ภาคการคลังด้านรายได้ยังแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จนถึงเดือนพฤษภาคม 2548 รายได้จัดเก็บ เกินเป้าเพียงพอต่อการทำงบประมาณกลางปี 2548 แล้ว นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง แถลงถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งเก็บได้สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 12,903 ล้านบาท (ร้อยละ 6.9) และสูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วถึง 37,354 ล้านบาท (ร้อยละ 22.9) นับเป็นการจัดเก็บรายได้ที่สูงที่สุดในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องของภาคการคลังด้านรายได้ ซึ่งเกิดจากผลการขยายตัวของธุรกรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ธรณีพิบัติภัยสึนามิ รวมทั้งผลกระทบจากราคาน้ำมัน จะมีอัตราขยายตัวที่ชะลอตัวลงบ้างก็ตาม
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนพฤษภาคม 2548 การจัดเก็บรายได้สุทธิที่อยู่ในระดับสูงถึง 200,482 ล้านบาท นั้น เป็นผลมาจากการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 16.5 สะท้อนถึงภาวะการมีงานทำและการจ้างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนพฤษภาคม 2548 ยังเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 19.9 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ประชาชนยังจับจ่ายใช้สอยในระดับที่สูง สำหรับการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 23.3 สืบเนื่องจากผลประกอบการของบริษัทในปี 2547 นั้นอยู่ในระดับที่สูง สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2547 ที่อยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 6.1
ส่วนภาษีสำคัญที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับผลการจัดเก็บรายได้สะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ (ตุลาคม 2547 — พฤษภาคม 2548) รัฐบาลจัดเก็บได้สุทธิ 841,534 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 53,852 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 94,965 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7
ปลัดกระทรวงการคลังได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า “จากแนวโน้มการจัดเก็บรายได้และความแข็งแกร่งของภาคการคลัง รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังขยายตัวได้ในระดับที่น่าพอใจนี้ รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จำนวน 1,250,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน”
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 40/2548 8 มิถุนายน 48--
นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนพฤษภาคม 2548 การจัดเก็บรายได้สุทธิที่อยู่ในระดับสูงถึง 200,482 ล้านบาท นั้น เป็นผลมาจากการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 16.5 สะท้อนถึงภาวะการมีงานทำและการจ้างงานที่ยังอยู่ในระดับสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนพฤษภาคม 2548 ยังเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 19.9 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ประชาชนยังจับจ่ายใช้สอยในระดับที่สูง สำหรับการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงร้อยละ 23.3 สืบเนื่องจากผลประกอบการของบริษัทในปี 2547 นั้นอยู่ในระดับที่สูง สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2547 ที่อยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 6.1
ส่วนภาษีสำคัญที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับผลการจัดเก็บรายได้สะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ (ตุลาคม 2547 — พฤษภาคม 2548) รัฐบาลจัดเก็บได้สุทธิ 841,534 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 53,852 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 94,965 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.7
ปลัดกระทรวงการคลังได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า “จากแนวโน้มการจัดเก็บรายได้และความแข็งแกร่งของภาคการคลัง รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังขยายตัวได้ในระดับที่น่าพอใจนี้ รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บรายได้ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จำนวน 1,250,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน”
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 40/2548 8 มิถุนายน 48--