมค้าไอทีโอจำเป็นต้องจ้าง ให้เขาเขียนโปรแกรมเพื่อเชื่อมระบบการทำงานของเครื่องซีทีเอ็กซ์กับระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ท่านให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. แล้ววันนี้ท่านก็มายืนยันกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่าต้องซื้อซอฟแวร์ตัวนี้ ราคาร้อยกว่าล้าน ท่าน รมต.สุริยะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ จับแพะมาชนแกะ แต่วันนี้ผมกล่าวหาท่าน รมต. “จับแพะมาต้ม”
นี่ครับรายการที่พูดถึง ผมอธิบายไปตอนต้นว่า ราคา 2,608 ล้านบาทเป็นราคาในส่วนของเครื่องซีทีเอ็กซ์และระบบ ในส่วนที่ 2 ก็คือส่วน 1,727 ล้านบาทนั้น เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าเดินทาง เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างอาคารเพื่อรองรับน้ำหนัก และค่าออกแบบ ท่านประธานมาดูตรงนี้ครับ รายการที่ 4 ครับ ในส่วนของสายพานระบบกระเป๋าครับ เขาเขียนอย่างนี้ครับ รายการที่ 4 อุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับเชื่อมโยงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าเดินทางกับระบบตรวจวัตถุระเบิด เหมือนกับที่ท่าน รมต.พูดเมื่อสักครู่ แต่อยู่ในนี้แล้วครับ ซอฟแวร์สำหรับเชื่อมต่อระหว่างระบบสายพานลำเลียงกระเป๋ากับระบบตรวจวัตถุระเบิด แต่ไม่ใช่ 100 กว่าล้าน 30 ล้านครับ จ่ายแล้วครับ ตรงนี้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าไอทีโอต้มตุ๋นท่าน หรือว่าท่านตั้งใจให้ไอทีโอต้มตุ๋น
ตารางต่อไปเป็นตารางที่จับโกหกท่าน รมต.อีกแล้ว ท่านบอกว่ามีค่าบริการค้ำประกัน 2 ปี ผมไปดูรายละเอียดใน 17 รายการ ที่แพทริออตขายให้ไอทีโอ และไอทีโอขายให้ บทม. ปรากฏว่าในรายการที่ 16 ครับ ค้ำประกัน 2 ปีจาก บ.แพทริออต ท่านวุฒิสมาชิกท่านหนึ่ง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่านี่ท่านโกหก ท่านก็ให้สัมภาษณว่านี่มันคนละส่วนกัน แต่ผมไปดูในสัญญาระหว่างไอทีโอกับแพทริออต ปรากฏอย่างนี้ครับ ในเอกสารแนบท้ายสัญญาระบุชัดเจนว่า บ.อินวิชั่นจะต้องหาบริษัทประกันที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับจากผู้รับเหมาและผู้รับเหมาช่วง เป็นไปตามเงื่อนไขที่ยอมรับได้ จากผู้ว่าจ้าง เป็นการประกันภัยตัวสินค้าเต็มราคาของระบบตรวจกระเป๋าเป็นเวลา 2 ปีครับ ที่ บ.อินวิชั่นเค้าประกันให้ท่านแล้ว แล้วท่านยังจะไปลงทุนซื้อประกันจากบริษัทไหนอีกล่ะครับ นี่ก็โกงตัวเลขไป 69 ล้านครับ
ผมจะสรุปตัวเลขให้ท่านประธานเห็นครับ ท่าน รมต.บอกว่าต้องมีหักภาษี ณ ที่จ่ายอีกแล้วครับ เมื่อสักครู่ผมอนุญาติให้หักภาษี ณ ที่จ่าย ถ้าเป็นระหว่างเอกชนกับเอกชนครับ แต่นี่เป็นเอกชนกับรัฐวิสาหกิจครับ ท่าน รมต.จะบอกผมเหรอครับว่าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจยอมจ่ายภาษีให้ดับ บ.เอกชน ผมไม่เคยเห็นรัฐวิสาหกิจไหนที่ใจป้ำ เพราะภาษีเป็นหน้าที่และภาระของผู้มีรายได้ ตรงนี้หมกเม็ดไปอีก 50 ล้าน ท่านประธานครับที่ท่านหมกเม็ดตัวเลข อีดีเอ็กซ์ อินเตอร์เคชั่น 238 ล้าน ค่าบริการค้ำประกัน 2 ปี 69 ล้าน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 50 ล้าน คิดกำไรเกินความเป็นจริง ท่าคิดกำไรจากตรงนี้ 200 กว่าล้าน ทั้งๆที่ตัวเลขมันแค่ 8.6% คือ 170 กว่าล้านครับ รวมทั้งหมดทั้ง 2 ทอด ท่านพยายามสร้างตัวเลขเพื่อกลบเกลื่อนส่วนต่างของราคา 628 ล้านบาท
ทั้งหมดเป็นสิ่งที่พวกท่านสมคบกันที่จะสร้างราคาที่เกิดจากส่วนต่างทั้ง 2 ทอด ปัญหาที่ตามมาก็คือว่า เงินสินบนนั้นจ่ายไปหรือยัง ท่านประธานตามมาดูตารางนี้ครับ นี่คืองวดจ่ายเงินของ บทม. กับไอทีโอ เครื่องซีทีเอ็กซ์ ระบบซีทีเอ็กซ์ยังไม่มาเลยครับ ไอทีโอเบิกไปจาก บทม.แล้ว 1,503,022,997 บาท นี่คืองวดจ่ายเงินระหว่างแพทริออตกับไอทีโอ ไอทีโอจ่ายเงินให้กับแพทริออตไปทั้งหมดแล้ว 643,957,236 บาท ผมมีเช็คให้ท่านดู ใบที่ 1 : 14 ก.ย. 2547 เบิกเงินไป 94 ล้าน ท่านประธานสังเกตครับเบิกเงินเร่งรีบช่วง ก.ย. พ.ย. ต.ค. ธ.ค. นี่ก็ ก.ย.ครับ 197 ล้าน นี่ก็ ก.ย.ครับ 83 ล้าน นี่ครับ พ.ย. 134 ล้าน นี่ครับ 9 ธ.ค. ก่อนปีใหม่เล็กน้อย เตรียมตัวกันเลือกตั้งพอดี 100 ล้านบาทไปอีกแล้ว 9 พ.ย. อีก 33 ล้านบาท ตารางนี้เป็นตารางพิเศษครับ
ผมเรียกว่ารายการอมเงินครับ บทม.จ่ายเงินให้กับไอทีโอ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,503 ล้านบาท ไอทีโอเอาเงิน 1,503 ล้านบาท ไปจ่ายให้กับแพทริออต 644 ล้านบาท เก็บเข้ากระเป๋าตัวเองครับ 859 ล้านบาท คุณวรพจน์ บ.แพทริออต เอาเงิน 644 ล้านบาทเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง ไม่จ่ายให้ บ.อินวิชั่น แม้แต่บาทเดียว ผมถามคุณวรพจน์ว่าเงิน 644 ล้านบาทที่เบิกมาช่วงก่อนเลือกตั้ง เอาไปทำอะไร คุณวรพจน์บอกว่าเอาไปซื้อต้นลีลาวดี เอาไปซื้อที่ดิน ซื้อรถบีเอ็ม แล้วผมถามว่าคุณวรพจน์ทำไมถึงซื้อต้นลีลาวดี เค้าไปซื้อต้นลีลาวดีเพื่อมาขายต่อให้กับ บทม.อีก เพราะ บทม.ต้องจัดสวน ปรับภูมิทัศน์ ต้องซื้อต้นลีลาวดีจากคุณวรพจน์ ท่านประธานครับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ สงสัยว่า บ.แพทริออตเอาเงิน 664 ล้านบาทไปทำอะไร แต่ไม่เคยสงสัยว่า แล้วบริษัทกิจการ่วมค้าไอทีโอเอาเงิน 859 ล้านบาทไปทำอะไร เพราะอย่างน้อย 2 งวดสุดท้ายที่ไม่มีการส่งของ ไอทีโอเบิกจาก บทม.ไป 530 กว่าล้าน
(ยังมีต่อ)