แม้ว่าสหราชอาณาจักรจะมีการผลิตอาหารเพื่อบริโภคเองภายในประเทศ แต่ยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ อาทิ ผลไม้สด ซึ่งสามารถผลิตได้เพียง 12% ของความต้องการบริโภคในประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าอาหารบางส่วนจากต่างประเทศ โดยในปี 2547 มีการนำเข้าสินค้าอาหารมูลค่ารวมเกือบ 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2546
ทั้งนี้ การนำเข้าและการจัดจำหน่ายสินค้าอาหารในสหราชอาณาจักรมีระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ที่ค่อนข้างเข้มงวด โดยคำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ดังนั้น เพื่อให้การส่งออกของไทยดำเนินไปอย่างราบรื่น ผู้ส่งออกจำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าอาหารอย่างเคร่งครัดทั้งในส่วนของระเบียบที่สหราชอาณาจักรกำหนดขึ้นเพื่อใช้บังคับภายในประเทศ (National Law) และระเบียบที่กำหนดโดยสหภาพยุโรป (European Union: EU) ซึ่งสหราชอาณาจักรต้องปฏิบัติตามในฐานะประเทศสมาชิก
ปัจจุบันสหราชอาณาจักรดำเนินการปรับปรุงระเบียบใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารอย่างต่อเนื่อง อาทิ Food Standards Agency ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านมาตรฐานสินค้าอาหาร โดยได้ปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการปิดฉลากสินค้าอาหาร [Food Labelling (Amendment) (No. 2) Regulations 2004
] เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบใหม่ที่ออกโดย EU ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริโภคทราบข้อมูลส่วนประกอบอย่างครบถ้วน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ทั้งนี้ ระเบียบการปิดฉลากสินค้าอาหารดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2547 และให้เวลาแก่ผู้ประกอบการในการปรับตัวจนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
การระบุส่วนประกอบของอาหาร (Ingredient Listing) ผู้ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าอาหารประเภท Pre-packed food และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 1.2% ต้องระบุบนฉลากสินค้าให้ครบถ้วนและชัดเจนหากมีส่วนประกอบที่อาจทำให้ผู้บริโภคมีอาการแพ้ (Allergenic Ingredients) ตามรายชื่อส่วนประกอบที่ปรากฏอยู่ใน Schedule AA1 เพิ่มเติมจากที่ระบุเฉพาะส่วนประกอบสำคัญของอาหารดังที่ปฏิบัติอยู่เดิม
Schedule AA1 ครอบคลุมรายการส่วนประกอบของอาหารจำนวน 12 กลุ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืชที่มีส่วนประกอบของกลูเต็น (Cereals containing Gluten) สัตว์ทะเลประเภทกุ้ง ปู (Crustaceans) ปลา ไข่ นม ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วชนิดอื่นๆ ผักขึ้นฉ่าย (Celery) มัสตาร์ด งา (Sesame Seeds) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และซัลไฟต์ (Sulphur Dioxide and Sulphites) ในระดับเกินกว่า 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือ 10 มิลลิกรัมต่อลิตร ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงรายการเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสมโดยต้องรับฟังความคิดเห็นจาก European Food Safety Authority (EFSA) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบคำจำกัดความของรายการส่วนประกอบของอาหารทั้ง 12 กลุ่มเพิ่มเติมได้ที่ http://www.food.gov.uk /multimedia/pdfs/allergenukguidance.pdf
การยกเลิกกฎ 25% Compound Ingredients หรือ 25% rule ซึ่งกฎดังกล่าวอนุญาตให้ผู้ประกอบการไม่ต้องระบุส่วนประกอบของอาหารบนฉลากสินค้าในกรณีที่ส่วนประกอบแต่ละชนิดมีสัดส่วนไม่ถึง 25% ของส่วนประกอบทั้งหมดของสินค้าอาหารนั้นๆ การยกเลิกกฎ 25% rule ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องระบุส่วนประกอบทั้งหมดของอาหารบนฉลากสินค้า ยกเว้นสินค้าบางประเภท อาทิ
- อาหารที่มีส่วนประกอบของเครื่องเทศและสมุนไพร หากมีส่วนประกอบของเครื่องเทศและสมุนไพรน้อยกว่า 2% ของส่วนประกอบทั้งหมดไม่จำเป็นต้องระบุส่วนประกอบนั้นบนฉลาก
- อาหารที่มีส่วนประกอบอาหารบางประเภทซึ่งระบุไว้ในกฎหมายของ EU เช่น แยมและช็อกโกแลต หากส่วนประกอบดังกล่าวมีสัดส่วนรวมกันน้อยกว่า 2% ของส่วนประกอบรวมไม่จำเป็นต้องระบุส่วนประกอบนั้นบนฉลากสินค้า
ระเบียบการนำเข้าและการจัดจำหน่ายสินค้าอาหารของสหราชอาณาจักรมีรายละเอียดปลีกย่อยและความซับซ้อนค่อนข้างมาก ผู้ส่งออกจึงจำเป็นต้องตรวจสอบกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในการนำเข้าและการจัดจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ในสหราชอาณาจักรอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.food.gov.uk
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2548--
-พห-
ทั้งนี้ การนำเข้าและการจัดจำหน่ายสินค้าอาหารในสหราชอาณาจักรมีระเบียบและข้อกำหนดต่างๆ ที่ค่อนข้างเข้มงวด โดยคำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ดังนั้น เพื่อให้การส่งออกของไทยดำเนินไปอย่างราบรื่น ผู้ส่งออกจำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าอาหารอย่างเคร่งครัดทั้งในส่วนของระเบียบที่สหราชอาณาจักรกำหนดขึ้นเพื่อใช้บังคับภายในประเทศ (National Law) และระเบียบที่กำหนดโดยสหภาพยุโรป (European Union: EU) ซึ่งสหราชอาณาจักรต้องปฏิบัติตามในฐานะประเทศสมาชิก
ปัจจุบันสหราชอาณาจักรดำเนินการปรับปรุงระเบียบใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารอย่างต่อเนื่อง อาทิ Food Standards Agency ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านมาตรฐานสินค้าอาหาร โดยได้ปรับปรุงระเบียบเกี่ยวกับการปิดฉลากสินค้าอาหาร [Food Labelling (Amendment) (No. 2) Regulations 2004
] เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบใหม่ที่ออกโดย EU ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริโภคทราบข้อมูลส่วนประกอบอย่างครบถ้วน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ทั้งนี้ ระเบียบการปิดฉลากสินค้าอาหารดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2547 และให้เวลาแก่ผู้ประกอบการในการปรับตัวจนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
การระบุส่วนประกอบของอาหาร (Ingredient Listing) ผู้ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าอาหารประเภท Pre-packed food และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 1.2% ต้องระบุบนฉลากสินค้าให้ครบถ้วนและชัดเจนหากมีส่วนประกอบที่อาจทำให้ผู้บริโภคมีอาการแพ้ (Allergenic Ingredients) ตามรายชื่อส่วนประกอบที่ปรากฏอยู่ใน Schedule AA1 เพิ่มเติมจากที่ระบุเฉพาะส่วนประกอบสำคัญของอาหารดังที่ปฏิบัติอยู่เดิม
Schedule AA1 ครอบคลุมรายการส่วนประกอบของอาหารจำนวน 12 กลุ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืชที่มีส่วนประกอบของกลูเต็น (Cereals containing Gluten) สัตว์ทะเลประเภทกุ้ง ปู (Crustaceans) ปลา ไข่ นม ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วชนิดอื่นๆ ผักขึ้นฉ่าย (Celery) มัสตาร์ด งา (Sesame Seeds) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์และซัลไฟต์ (Sulphur Dioxide and Sulphites) ในระดับเกินกว่า 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือ 10 มิลลิกรัมต่อลิตร ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงรายการเหล่านี้ได้ตามความเหมาะสมโดยต้องรับฟังความคิดเห็นจาก European Food Safety Authority (EFSA) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบคำจำกัดความของรายการส่วนประกอบของอาหารทั้ง 12 กลุ่มเพิ่มเติมได้ที่ http://www.food.gov.uk /multimedia/pdfs/allergenukguidance.pdf
การยกเลิกกฎ 25% Compound Ingredients หรือ 25% rule ซึ่งกฎดังกล่าวอนุญาตให้ผู้ประกอบการไม่ต้องระบุส่วนประกอบของอาหารบนฉลากสินค้าในกรณีที่ส่วนประกอบแต่ละชนิดมีสัดส่วนไม่ถึง 25% ของส่วนประกอบทั้งหมดของสินค้าอาหารนั้นๆ การยกเลิกกฎ 25% rule ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องระบุส่วนประกอบทั้งหมดของอาหารบนฉลากสินค้า ยกเว้นสินค้าบางประเภท อาทิ
- อาหารที่มีส่วนประกอบของเครื่องเทศและสมุนไพร หากมีส่วนประกอบของเครื่องเทศและสมุนไพรน้อยกว่า 2% ของส่วนประกอบทั้งหมดไม่จำเป็นต้องระบุส่วนประกอบนั้นบนฉลาก
- อาหารที่มีส่วนประกอบอาหารบางประเภทซึ่งระบุไว้ในกฎหมายของ EU เช่น แยมและช็อกโกแลต หากส่วนประกอบดังกล่าวมีสัดส่วนรวมกันน้อยกว่า 2% ของส่วนประกอบรวมไม่จำเป็นต้องระบุส่วนประกอบนั้นบนฉลากสินค้า
ระเบียบการนำเข้าและการจัดจำหน่ายสินค้าอาหารของสหราชอาณาจักรมีรายละเอียดปลีกย่อยและความซับซ้อนค่อนข้างมาก ผู้ส่งออกจึงจำเป็นต้องตรวจสอบกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในการนำเข้าและการจัดจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ในสหราชอาณาจักรอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.food.gov.uk
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2548--
-พห-