ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. ขอความร่วมมือ ธ.พาณิชย์เก็บหลักฐานการใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้ง ส.ส.
นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกหนังสือเวียนถึง
ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินทุกแห่ง ขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการ
เมืองในการเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการ
เลือกตั้งของผู้สมัครและพรรคการเมืองได้ง่ายขึ้น และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ปฏิบัติของ กกต. อย่างเคร่งครัด ทั้ง
นี้ ให้ ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองได้เปิดบัญชีไว้ตรวจสอบหลักฐานการนำเงินเข้าบัญชี
เงินฝาก และเก็บหลักฐานไว้ให้ กกต.ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของ กกต. กำหนดให้ผู้สมัครรับเลือก
ตั้งและพรรคการเมืองยื่นแต่งตั้งสมุห์บัญชีเลือกตั้ง เพื่อดูแลการใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งแสดงบัญชีการ
รับ-จ่าย และเงินฝากธนาคาร บัญชีการรับจ่ายแทนกัน และบัญชีแสดงค่าใช้จ่ายค้างจ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งและ
พรรคการเมือง (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธุรกิจธนาคารปี 48 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 5-6 คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กก.ผจก.ใหญ่
ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจ ธ.พาณิชย์ไทยปี 48 อยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเศรษฐกิจโลกมีอัตราเติบโตดี
แต่อาจจะไม่ดีมากเท่ากับปีที่ผ่านมา สำหรับไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีโดยจะมีอัตราเติบโตร้อยละ 5-6 โดยเชื่อว่าจะมี
การลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น ขณะที่การลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนอยู่แล้วในโครงการลงทุนขนาดใหญ่
ตามนโยบายของรัฐบาล แม้ว่าการบริโภคจะลดลงบ้าง ราคาน้ำมันปรับตัวอยู่ในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อที่อาจ
ปรับขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าการเติบโตในส่วนของระบบ ธ.พาณิชย์จะไม่น้อยกว่าร้อยละ 5-6 เช่นกัน ในส่วนของสภาพ
คล่องที่มีอยู่ในขณะนี้เชื่อว่ากลางปีคงลดลง แต่เรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่บอกชัดเจนไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับสภาพ
คล่องและนโยบายของ ธปท. ตลอดจนการชี้นำของ ธ.พาณิชย์คู่แข่งด้วย แต่แนวโน้มมีการปรับขึ้น ส่วนปัญหาเอ็นพี
แอลยังคงมีอยู่แต่ส่วนใหญ่กันสำรองไว้เพียงพอแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะของธนาคาร (แนวหน้า)
3. สภาพัฒน์เตรียมเสนอกรอบยุทธศาสตร์เศรษฐกิจให้ ครม. พิจารณา คณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอกรอบยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ไทยในระยะ 4 ปี (2548-2551) ให้ ครม. พิจารณาในการประชุมวันที่ 11 ม.ค.48 เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้องนำไปจัดทำรายละเอียด ประกอบด้วย แผนงาน มาตรการ และเป้าหมายในระยะ 4 ปีข้างหน้าให้แล้วเสร็จ
ภายในเดือน เม.ย.48 ทั้งนี้ จากการประชุมร่วมกันเพื่อจัดทำรายงานสรุปสภาวะของประเทศของ สศช.
สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธปท. และสำนักเลขาธิการ นรม. พบว่า
เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะต้องลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์เพื่อการผลิตและโครงสร้างพื้น
ฐานสนับสนุน และจัดเตรียมแหล่งเงินออมให้เพียงพอ สำหรับเป้าหมายในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม
ต้องการเพิ่มมูลค่าจีดีพีจาก 6.5 ล้านล้านบาท ในปี 47 เป็น 9.5 ล้านล้านบาท ในปี 51 หรือเพิ่มเฉลี่ยร้อยละ
6.6 ต่อปี (มติชน)
4. ก.คลังจ้างผู้เชี่ยวชาญสำรวจความต้องการพันธบัตรของประชาชน นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.
สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ก.คลังอยู่ระหว่างศึกษาการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการออมทรัพย์
เสนอขายให้แก่ประชาชน วงเงินประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท อายุ 3 — 5 — 7 และ 10 ปี ซึ่ง สบน. จะจ้างผู้
เชี่ยวชาญจากออสเตรเลียเป็นที่ปรึกษา เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนประกอบการพิจารณารายละเอียด
ของพันธบัตร โดยคาดว่าจะสรุปได้ชัดเจนในกลางปี 48 ซึ่งรูปแบบของพันธบัตรที่กำลังศึกษานั้น ประกอบด้วย การ
ทยอยออกพันธบัตรเป็นระยะ หรือจะเสนอขายพันธบัตรครั้งเดียวเต็มวงเงิน เพราะในออสเตรเลียส่วนใหญ่นิยมวิธี
ขายผ่านกองทุนเป็นประจำทุกเดือน แต่ของไทยกำลังพิจารณาว่าอาจจะเลือกวิธีทยอยออกจำหน่ายพันธบัตรเป็น
ระยะ (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนก.พ.
และมี.ค. รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 48 จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ
เกือบจะทั้งหมดมีความเห็นว่า ธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมทั้ง 2 ครั้งคือในเดือน
ก.พ. และมี.ค.อีกร้อยละ 0.25 โดยส่วนใหญ่ของนักเศรษฐศาสตร์คือ 20 จาก 21 คนคาดว่าธ.กลางสรอ.จะ
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 2 ก.พ.ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
อยู่ที่ร้อยละ 2.5 ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของเดือนมี.ค. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มี.ค. นักเศรษฐศาสตร์ส่วน
ใหญ่ถึง 18 คนเชื่อว่าธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ใน ขณะที่อีก 2 คนเห็นว่าจะไม่มี
การปรับเพิ่ม ขณะเดียวกันตลาดล่วงหน้าต่างคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีการประชุม
จนกระทั่งถึงกลางปี และหลังจากนั้น คาดว่าจะหยุดหรือเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ค่ากลางที่ได้
คาดการณ์สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึงสิ้นปีนี้ จะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 จากที่คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ในการ
สำรวจครั้งล่าสุด ขณะที่บางส่วนคาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 4.50 (รอยเตอร์)
2. ในเดือน ธ.ค.47 มีการจ้างงานใหม่เกิดขึ้น 157,000 ตำแหน่งใน สรอ. ต่ำกว่าที่คาดไว้
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 7 ม.ค.48 นายจ้างใน สรอ.จ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่งในเดือน
ธ.ค.47 ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และมีการปรับตัวเลขการจ้างงานใหม่ในเดือน ต.ค.และ
พ.ย.47 เพิ่มขึ้นเป็น 312,000 และ 137,000 ตำแหน่งจากรายงานครั้งก่อน 303,000 และ 112,000
ตำแหน่งตามลำดับ ส่งผลให้ยอดรวมการจ้างงานใหม่ตลอดปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านคน สูงสุดนับตั้งแต่มีการ
จ้างงานใหม่จำนวน 3.2 ล้านคนในปี 42 และตรงกันข้ามกับปี 46 ซึ่งมีการสูญเสียตำแหน่งงานจำนวน 61,000
ตำแหน่ง โดยอัตราการว่างงานใน สรอ.ยังคงที่อยู่ที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี ผลสำรวจความเห็นของผู้ค้าตราสารหนี้โดย
รอยเตอร์คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ในวันที่ 2 ก.พ. 48 และคาดว่าจะมีการขึ้น
อัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในวันที่ 22 มี.ค.48 (รอยเตอร์)
3. อัตราการว่างงานและยอดขายปลีกของเขตเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวในเดือน พ.ย.47 รายงาน
จากบรัสเซลส์เมื่อ 7 ม.ค.47 The EU statistics office (Eurostat) เปิดเผยว่า เดือน พ.ย.47
อัตราการว่างงานของเศรษฐกิจยุโรปทรงตัวอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ยอดขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง
จากเดือนก่อน บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของความต้องการภายในประเทศ และเป็นเครื่องชี้ที่สะท้อนความเปราะบางของ
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยอัตราการว่างงานของ 12 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้สกุลเงินเดียวกัน อยู่ที่
ระดับร้อยละ 8.9 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน นับเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 8 เดือนตั้งแต่เดือน มี.ค.47 และลด
ลงจากร้อยละ 9.1 ในเดือนเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นอัตราที่ถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราการว่างงาน
ที่ร้อยละ 5.4 และ 4.5 ใน สรอ.และญี่ปุ่น สำหรับยอดขายปลีกของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน พ.ย.47 ก็ทรง
ตัวอยู่ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
ก่อน อนึ่ง The European Commision ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปที่ร้อยละ 2.1 ในปี 47 และร้อยละ 2.0 ในปี 48 ในขณะที่ The European Central Bank และ The
Organisation for Economic Cooperation and Developme มีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจในแง่ลบเพิ่มขึ้น
เล็กน้อย (รอยเตอร์)
4. ดัชนีชี้วัดความคาดหวังของผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดใน
รอบ 4 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 10 ม.ค.48 ดัชนีชี้วัดความคาดหวังของผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้เกี่ยวกับภาวะ
เศรษฐกิจและการใช้จ่ายส่วนตัวในอีก 6 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ระดับ 85.1 ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ
86.6 ในเดือน พ.ย.47 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.43 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 82.2 โดยดัชนีดัง
กล่าวเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วหลังแตะระดับ 99.9 ในเดือน เม.ย.47 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ดัชนีอยู่ที่ระดับ
103.9 ในเดือน ก.ย.45 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ดัชนีอยู่ในระดับสูงกว่า 100 โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 100 มีความ
หมายว่าจำนวนผู้บริโภคที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพจะเลวลงในอีก 6 เดือนข้างหน้ามี
มากกว่าผู้ที่คาดว่าจะดีขึ้น เมื่อประกอบกับรายงานของสนง.สถิติแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 ม.ค.48 ที่ผ่านมาที่ระบุว่า
ภาคบริการของเกาหลีใต้หดตัวร้อยละ 1.6 ต่อปีในเดือน พ.ย.47 นับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันและใน
วันเดียวกัน ธ.กลางเกาหลีใต้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีในเดือน ธ.ค.47 ขยายตัวใน
อัตราต่ำสุดในรอบ 9 เดือนซึ่งชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายในประเทศยังอ่อนแอในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว ทำให้
คาดกันว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีกเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันและเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ต้นปี 47
ในการประชุมในวันที่ 13 ม.ค.48 นี้ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศหลังจากที่การส่งออกซึ่งเคยขยายตัว
ร้อยละ 31 ในปี 47 เริ่มชะลอตัวลงโดยคาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 12 ในปี 48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10/1/2491 7/1/2491 30/1/2490 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.185 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0167/39.2996 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 697.84/38.06 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.26 36.84 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย
1. ธปท. ขอความร่วมมือ ธ.พาณิชย์เก็บหลักฐานการใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้ง ส.ส.
นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. ได้ออกหนังสือเวียนถึง
ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินทุกแห่ง ขอความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการ
เมืองในการเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการ
เลือกตั้งของผู้สมัครและพรรคการเมืองได้ง่ายขึ้น และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ปฏิบัติของ กกต. อย่างเคร่งครัด ทั้ง
นี้ ให้ ธ.พาณิชย์และสถาบันการเงินที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองได้เปิดบัญชีไว้ตรวจสอบหลักฐานการนำเงินเข้าบัญชี
เงินฝาก และเก็บหลักฐานไว้ให้ กกต.ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของ กกต. กำหนดให้ผู้สมัครรับเลือก
ตั้งและพรรคการเมืองยื่นแต่งตั้งสมุห์บัญชีเลือกตั้ง เพื่อดูแลการใช้จ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งแสดงบัญชีการ
รับ-จ่าย และเงินฝากธนาคาร บัญชีการรับจ่ายแทนกัน และบัญชีแสดงค่าใช้จ่ายค้างจ่ายของผู้สมัครรับเลือกตั้งและ
พรรคการเมือง (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธุรกิจธนาคารปี 48 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 5-6 คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กก.ผจก.ใหญ่
ธ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจ ธ.พาณิชย์ไทยปี 48 อยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเศรษฐกิจโลกมีอัตราเติบโตดี
แต่อาจจะไม่ดีมากเท่ากับปีที่ผ่านมา สำหรับไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีโดยจะมีอัตราเติบโตร้อยละ 5-6 โดยเชื่อว่าจะมี
การลงทุนของภาคเอกชนมากขึ้น ขณะที่การลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนอยู่แล้วในโครงการลงทุนขนาดใหญ่
ตามนโยบายของรัฐบาล แม้ว่าการบริโภคจะลดลงบ้าง ราคาน้ำมันปรับตัวอยู่ในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อที่อาจ
ปรับขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าการเติบโตในส่วนของระบบ ธ.พาณิชย์จะไม่น้อยกว่าร้อยละ 5-6 เช่นกัน ในส่วนของสภาพ
คล่องที่มีอยู่ในขณะนี้เชื่อว่ากลางปีคงลดลง แต่เรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องที่บอกชัดเจนไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับสภาพ
คล่องและนโยบายของ ธปท. ตลอดจนการชี้นำของ ธ.พาณิชย์คู่แข่งด้วย แต่แนวโน้มมีการปรับขึ้น ส่วนปัญหาเอ็นพี
แอลยังคงมีอยู่แต่ส่วนใหญ่กันสำรองไว้เพียงพอแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะของธนาคาร (แนวหน้า)
3. สภาพัฒน์เตรียมเสนอกรอบยุทธศาสตร์เศรษฐกิจให้ ครม. พิจารณา คณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอกรอบยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ไทยในระยะ 4 ปี (2548-2551) ให้ ครม. พิจารณาในการประชุมวันที่ 11 ม.ค.48 เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยว
ข้องนำไปจัดทำรายละเอียด ประกอบด้วย แผนงาน มาตรการ และเป้าหมายในระยะ 4 ปีข้างหน้าให้แล้วเสร็จ
ภายในเดือน เม.ย.48 ทั้งนี้ จากการประชุมร่วมกันเพื่อจัดทำรายงานสรุปสภาวะของประเทศของ สศช.
สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธปท. และสำนักเลขาธิการ นรม. พบว่า
เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะต้องลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์เพื่อการผลิตและโครงสร้างพื้น
ฐานสนับสนุน และจัดเตรียมแหล่งเงินออมให้เพียงพอ สำหรับเป้าหมายในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม
ต้องการเพิ่มมูลค่าจีดีพีจาก 6.5 ล้านล้านบาท ในปี 47 เป็น 9.5 ล้านล้านบาท ในปี 51 หรือเพิ่มเฉลี่ยร้อยละ
6.6 ต่อปี (มติชน)
4. ก.คลังจ้างผู้เชี่ยวชาญสำรวจความต้องการพันธบัตรของประชาชน นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.
สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ก.คลังอยู่ระหว่างศึกษาการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการออมทรัพย์
เสนอขายให้แก่ประชาชน วงเงินประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท อายุ 3 — 5 — 7 และ 10 ปี ซึ่ง สบน. จะจ้างผู้
เชี่ยวชาญจากออสเตรเลียเป็นที่ปรึกษา เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนประกอบการพิจารณารายละเอียด
ของพันธบัตร โดยคาดว่าจะสรุปได้ชัดเจนในกลางปี 48 ซึ่งรูปแบบของพันธบัตรที่กำลังศึกษานั้น ประกอบด้วย การ
ทยอยออกพันธบัตรเป็นระยะ หรือจะเสนอขายพันธบัตรครั้งเดียวเต็มวงเงิน เพราะในออสเตรเลียส่วนใหญ่นิยมวิธี
ขายผ่านกองทุนเป็นประจำทุกเดือน แต่ของไทยกำลังพิจารณาว่าอาจจะเลือกวิธีทยอยออกจำหน่ายพันธบัตรเป็น
ระยะ (มติชน, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนก.พ.
และมี.ค. รายงานจากนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 48 จากผลการสำรวจของรอยเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ
เกือบจะทั้งหมดมีความเห็นว่า ธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมทั้ง 2 ครั้งคือในเดือน
ก.พ. และมี.ค.อีกร้อยละ 0.25 โดยส่วนใหญ่ของนักเศรษฐศาสตร์คือ 20 จาก 21 คนคาดว่าธ.กลางสรอ.จะ
ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 2 ก.พ.ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
อยู่ที่ร้อยละ 2.5 ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของเดือนมี.ค. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มี.ค. นักเศรษฐศาสตร์ส่วน
ใหญ่ถึง 18 คนเชื่อว่าธ.กลางสรอ.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ใน ขณะที่อีก 2 คนเห็นว่าจะไม่มี
การปรับเพิ่ม ขณะเดียวกันตลาดล่วงหน้าต่างคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีการประชุม
จนกระทั่งถึงกลางปี และหลังจากนั้น คาดว่าจะหยุดหรือเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ค่ากลางที่ได้
คาดการณ์สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึงสิ้นปีนี้ จะอยู่ที่ร้อยละ 3.5 จากที่คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ในการ
สำรวจครั้งล่าสุด ขณะที่บางส่วนคาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 4.50 (รอยเตอร์)
2. ในเดือน ธ.ค.47 มีการจ้างงานใหม่เกิดขึ้น 157,000 ตำแหน่งใน สรอ. ต่ำกว่าที่คาดไว้
รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 7 ม.ค.48 นายจ้างใน สรอ.จ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น 157,000 ตำแหน่งในเดือน
ธ.ค.47 ต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และมีการปรับตัวเลขการจ้างงานใหม่ในเดือน ต.ค.และ
พ.ย.47 เพิ่มขึ้นเป็น 312,000 และ 137,000 ตำแหน่งจากรายงานครั้งก่อน 303,000 และ 112,000
ตำแหน่งตามลำดับ ส่งผลให้ยอดรวมการจ้างงานใหม่ตลอดปี 47 เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 ล้านคน สูงสุดนับตั้งแต่มีการ
จ้างงานใหม่จำนวน 3.2 ล้านคนในปี 42 และตรงกันข้ามกับปี 46 ซึ่งมีการสูญเสียตำแหน่งงานจำนวน 61,000
ตำแหน่ง โดยอัตราการว่างงานใน สรอ.ยังคงที่อยู่ที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี ผลสำรวจความเห็นของผู้ค้าตราสารหนี้โดย
รอยเตอร์คาดว่า ธ.กลาง สรอ.จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25 ในวันที่ 2 ก.พ. 48 และคาดว่าจะมีการขึ้น
อัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมในวันที่ 22 มี.ค.48 (รอยเตอร์)
3. อัตราการว่างงานและยอดขายปลีกของเขตเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวในเดือน พ.ย.47 รายงาน
จากบรัสเซลส์เมื่อ 7 ม.ค.47 The EU statistics office (Eurostat) เปิดเผยว่า เดือน พ.ย.47
อัตราการว่างงานของเศรษฐกิจยุโรปทรงตัวอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ยอดขายปลีกไม่เปลี่ยนแปลง
จากเดือนก่อน บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของความต้องการภายในประเทศ และเป็นเครื่องชี้ที่สะท้อนความเปราะบางของ
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยอัตราการว่างงานของ 12 ประเทศเขตเศรษฐกิจยุโรปที่ใช้สกุลเงินเดียวกัน อยู่ที่
ระดับร้อยละ 8.9 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน นับเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 8 เดือนตั้งแต่เดือน มี.ค.47 และลด
ลงจากร้อยละ 9.1 ในเดือนเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นอัตราที่ถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราการว่างงาน
ที่ร้อยละ 5.4 และ 4.5 ใน สรอ.และญี่ปุ่น สำหรับยอดขายปลีกของเขตเศรษฐกิจยุโรปในเดือน พ.ย.47 ก็ทรง
ตัวอยู่ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี
ก่อน อนึ่ง The European Commision ได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเขตเศรษฐกิจ
ยุโรปที่ร้อยละ 2.1 ในปี 47 และร้อยละ 2.0 ในปี 48 ในขณะที่ The European Central Bank และ The
Organisation for Economic Cooperation and Developme มีมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจในแง่ลบเพิ่มขึ้น
เล็กน้อย (รอยเตอร์)
4. ดัชนีชี้วัดความคาดหวังของผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้ในเดือน ธ.ค.47 ลดลงอยู่ในระดับต่ำสุดใน
รอบ 4 ปี รายงานจากโซล เมื่อ 10 ม.ค.48 ดัชนีชี้วัดความคาดหวังของผู้บริโภคชาวเกาหลีใต้เกี่ยวกับภาวะ
เศรษฐกิจและการใช้จ่ายส่วนตัวในอีก 6 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ระดับ 85.1 ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ
86.6 ในเดือน พ.ย.47 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.43 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 82.2 โดยดัชนีดัง
กล่าวเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วหลังแตะระดับ 99.9 ในเดือน เม.ย.47 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ดัชนีอยู่ที่ระดับ
103.9 ในเดือน ก.ย.45 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ดัชนีอยู่ในระดับสูงกว่า 100 โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 100 มีความ
หมายว่าจำนวนผู้บริโภคที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพจะเลวลงในอีก 6 เดือนข้างหน้ามี
มากกว่าผู้ที่คาดว่าจะดีขึ้น เมื่อประกอบกับรายงานของสนง.สถิติแห่งชาติเมื่อวันที่ 6 ม.ค.48 ที่ผ่านมาที่ระบุว่า
ภาคบริการของเกาหลีใต้หดตัวร้อยละ 1.6 ต่อปีในเดือน พ.ย.47 นับเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันและใน
วันเดียวกัน ธ.กลางเกาหลีใต้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีในเดือน ธ.ค.47 ขยายตัวใน
อัตราต่ำสุดในรอบ 9 เดือนซึ่งชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายในประเทศยังอ่อนแอในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว ทำให้
คาดกันว่า ธ.กลางเกาหลีใต้จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีกเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันและเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ต้นปี 47
ในการประชุมในวันที่ 13 ม.ค.48 นี้ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศหลังจากที่การส่งออกซึ่งเคยขยายตัว
ร้อยละ 31 ในปี 47 เริ่มชะลอตัวลงโดยคาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 12 ในปี 48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10/1/2491 7/1/2491 30/1/2490 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.185 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.0167/39.2996 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 697.84/38.06 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,950/8,050 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 37.26 36.84 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.29*/14.59 19.29*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด ลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 17 ธ.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย