= ลงนามสัญญาความร่วมมือ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องรับรอง ๑ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๑
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง ดร.บีทริส กอราวานท์ชี
ผู้แทนมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ประจำประเทศไทย เพื่อลงนาม
ในสัญญาความร่วมมือในการสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้
การเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ประจำปี ๒๕๔๘ จำนวน ๒๖,๐๐๐ ยูโร
ทั้งนี้ ผู้แทนมูลนิธิคอนราดได้กล่าวอำลาเพื่อไปปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งใหม่ ณ ประเทศฝรั่งเศส
= ศึกษาดูงานใน ๓ จังหวัดภาคตะวันออก
วันจันทร์ที่ ๑๗ - วันศุกร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๘ สำนักพัฒนาบุคลากรได้นำผู้เข้า
อบรมหลักสูตรพัฒนาระดับสูง รุ่นที่ ๑ ไปศึกษาดูงานจังหวัดชลบุรี ระยอง และตราด
ซึ่งแบ่งผู้เข้าอบรมเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มที่ ๑ นำโดยนางอุมาสีว์ สอาดเอี่ยม รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
และกลุ่มที่ ๒ นำโดยนายอุดม มุ่งเกษม อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนานักบริหารระดับสูง
รุ่นที่ ๑
= วางพวงมาลา
วันอังคารที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา นางสุภารัตน์ วสะภาคย์
ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ พร้อมด้วยข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นำพวงมาลาในนาม "สภาผู้แทนราษฎร" ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ณ พระบรมราชานุสรณ์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
= คณะกรรมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับ
การเลือกตั้งใหม่
จากการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ครบวาระในวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๘ และ
จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามครรลองประชาธิปไตยและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญขึ้น ในวันอาทิตย์
ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ดังนั้นสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจึงได้ดำเนินการจัดแสดง
นิทรรศการเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองและการเลือกตั้ง โดยได้แต่งตั้ง
คณะกรรมการจัดแสดงนิทรรศการการเลือกตั้งขึ้น พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมความพร้อม
เพื่อรองรับสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดแนวทางในการ
ดำเนินงานและคัดเลือกงาน / กิจกรรม ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะต้องดำเนินการ
เพื่อให้การรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
โดยคณะกรรมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ ประกอบด้วย
๑. นางพรพิมล ถิรคุณโกวิท ประธานกรรมการ
๒. นางอุมาสีว์ สอาดเอี่ยม รองประธานกรรมการ
๓. นายวัชรินทร์ จอมพลาพล กรรมการ
๔. นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ กรรมการ
๕. นายสมพล วณิคพันธุ์ กรรมการ
๖. นายบุญเรือง บูรภักดิ์ กรรมการ
๗. ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง กรรมการ
๘. ผู้อำนวยการสำนักการคลังและงบประมาณ กรรมการ
๙. ผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย กรรมการ
๑๐. ผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศ กรรมการ
๑๑. ผู้อำนวยการสำนักการประชุม กรรมการ
๑๒. ผู้อำนวยการกลุ่มงานทะเบียนประวัติและสถิติ กรรมการและเลขานุการ
๑๓. นางสาวพรพิมล เป้าคำศรี กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
๑๔. นางสาววันเพ็ญ อินทร์รวย กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการเตรียมความพร้อมฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานในด้านต่าง ๆ ขึ้น ดังนี้
๑. คณะทำงานด้านการจัดทำเอกสาร มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดรูปแบบ
เอกสารสำหรับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรอกในการแสดงตน ตลอดจนคัดเลือกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยแยกประเภทและหมวดหมู่
เพื่อกำหนดรูปแบบการจัดทำเป็นรูปเล่มหรือซีดีรอม รวมทั้งจัดทำต้นฉบับ คู่มือการให้บริการของสำนักงาน
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับมอบให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันแสดงตนด้วย
๒. คณะทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีอำนาจหน้าที่ในการ
สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ทั้งด้านเทคนิคและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็น ตลอดจนพิจารณากำหนดแนวทางและกิจกรรมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ
๓. คณะทำงานด้านสถานที่และการต้อนรับ มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการจัดทำ
แผนการใช้สถานที่ แผนการต้อนรับ แผนการประชาสัมพันธ์ และแผนการดำเนินการรัฐพิธีเปิดประชุมสมัยประชุมสามัญทั่วไปครั้งแรกของรัฐสภา
๔. คณะทำงานเตรียมการจัดสัมมนา มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำแผนงาน / โครงการ
ในการดำเนินการจัดสัมมนา เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ ในการปฏิบัติงานด้านนิติบัญญัติ
เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่เข้าใจกระบวนการในการปฏิบัติงานด้านนิติบัญญัติ
= การเสียสิทธิทางการเมือง
ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๘ กำหนดว่าบุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หากไม่แจ้งเหตุอันสมควร
ที่ทำให้ไม่สามารถไปใช้สิทธิย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยสิทธิทางการเมือง
ที่ต้องเสียถ้าไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นมี ๘ ประการ ดังนี้
๑. ไม่สามารถที่จะไปยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. หรือ ส.ว. รวมทั้งสมาชิกสภาและผู้บริหารท้องถิ่นได้
๒. ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
๓. ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. หรือสมาชิกสภาและผู้บริหารท้องถิ่น
๔. ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
๕. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
๖. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
๗. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
๘. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้
ดังนั้น หากมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ ต้องแจ้ง กกต. ก่อนที่จะมีเลือกตั้ง ๗ วัน
โดยขอรับและยื่นหนังสือแจ้งเหตุ หรือ ส.ส.๓๐ ได้ที่นายอำเภอ ปลัดเทศบาล ผอ.เขตของ กทม. ด้วยตัวเอง
หรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
= กำหนดผู้ประสานงานหลักในการนำเข้าข้อมูลระบบอินทราเน็ต
สำนักสารสนเทศ ได้จัดตั้งกลุ่มดูแลด้านข้อมูลขึ้น เพื่อประสานงานกับหน่วยงาน
ในสังกัด และขอให้หน่วยงานในสังกัด กำหนดผู้ประสานงานหลักของสำนักหรือกลุ่มงาน เพื่อทำหน้าที่
ในการประสานงานข้อมูลในระบบและร่วมกันพัฒนาระบบอินทราเน็ตของสำนักงานฯ ต่อไป โดยติดต่อ
แจ้งรายชื่อได้ที่กลุ่มดูแลด้านข้อมูล สำนักสารสนเทศ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๔ ๒๓๓๐ - ๑
ทั้งนี้ จากการที่สำนักสารสนเทศได้จัดอบรมการนำข้อมูลในระบบอินทราเน็ตของ
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้กับหน่วยงานในสังกัดฯ ซึ่งได้ดำเนินการอบรมเสร็จสิ้นไปแล้วซึ่ง
ขณะนี้ทางสำนักสารสนเทศได้มีแผนการแนะนำการใช้งานและนำข้อมูลเข้าสู่ระบบที่เป็นการ
ต่อเนื่องจากการอบรม เพื่อให้ระบบอินทราเน็ตของสำนักงานฯ เป็นช่องทางหนึ่งที่ใช้เผยแพร่
ประชาสัมพันธ์และรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดยจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเติมเต็มข้อมูล
ในระบบให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วย
= การฝึกปฏิบัติธรรม
การพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพและศักยภาพในองค์กรนั้น จะต้องดำเนินการ
พัฒนาควบคู่กันไปทั้งด้านความรู้และจิตใจ การฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการพัฒนาบุคลากร
เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน
ให้สอดคล้องกับระบบราชการแนวใหม่ ซึ่งเน้นการเป็นระบบราชการที่มีสมรรถภาพสูง มีคุณภาพ คุณธรรม
และจริยธรรม มีประสิทธิผล เป็นที่น่าเชื่อถือศรัทธาของผู้รับบริการ
การที่องค์กรจะบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ บุคลากรในองค์กรต้องเป็นผู้ที่มีทัศนคติและค่านิยม
ในการทำงานที่สอดคล้องกับระบบราชการแนวใหม่ ที่กล้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซื่อสัตย์ มีความ
รับผิดชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เลือกปฏิบัติ และมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นสำคัญ การฝึกอบรม
วิปัสสนากัมมัฏฐานจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการทำงานแก่บุคลากรขององค์กร และสามารถสร้างบุคลากร
ขององค์กรให้เป็นผู้มีคุณภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม มีประสิทธิผลเป็นที่เชื่อถือของผู้รับบริการได้
สำนักพัฒนาบุคลากรจึงได้จัดโครงการ "ธรรมสัญจรสำหรับบุคลากรของรัฐสภา"
แก่ข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ณ วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี
จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันศุกร์ที่ ๑๘ - วันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ เพื่อให้ข้าราชการและ
ลูกจ้างของสำนักงานฯ ได้มีโอกาสเข้ารับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน อันจะทำให้เกิดความรู้
ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาจิตใจตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
สามารถนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติ
หน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเป็นการช่วยจรรโลงและรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาด้วย
= โครงการจ่ายตรงทางเว็บไซต์
กรมบัญชีกลางได้จัดทำเว็บเพจของสำนักบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ ภายใต้เว็บไซต์
ของกรมบัญชีกลาง เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับสำนักบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ
และเป็นศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการจ่ายตรงเงินเดือน ค่าจ้างประจำ บำเหน็จ บำนาญ
ข่าวสารความคืบหน้า แผนงาน / งานโครงการ แผนปฏิบัติการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๔๙
รวมทั้งข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ
ส่วนราชการ กบข. และธนาคารต่าง ๆ ด้วย
โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปใช้บริการที่ www.cgd.go.th และกดที่ปุ่ม "บำนาญ / เงินเดือน"
หรือที่ www.cgd.go.th/prad
= บทความ เรื่อง หัวใจแห่งประชาธิปไตย
เรียบเรียงโดย สุวรรณา โฉมฉิน
ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง
โดยให้ทุกคนมีสิทธิทางการเมือง เป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกนักการเมืองว่าผู้ใดสมควรจะเป็นผู้แทนของ
ประชาชนในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทางการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นอย่างสมาชิกสภาเทศบาลหรือ
ระดับชาติอย่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตั้งนั้นเป็นวิธีการที่จะให้คนส่วนใหญ่ได้มีส่วนร่วมหรือมีบทบาทในการ
ปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตยที่ถือว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ซึ่งนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลง
การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
ประชาชนชาวไทยได้เริ่มใช้วิธีการสรรหาตัวแทนมาบริหารประเทศ โดยผ่าน
การเลือกตั้ง โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. ๒๔๗๖-๒๕๓๙ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๗๖ ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ นั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๔
โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ๒ ประเภท คือ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน ๔๐๐ คน และแบบบัญชีรายชื่อ
จำนวน ๑๐๐ คน รวมแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น ๕๐๐ คน มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ ปี นับแต่
วันเลือกตั้ง ซึ่งจะทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ การให้ความเห็นชอบในการตรากฎหมาย และควบคุมการ
บริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยทำหน้าที่ร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งระบอบประชาธิปไตยนั้นได้ให้
ความสำคัญกับคนในประเทศทุกคน โดยทุกคนต่างก็มีสิทธิทางการเมืองเบื้องต้นเท่าเทียมกัน
ซึ่งหากประชาชนส่วนใหญ่วางเฉย ไม่เอาใจใส่ต่อความเป็นไปของบ้านเมืองแล้ว ก็ย่อมจะเป็นการยากที่จะ
สามารถใช้สิทธิทางการเมืองได้อย่างถูกต้อง เพราะจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งตามผู้อื่นหรือเลือกคนรู้จักใกล้ชิดเป็นหลัก
โดยไม่ทราบว่าคนที่เลือกไปนั้นจะสามารถทำประโยชน์อันใดให้กับบ้านเมืองได้บ้าง แต่หากประชาชนให้ความสนใจ
และไปลงคะแนนเสียงกันมาก ๆ แล้ว ก็จะทำให้เกิดผลดีแก่ตนเองและระบอบประชาธิปไตย เพราะจะทำให้
การปกครองมีประสิทธิภาพและมีหลักประกันว่าผู้ที่ได้รับ เลือกตั้งจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
และทำให้ระบอบประชาธิปไตยมีความมั่นคง ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิวัติหรือรัฐประหารอันเป็นการทำลาย
ระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้ยาก รวมทั้ง ยังเป็นการสนับสนุนและแสดงออกถึงความหวงแหนใน
ระบอบประชาธิปไตยอีกด้วย
การเลือกตั้งมีความสำคัญทั้งต่อประชาชนและประเทศชาติ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตย เป็นทั้งวาระแห่งชาติและภาระหน้าที่ทางการเมืองที่เราคนไทย
ทุกคนจะต้องร่วมรับผิดชอบ เพราะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดให้ประชาชนชาวไทยทุกคนที่มี
อายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์ มีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนควรจะไปลงคะแนนเสียง
เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามการไปเลือกตั้งนั้นมิใช่สักแต่จะไปลงคะแนนให้แล้วเสร็จ
หรือได้ชื่อว่าลงคะแนนแล้วเท่านั้น เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ลงคะแนนเสียงจะต้องทำตนให้เป็น
ผู้ที่ทันต่อเหตุการณ์ มีความทันสมัยอยู่เสมอด้วยการติดตามข่าวสารบ้านเมืองและรับฟังความเป็นไป
ตลอดจนเอาใจใส่ในการศึกษาหาความรู้ทางการเมือง เพื่อจะได้มีวิจารณญาณทางการเมือง ซึ่งเป็น
สิ่งสำคัญที่จะทำให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพ และได้รัฐบาลหรือผู้ปกครองที่ดีมาทำหน้าที่เพื่อบำบัดทุกข์
บำรุงสุขของประชาชนอย่างแท้จริง
สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
มียอดผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศทั้งสิ้น จำนวน ๔๔,๘๓๖,๑๑๑ คน ซึ่งเป็นเสียงที่มีค่ามหาศาลในการกำหนดทิศทาง
การเมืองของประเทศ และที่พิเศษในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือ ประชาชนไปลงคะแนนครั้งเดียว แต่จะได้เลือกทั้ง
พรรคและตัวบุคคล เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้กำหนดให้มีการเลือกตั้ง
ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถ
เลือกพรรคการเมืองใดก็ได้และผู้สมัครคนใดก็ได้ และพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด
สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะเลือก
พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เห็นว่าดีที่สุด เพื่อไปทำหน้าที่รัฐบาลบริหารประเทศและทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ
ในสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ ทั้งนี้ จึงขอเชิญประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน
ไปลงคะแนนเสียงในวันอาทิตย์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๕.๐๐ นาฬิกา
-----------------------------------------------------
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องรับรอง ๑ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๑
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง ดร.บีทริส กอราวานท์ชี
ผู้แทนมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ประจำประเทศไทย เพื่อลงนาม
ในสัญญาความร่วมมือในการสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้
การเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ประจำปี ๒๕๔๘ จำนวน ๒๖,๐๐๐ ยูโร
ทั้งนี้ ผู้แทนมูลนิธิคอนราดได้กล่าวอำลาเพื่อไปปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งใหม่ ณ ประเทศฝรั่งเศส
= ศึกษาดูงานใน ๓ จังหวัดภาคตะวันออก
วันจันทร์ที่ ๑๗ - วันศุกร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๘ สำนักพัฒนาบุคลากรได้นำผู้เข้า
อบรมหลักสูตรพัฒนาระดับสูง รุ่นที่ ๑ ไปศึกษาดูงานจังหวัดชลบุรี ระยอง และตราด
ซึ่งแบ่งผู้เข้าอบรมเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มที่ ๑ นำโดยนางอุมาสีว์ สอาดเอี่ยม รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
และกลุ่มที่ ๒ นำโดยนายอุดม มุ่งเกษม อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนานักบริหารระดับสูง
รุ่นที่ ๑
= วางพวงมาลา
วันอังคารที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๘ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา นางสุภารัตน์ วสะภาคย์
ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ พร้อมด้วยข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นำพวงมาลาในนาม "สภาผู้แทนราษฎร" ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ณ พระบรมราชานุสรณ์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
= คณะกรรมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับ
การเลือกตั้งใหม่
จากการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ครบวาระในวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๔๘ และ
จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามครรลองประชาธิปไตยและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญขึ้น ในวันอาทิตย์
ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ดังนั้นสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจึงได้ดำเนินการจัดแสดง
นิทรรศการเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองและการเลือกตั้ง โดยได้แต่งตั้ง
คณะกรรมการจัดแสดงนิทรรศการการเลือกตั้งขึ้น พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมความพร้อม
เพื่อรองรับสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดแนวทางในการ
ดำเนินงานและคัดเลือกงาน / กิจกรรม ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะต้องดำเนินการ
เพื่อให้การรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
โดยคณะกรรมการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ ประกอบด้วย
๑. นางพรพิมล ถิรคุณโกวิท ประธานกรรมการ
๒. นางอุมาสีว์ สอาดเอี่ยม รองประธานกรรมการ
๓. นายวัชรินทร์ จอมพลาพล กรรมการ
๔. นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ กรรมการ
๕. นายสมพล วณิคพันธุ์ กรรมการ
๖. นายบุญเรือง บูรภักดิ์ กรรมการ
๗. ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง กรรมการ
๘. ผู้อำนวยการสำนักการคลังและงบประมาณ กรรมการ
๙. ผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย กรรมการ
๑๐. ผู้อำนวยการสำนักสารสนเทศ กรรมการ
๑๑. ผู้อำนวยการสำนักการประชุม กรรมการ
๑๒. ผู้อำนวยการกลุ่มงานทะเบียนประวัติและสถิติ กรรมการและเลขานุการ
๑๓. นางสาวพรพิมล เป้าคำศรี กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
๑๔. นางสาววันเพ็ญ อินทร์รวย กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการเตรียมความพร้อมฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานในด้านต่าง ๆ ขึ้น ดังนี้
๑. คณะทำงานด้านการจัดทำเอกสาร มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดรูปแบบ
เอกสารสำหรับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรอกในการแสดงตน ตลอดจนคัดเลือกกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยแยกประเภทและหมวดหมู่
เพื่อกำหนดรูปแบบการจัดทำเป็นรูปเล่มหรือซีดีรอม รวมทั้งจัดทำต้นฉบับ คู่มือการให้บริการของสำนักงาน
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับมอบให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันแสดงตนด้วย
๒. คณะทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีอำนาจหน้าที่ในการ
สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อรองรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับเลือกตั้งใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ทั้งด้านเทคนิคและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็น ตลอดจนพิจารณากำหนดแนวทางและกิจกรรมในการนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ
๓. คณะทำงานด้านสถานที่และการต้อนรับ มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการจัดทำ
แผนการใช้สถานที่ แผนการต้อนรับ แผนการประชาสัมพันธ์ และแผนการดำเนินการรัฐพิธีเปิดประชุมสมัยประชุมสามัญทั่วไปครั้งแรกของรัฐสภา
๔. คณะทำงานเตรียมการจัดสัมมนา มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำแผนงาน / โครงการ
ในการดำเนินการจัดสัมมนา เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ ในการปฏิบัติงานด้านนิติบัญญัติ
เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่เข้าใจกระบวนการในการปฏิบัติงานด้านนิติบัญญัติ
= การเสียสิทธิทางการเมือง
ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๘ กำหนดว่าบุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หากไม่แจ้งเหตุอันสมควร
ที่ทำให้ไม่สามารถไปใช้สิทธิย่อมเสียสิทธิตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยสิทธิทางการเมือง
ที่ต้องเสียถ้าไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้นมี ๘ ประการ ดังนี้
๑. ไม่สามารถที่จะไปยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. หรือ ส.ว. รวมทั้งสมาชิกสภาและผู้บริหารท้องถิ่นได้
๒. ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
๓. ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. หรือสมาชิกสภาและผู้บริหารท้องถิ่น
๔. ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
๕. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
๖. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
๗. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
๘. ไม่มีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้
ดังนั้น หากมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ไม่สามารถไปเลือกตั้งได้ ต้องแจ้ง กกต. ก่อนที่จะมีเลือกตั้ง ๗ วัน
โดยขอรับและยื่นหนังสือแจ้งเหตุ หรือ ส.ส.๓๐ ได้ที่นายอำเภอ ปลัดเทศบาล ผอ.เขตของ กทม. ด้วยตัวเอง
หรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
= กำหนดผู้ประสานงานหลักในการนำเข้าข้อมูลระบบอินทราเน็ต
สำนักสารสนเทศ ได้จัดตั้งกลุ่มดูแลด้านข้อมูลขึ้น เพื่อประสานงานกับหน่วยงาน
ในสังกัด และขอให้หน่วยงานในสังกัด กำหนดผู้ประสานงานหลักของสำนักหรือกลุ่มงาน เพื่อทำหน้าที่
ในการประสานงานข้อมูลในระบบและร่วมกันพัฒนาระบบอินทราเน็ตของสำนักงานฯ ต่อไป โดยติดต่อ
แจ้งรายชื่อได้ที่กลุ่มดูแลด้านข้อมูล สำนักสารสนเทศ โทรศัพท์ ๐ ๒๒๔๔ ๒๓๓๐ - ๑
ทั้งนี้ จากการที่สำนักสารสนเทศได้จัดอบรมการนำข้อมูลในระบบอินทราเน็ตของ
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้กับหน่วยงานในสังกัดฯ ซึ่งได้ดำเนินการอบรมเสร็จสิ้นไปแล้วซึ่ง
ขณะนี้ทางสำนักสารสนเทศได้มีแผนการแนะนำการใช้งานและนำข้อมูลเข้าสู่ระบบที่เป็นการ
ต่อเนื่องจากการอบรม เพื่อให้ระบบอินทราเน็ตของสำนักงานฯ เป็นช่องทางหนึ่งที่ใช้เผยแพร่
ประชาสัมพันธ์และรับรู้ข้อมูลข่าวสาร โดยจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเติมเต็มข้อมูล
ในระบบให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วย
= การฝึกปฏิบัติธรรม
การพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพและศักยภาพในองค์กรนั้น จะต้องดำเนินการ
พัฒนาควบคู่กันไปทั้งด้านความรู้และจิตใจ การฝึกอบรมวิปัสสนากัมมัฏฐานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการพัฒนาบุคลากร
เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน
ให้สอดคล้องกับระบบราชการแนวใหม่ ซึ่งเน้นการเป็นระบบราชการที่มีสมรรถภาพสูง มีคุณภาพ คุณธรรม
และจริยธรรม มีประสิทธิผล เป็นที่น่าเชื่อถือศรัทธาของผู้รับบริการ
การที่องค์กรจะบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ บุคลากรในองค์กรต้องเป็นผู้ที่มีทัศนคติและค่านิยม
ในการทำงานที่สอดคล้องกับระบบราชการแนวใหม่ ที่กล้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซื่อสัตย์ มีความ
รับผิดชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เลือกปฏิบัติ และมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นสำคัญ การฝึกอบรม
วิปัสสนากัมมัฏฐานจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการทำงานแก่บุคลากรขององค์กร และสามารถสร้างบุคลากร
ขององค์กรให้เป็นผู้มีคุณภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม มีประสิทธิผลเป็นที่เชื่อถือของผู้รับบริการได้
สำนักพัฒนาบุคลากรจึงได้จัดโครงการ "ธรรมสัญจรสำหรับบุคลากรของรัฐสภา"
แก่ข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ณ วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี
จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันศุกร์ที่ ๑๘ - วันอาทิตย์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ เพื่อให้ข้าราชการและ
ลูกจ้างของสำนักงานฯ ได้มีโอกาสเข้ารับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน อันจะทำให้เกิดความรู้
ความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาจิตใจตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
สามารถนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติ
หน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเป็นการช่วยจรรโลงและรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาด้วย
= โครงการจ่ายตรงทางเว็บไซต์
กรมบัญชีกลางได้จัดทำเว็บเพจของสำนักบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ ภายใต้เว็บไซต์
ของกรมบัญชีกลาง เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับสำนักบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ
และเป็นศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการจ่ายตรงเงินเดือน ค่าจ้างประจำ บำเหน็จ บำนาญ
ข่าวสารความคืบหน้า แผนงาน / งานโครงการ แผนปฏิบัติการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๔๙
รวมทั้งข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ
ส่วนราชการ กบข. และธนาคารต่าง ๆ ด้วย
โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปใช้บริการที่ www.cgd.go.th และกดที่ปุ่ม "บำนาญ / เงินเดือน"
หรือที่ www.cgd.go.th/prad
= บทความ เรื่อง หัวใจแห่งประชาธิปไตย
เรียบเรียงโดย สุวรรณา โฉมฉิน
ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง
โดยให้ทุกคนมีสิทธิทางการเมือง เป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกนักการเมืองว่าผู้ใดสมควรจะเป็นผู้แทนของ
ประชาชนในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทางการเมือง ทั้งในระดับท้องถิ่นอย่างสมาชิกสภาเทศบาลหรือ
ระดับชาติอย่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
การเลือกตั้งนั้นเป็นวิธีการที่จะให้คนส่วนใหญ่ได้มีส่วนร่วมหรือมีบทบาทในการ
ปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตยที่ถือว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ซึ่งนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลง
การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕
ประชาชนชาวไทยได้เริ่มใช้วิธีการสรรหาตัวแทนมาบริหารประเทศ โดยผ่าน
การเลือกตั้ง โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. ๒๔๗๖-๒๕๓๙ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๗๖ ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ นั้น เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๔๔
โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ๒ ประเภท คือ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน ๔๐๐ คน และแบบบัญชีรายชื่อ
จำนวน ๑๐๐ คน รวมแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น ๕๐๐ คน มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ ปี นับแต่
วันเลือกตั้ง ซึ่งจะทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ การให้ความเห็นชอบในการตรากฎหมาย และควบคุมการ
บริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยทำหน้าที่ร่วมกับสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งระบอบประชาธิปไตยนั้นได้ให้
ความสำคัญกับคนในประเทศทุกคน โดยทุกคนต่างก็มีสิทธิทางการเมืองเบื้องต้นเท่าเทียมกัน
ซึ่งหากประชาชนส่วนใหญ่วางเฉย ไม่เอาใจใส่ต่อความเป็นไปของบ้านเมืองแล้ว ก็ย่อมจะเป็นการยากที่จะ
สามารถใช้สิทธิทางการเมืองได้อย่างถูกต้อง เพราะจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งตามผู้อื่นหรือเลือกคนรู้จักใกล้ชิดเป็นหลัก
โดยไม่ทราบว่าคนที่เลือกไปนั้นจะสามารถทำประโยชน์อันใดให้กับบ้านเมืองได้บ้าง แต่หากประชาชนให้ความสนใจ
และไปลงคะแนนเสียงกันมาก ๆ แล้ว ก็จะทำให้เกิดผลดีแก่ตนเองและระบอบประชาธิปไตย เพราะจะทำให้
การปกครองมีประสิทธิภาพและมีหลักประกันว่าผู้ที่ได้รับ เลือกตั้งจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
และทำให้ระบอบประชาธิปไตยมีความมั่นคง ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิวัติหรือรัฐประหารอันเป็นการทำลาย
ระบอบประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้ยาก รวมทั้ง ยังเป็นการสนับสนุนและแสดงออกถึงความหวงแหนใน
ระบอบประชาธิปไตยอีกด้วย
การเลือกตั้งมีความสำคัญทั้งต่อประชาชนและประเทศชาติ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตย เป็นทั้งวาระแห่งชาติและภาระหน้าที่ทางการเมืองที่เราคนไทย
ทุกคนจะต้องร่วมรับผิดชอบ เพราะเป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดให้ประชาชนชาวไทยทุกคนที่มี
อายุครบ ๑๘ ปีบริบูรณ์ มีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนควรจะไปลงคะแนนเสียง
เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามการไปเลือกตั้งนั้นมิใช่สักแต่จะไปลงคะแนนให้แล้วเสร็จ
หรือได้ชื่อว่าลงคะแนนแล้วเท่านั้น เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ลงคะแนนเสียงจะต้องทำตนให้เป็น
ผู้ที่ทันต่อเหตุการณ์ มีความทันสมัยอยู่เสมอด้วยการติดตามข่าวสารบ้านเมืองและรับฟังความเป็นไป
ตลอดจนเอาใจใส่ในการศึกษาหาความรู้ทางการเมือง เพื่อจะได้มีวิจารณญาณทางการเมือง ซึ่งเป็น
สิ่งสำคัญที่จะทำให้การเลือกตั้งมีประสิทธิภาพ และได้รัฐบาลหรือผู้ปกครองที่ดีมาทำหน้าที่เพื่อบำบัดทุกข์
บำรุงสุขของประชาชนอย่างแท้จริง
สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
มียอดผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศทั้งสิ้น จำนวน ๔๔,๘๓๖,๑๑๑ คน ซึ่งเป็นเสียงที่มีค่ามหาศาลในการกำหนดทิศทาง
การเมืองของประเทศ และที่พิเศษในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือ ประชาชนไปลงคะแนนครั้งเดียว แต่จะได้เลือกทั้ง
พรรคและตัวบุคคล เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้กำหนดให้มีการเลือกตั้ง
ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถ
เลือกพรรคการเมืองใดก็ได้และผู้สมัครคนใดก็ได้ และพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด
สามารถเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะเลือก
พรรคการเมืองและนักการเมืองที่เห็นว่าดีที่สุด เพื่อไปทำหน้าที่รัฐบาลบริหารประเทศและทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ
ในสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ ทั้งนี้ จึงขอเชิญประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน
ไปลงคะแนนเสียงในวันอาทิตย์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-๑๕.๐๐ นาฬิกา
-----------------------------------------------------