ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1..ธปท.เป็นห่วงความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผอส.ฝ่าย
เศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบายของ ธปท.ว่า จากขณะนี้จนถึง 4 ไตรมาสข้างหน้าผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจยังคงมีไม่มาก เพราะ
ปัจจุบันในระบบเศรษฐกิจ องค์กรธุรกิจได้ใช้เงินทุนของตัวเองในการลงทุนทางธุรกิจ โดยไม่ได้มีการกู้ยืมเงินจาก
ธพ.มากนัก แต่จะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจก่อสร้างบ้าง ขณะที่ผลกระทบต่อภาคประชาชนนั้น ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อ
รายได้เพิ่มขึ้นบ้างแต่ไม่รุนแรง โดยขณะนี้ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้อยู่ที่ร้อยละ 5.0 แต่ถ้าประเมินไปในช่วง 8
ไตรมาสข้างหน้า ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้ของประชาชนจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7.0 เศษ อย่างไรก็ก็ตาม
อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จึงมีความเห็นว่าปัจจัยดัง
กล่าวจะส่งผลให้ภาคครัวเรือนมีความระมัดระวังในการก่อภาระหนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพการเงิน
ของภาคครัวเรือนได้ ทั้งนี้ กนง.เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจะเป็นการเพิ่มภาระดอกเบี้ยจ่ายของ
ครัวเรือนซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนได้ ดังนั้น กนง.จึงเห็นควรให้เฝ้าติดตาม
ประเด็นดังกล่าวนี้อย่างใกล้ชิด (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ธพ.ส่วนใหญ่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบายของ ธปท. รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สายนโยบายการเงิน ธปท.เปิด
เผยบทความเรื่อง “การส่งผ่านนโยบายการเงินผ่านช่องทางอัตราดอกเบี้ย” ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับ
เดือน ต.ค.โดยระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ธพ.ส่วนใหญ่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ของ ธปท.ในการประชุมครั้งล่าสุด (19 ต.ค.) ที่ระดับร้อยละ 0.50 เร็วขึ้น เนื่องจากการคาดการณ์ว่าดอกเบี้ย
นโยบายในอนาคตที่เป็นอัตราเร่งขึ้นก่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว ตลาดคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต
จะสูงขึ้นในอนาคตจะสูงขึ้น แต่ในอัตราที่ไม่เร็วมากนัก ทั้งนี้ จึงส่งผลให้ ธพ.ส่วนใหญ่ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงิน
ฝากระยะ 3 เดือนในอีก 12 เดือน ทำให้ ธพ.โดยรวมมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการสูญเสียฐานเงินฝากหลังภาค
ครัวเรือนและภาคธุรกิจย้ายเงินออมออกจาก ธพ.ไปยังทางเลือกในการออมอื่น ๆ เช่น หลักทรัพย์ ตราสารหนี้
พันธบัตรรัฐบาล แม้ว่าสภาพคล่องส่วนเกินในระบบยังคงมีจำนวนมาก แต่ ธพ.ขนาดกลางและขนาดเล็กบางแห่งที่มี
สภาพคล่องส่วนเกินต่ำจะต้องเริ่มระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อ ทำให้ ธพ.ขนาดใหญ่
บางแห่งที่มีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่ต้องปรับดอกเบี้ยเงินฝาก มิฉะนั้นจะเสียลูกค้าให้กับธนาคารที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย
เงินฝากไปก่อนหน้า (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า)
3. ม.หอการค้าไทยเปิดเผยผลการประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 49 ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยาย
ตัวระหว่างร้อยละ 4.0-4.5 คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการประมาณการภาวะ
เศรษฐกิจไทยในปี 49 โดยสอบถามจากผู้เข้าร่วมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 23 ที่ จ.พิษณุโลก จำนวน
800 คน มีผู้ตอบแบบสอบถาม 208 คน พบว่า เสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 29.3 ระบุว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวระหว่าง
ร้อยละ 4.0-4.5 แต่อัตราเฉลี่ยทั่วประเทศจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3 โดยกรุงเทพฯ และปริมณฑลเห็นว่าจะขยายตัว
ร้อยละ 5.17 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 3.86 ภาคกลางร้อยละ 4.89 ภาคเหนือร้อยละ 4.36 ภาคใต้
ร้อยละ 3.49 (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ยอดนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วง 9 เดือนปี 48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.46 เทียบต่อปี รายงานจาก
ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 48 ว่า ไทยมีการนำเข้า
สินค้าฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น 28 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 232,046.3 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.46 เมื่อ
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการนำเข้าดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.5 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าทั้ง
หมด โดยสินค้าที่นำเข้าสูงสุดคือ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด 49,049.6 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.62 รองลง
มา คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 46,777.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.43 และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและ
เภสัชกรรม 26,624.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.76 (สยามรัฐ)
5. 4 ธพ.ของรัฐบาลจัดทำโครงการ 4 ประสานเพื่อสินเชื่อสู่ภูมิภาควงเงิน 28,532 ล้านบาท
รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธ.ออมสิน ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธ.เพื่อการพัฒนา
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.) ได้จัดทำโครงการ 4 ประสานเพื่อสินเชื่อสู่ภูมิภาค เพื่อสนับสนุนสินเชื่อในการประกอบธุรกิจใน 11
จังหวัดภาคอีสานตอนบน เป็นวงเงิน 28,532 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและ
เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งต่อไปได้ (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ในเดือน ต.ค.48 ลดลงน้อยกว่าที่คาด
ไว้ ทำให้คาดกันว่า ธ.กลางยุโรปจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 28 ต.ค.48 Eurostat ซึ่ง
เป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานตัวเลขเบื้องต้นอัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ซึ่ง
ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ในเดือน ต.ค.48
จากร้อยละ 2.6 ในเดือนก่อน ลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ในขณะที่ผลสำรวจพบ
ว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคใน Euro zone เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 100.5 ในเดือน ต.ค.48
จากระดับ 98.6 ในเดือน ก.ย.48 ดีขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันและสูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่
ระดับ 98.9 แม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม จากตัวเลขดังกล่าวข้างต้นทำให้ตลาดคาดกันว่ามีโอกาสร้อยละ 60
ที่ ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วนักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า
ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปีต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง (รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีการสั่งซื้อของอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนต.ค. จะขยายตัวทำสถิติสูงสุดใน
รอบ 14 เดือน รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 48 ผลการสำรวจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต
มากกว่า 350 แห่งของ The NTC Research/Nomura/JMMA ชี้ว่า Purchasing Managers Index (PMI)
ซึ่งเป็นดัชนีที่บ่งชี้กิจกรรมทางภาคอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 54.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ
54.5 ในเดือนก.ย. และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 47 ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าระดับ 50 แสดงถึงธุรกิจ
ขยายตัวและหากต่ำกว่าระดับ 50 แสดงถึงภาวะอุตสาหกรรมการผลิตหดตัว ทั้งนี้ในปีนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัว
จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนซึ่งสามารถชดเชยการชะลอตัวของการส่งออกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ
ส่งออกไปจีน (รอยเตอร์)
3. คาดว่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนต.ค.จะชะลอตัวแต่ยังคงมีแนวโน้มที่ดี รายงานจากโซล
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 48 ผลการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนต.ค. จะเติบโต
เฉลี่ยร้อยละ 14 ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 17.9 เมื่อเดือนก.ย. แต่ก็ยังคง
สูงกว่าการส่งออกในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.ที่ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 12.3 เนื่องจากอุปสงค์จากสรอ.ลดลง อย่างไร
ก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่าการส่งออกสินค้าไปจีนและอเมริกาใต้ยังคงแข็งแกร่งคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวอย่าง
ต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ ทั้งนี้อุปสงค์ในประเทศของสรอ.ที่อ่อนตัวลงประกอบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้การส่ง
ออกของเกาหลีใต้มีความเสี่ยง ทั้งนี้ ก.พาณิชย์เกาหลีใต้มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขการส่งออกอย่างเป็นทางการ
ในวันอังคารนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้ปรับปัจจัยทางฤดูกาล แต่สามารถใช้
เป็นข้อมูลติดตามอย่างใกล้ชิดได้ เนื่องจากเกาหลีใต้เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่รายงานตัวเลขการค้าในแต่ละ
เดือน อนึ่งคาดว่าการนำเข้าในเดือนต.ค.จะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 18.1 ชะลอตัวจากที่ขยายตัวร้อยละ 24.4
เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น (รอยเตอร์)
4. ราคาบ้านในสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นสูงสุดใน
รอบ 5 ปี รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 28 ต.ค.48 ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยของภาคเอกชนในไตรมาสที่ 3 ปีนี้เพิ่มขึ้น
มาอยู่ที่ระดับ 116.6 จากระดับ 115.2 ในไตรมาสก่อน คิดเป็นอัตราร้อยละ 1.2 ต่อไตรมาส เพิ่มขึ้นในอัตรา
สูงสุดในรอบ 5 ปี สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และนับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นไตร
มาสที่ 6 ติดต่อกัน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 และ 0.5 ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ปีนี้ตามลำดับ ในขณะที่ค่าเช่า
ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี ราคาอสังหาริม
ทรัพย์ของสิงคโปร์ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาในปี 39 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ขยายตัวสูงสุดถึง
ร้อยละ 30 โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์การเงินในเอเชียในปี 40 และ
เพิ่งจะฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำโดยราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 31 ต.ค. 48 28 ต.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.759 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.5642/40.8586 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80569 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.25/ 7.91 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,100/9,200 9,100/9,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.78 53.52 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 26.14*/23.79** 26.14*/23.79** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 28 ต.ค. 48
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 21 ต.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1..ธปท.เป็นห่วงความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ผอส.ฝ่าย
เศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงผลกระทบที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบายของ ธปท.ว่า จากขณะนี้จนถึง 4 ไตรมาสข้างหน้าผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจยังคงมีไม่มาก เพราะ
ปัจจุบันในระบบเศรษฐกิจ องค์กรธุรกิจได้ใช้เงินทุนของตัวเองในการลงทุนทางธุรกิจ โดยไม่ได้มีการกู้ยืมเงินจาก
ธพ.มากนัก แต่จะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจก่อสร้างบ้าง ขณะที่ผลกระทบต่อภาคประชาชนนั้น ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อ
รายได้เพิ่มขึ้นบ้างแต่ไม่รุนแรง โดยขณะนี้ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้อยู่ที่ร้อยละ 5.0 แต่ถ้าประเมินไปในช่วง 8
ไตรมาสข้างหน้า ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อรายได้ของประชาชนจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 7.0 เศษ อย่างไรก็ก็ตาม
อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จึงมีความเห็นว่าปัจจัยดัง
กล่าวจะส่งผลให้ภาคครัวเรือนมีความระมัดระวังในการก่อภาระหนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพการเงิน
ของภาคครัวเรือนได้ ทั้งนี้ กนง.เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจะเป็นการเพิ่มภาระดอกเบี้ยจ่ายของ
ครัวเรือนซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนได้ ดังนั้น กนง.จึงเห็นควรให้เฝ้าติดตาม
ประเด็นดังกล่าวนี้อย่างใกล้ชิด (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.เผยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ธพ.ส่วนใหญ่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบายของ ธปท. รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สายนโยบายการเงิน ธปท.เปิด
เผยบทความเรื่อง “การส่งผ่านนโยบายการเงินผ่านช่องทางอัตราดอกเบี้ย” ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับ
เดือน ต.ค.โดยระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ธพ.ส่วนใหญ่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ของ ธปท.ในการประชุมครั้งล่าสุด (19 ต.ค.) ที่ระดับร้อยละ 0.50 เร็วขึ้น เนื่องจากการคาดการณ์ว่าดอกเบี้ย
นโยบายในอนาคตที่เป็นอัตราเร่งขึ้นก่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว ตลาดคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต
จะสูงขึ้นในอนาคตจะสูงขึ้น แต่ในอัตราที่ไม่เร็วมากนัก ทั้งนี้ จึงส่งผลให้ ธพ.ส่วนใหญ่ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงิน
ฝากระยะ 3 เดือนในอีก 12 เดือน ทำให้ ธพ.โดยรวมมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการสูญเสียฐานเงินฝากหลังภาค
ครัวเรือนและภาคธุรกิจย้ายเงินออมออกจาก ธพ.ไปยังทางเลือกในการออมอื่น ๆ เช่น หลักทรัพย์ ตราสารหนี้
พันธบัตรรัฐบาล แม้ว่าสภาพคล่องส่วนเกินในระบบยังคงมีจำนวนมาก แต่ ธพ.ขนาดกลางและขนาดเล็กบางแห่งที่มี
สภาพคล่องส่วนเกินต่ำจะต้องเริ่มระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อ ทำให้ ธพ.ขนาดใหญ่
บางแห่งที่มีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่ต้องปรับดอกเบี้ยเงินฝาก มิฉะนั้นจะเสียลูกค้าให้กับธนาคารที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย
เงินฝากไปก่อนหน้า (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, แนวหน้า)
3. ม.หอการค้าไทยเปิดเผยผลการประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 49 ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยาย
ตัวระหว่างร้อยละ 4.0-4.5 คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการประมาณการภาวะ
เศรษฐกิจไทยในปี 49 โดยสอบถามจากผู้เข้าร่วมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 23 ที่ จ.พิษณุโลก จำนวน
800 คน มีผู้ตอบแบบสอบถาม 208 คน พบว่า เสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 29.3 ระบุว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวระหว่าง
ร้อยละ 4.0-4.5 แต่อัตราเฉลี่ยทั่วประเทศจะอยู่ที่ร้อยละ 4.3 โดยกรุงเทพฯ และปริมณฑลเห็นว่าจะขยายตัว
ร้อยละ 5.17 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 3.86 ภาคกลางร้อยละ 4.89 ภาคเหนือร้อยละ 4.36 ภาคใต้
ร้อยละ 3.49 (ผู้จัดการรายวัน, กรุงเทพธุรกิจ)
4. ยอดนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วง 9 เดือนปี 48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.46 เทียบต่อปี รายงานจาก
ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 48 ว่า ไทยมีการนำเข้า
สินค้าฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น 28 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 232,046.3 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.46 เมื่อ
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการนำเข้าดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.5 ของมูลค่าการนำเข้าสินค้าทั้ง
หมด โดยสินค้าที่นำเข้าสูงสุดคือ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด 49,049.6 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.62 รองลง
มา คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 46,777.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.43 และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและ
เภสัชกรรม 26,624.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.76 (สยามรัฐ)
5. 4 ธพ.ของรัฐบาลจัดทำโครงการ 4 ประสานเพื่อสินเชื่อสู่ภูมิภาควงเงิน 28,532 ล้านบาท
รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธ.ออมสิน ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธ.เพื่อการพัฒนา
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.) ได้จัดทำโครงการ 4 ประสานเพื่อสินเชื่อสู่ภูมิภาค เพื่อสนับสนุนสินเชื่อในการประกอบธุรกิจใน 11
จังหวัดภาคอีสานตอนบน เป็นวงเงิน 28,532 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและ
เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งต่อไปได้ (เดลินิวส์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. อัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ในเดือน ต.ค.48 ลดลงน้อยกว่าที่คาด
ไว้ ทำให้คาดกันว่า ธ.กลางยุโรปจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย รายงานจากบรัสเซลส์ เมื่อ 28 ต.ค.48 Eurostat ซึ่ง
เป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานตัวเลขเบื้องต้นอัตราเงินเฟ้อของเขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ซึ่ง
ประกอบด้วยประเทศสมาชิก 12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ในเดือน ต.ค.48
จากร้อยละ 2.6 ในเดือนก่อน ลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ในขณะที่ผลสำรวจพบ
ว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคใน Euro zone เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 100.5 ในเดือน ต.ค.48
จากระดับ 98.6 ในเดือน ก.ย.48 ดีขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันและสูงกว่าที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่
ระดับ 98.9 แม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม จากตัวเลขดังกล่าวข้างต้นทำให้ตลาดคาดกันว่ามีโอกาสร้อยละ 60
ที่ ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วนักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า
ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อปีต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง (รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีการสั่งซื้อของอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนต.ค. จะขยายตัวทำสถิติสูงสุดใน
รอบ 14 เดือน รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 48 ผลการสำรวจผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต
มากกว่า 350 แห่งของ The NTC Research/Nomura/JMMA ชี้ว่า Purchasing Managers Index (PMI)
ซึ่งเป็นดัชนีที่บ่งชี้กิจกรรมทางภาคอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นในเดือนต.ค. อยู่ที่ระดับ 54.7 เพิ่มขึ้นจากระดับ
54.5 ในเดือนก.ย. และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 47 ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าระดับ 50 แสดงถึงธุรกิจ
ขยายตัวและหากต่ำกว่าระดับ 50 แสดงถึงภาวะอุตสาหกรรมการผลิตหดตัว ทั้งนี้ในปีนี้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัว
จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนซึ่งสามารถชดเชยการชะลอตัวของการส่งออกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ
ส่งออกไปจีน (รอยเตอร์)
3. คาดว่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนต.ค.จะชะลอตัวแต่ยังคงมีแนวโน้มที่ดี รายงานจากโซล
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 48 ผลการสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือนต.ค. จะเติบโต
เฉลี่ยร้อยละ 14 ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 17.9 เมื่อเดือนก.ย. แต่ก็ยังคง
สูงกว่าการส่งออกในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.ที่ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 12.3 เนื่องจากอุปสงค์จากสรอ.ลดลง อย่างไร
ก็ตามนักวิเคราะห์กล่าวว่าการส่งออกสินค้าไปจีนและอเมริกาใต้ยังคงแข็งแกร่งคาดว่าการส่งออกจะขยายตัวอย่าง
ต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ ทั้งนี้อุปสงค์ในประเทศของสรอ.ที่อ่อนตัวลงประกอบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้การส่ง
ออกของเกาหลีใต้มีความเสี่ยง ทั้งนี้ ก.พาณิชย์เกาหลีใต้มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขการส่งออกอย่างเป็นทางการ
ในวันอังคารนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้ปรับปัจจัยทางฤดูกาล แต่สามารถใช้
เป็นข้อมูลติดตามอย่างใกล้ชิดได้ เนื่องจากเกาหลีใต้เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่รายงานตัวเลขการค้าในแต่ละ
เดือน อนึ่งคาดว่าการนำเข้าในเดือนต.ค.จะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 18.1 ชะลอตัวจากที่ขยายตัวร้อยละ 24.4
เมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น (รอยเตอร์)
4. ราคาบ้านในสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้นสูงสุดใน
รอบ 5 ปี รายงานจากสิงคโปร์ เมื่อ 28 ต.ค.48 ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยของภาคเอกชนในไตรมาสที่ 3 ปีนี้เพิ่มขึ้น
มาอยู่ที่ระดับ 116.6 จากระดับ 115.2 ในไตรมาสก่อน คิดเป็นอัตราร้อยละ 1.2 ต่อไตรมาส เพิ่มขึ้นในอัตรา
สูงสุดในรอบ 5 ปี สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และนับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นไตร
มาสที่ 6 ติดต่อกัน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 และ 0.5 ในไตรมาสที่ 1 และ 2 ปีนี้ตามลำดับ ในขณะที่ค่าเช่า
ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ดี ราคาอสังหาริม
ทรัพย์ของสิงคโปร์ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาในปี 39 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ขยายตัวสูงสุดถึง
ร้อยละ 30 โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์การเงินในเอเชียในปี 40 และ
เพิ่งจะฟื้นตัวจากภาวะตกต่ำโดยราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 เมื่อปีที่ผ่านมา (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 31 ต.ค. 48 28 ต.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 40.759 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40.5642/40.8586 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 3.80569 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 682.25/ 7.91 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 9,100/9,200 9,100/9,200 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.78 53.52 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 26.14*/23.79** 26.14*/23.79** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 28 ต.ค. 48
** ปรับลด 40 สตางค์ เมื่อ 21 ต.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--