นายกฯย้ำ 3 เดือนไม่เห็นผลต้องบังคับ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 21, 2005 16:02 —สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

          นายกฯ ย้ำ 3 เดือนมาตรการประหยัดไม่ได้ผลก็ต้องใช้มาตรการบังคับ ระบุถึงเวลาที่คนไทยต้องประหยัดอย่างจริงจัง
ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่รัฐบาลปล่อยลอยตัว ไม่ใช่เป็นการขึ้นแบบไร้ทิศทาง แต่เป็นไปตามทิศทางของราคาตลาดโลก
ส่วนผลกระทบของราคาน้ำมันเริ่มส่งผลต่อราคาสินค้าและประมงได้หยุดการออกหาปลาแล้วนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งใดที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงก็ต้องยอมรับ บางอย่างเริ่มไม่คุ้มทุน ถ้าใช้น้ำมันมากๆ ก็ไม่คุ้มทุน ต้องปรับราคาอาหารทะเล แต่ถ้าขยับไม่ได้ต้นทุนแพงก็เลยต้องหยุดเดินเรือ ทั้งนี้ รัฐจะให้การสนับสนุนบ้างบางส่วน ส่วนที่ประชาชนรู้สึกว่าถูกผลักภาระมาให้รับผิดชอบนั้น คงไม่ใช่ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาด แต่สิ่งใดที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่เป็นการขึ้นเกินกว่าราคาต้นทุน กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปควบคุม
วันนี้คนไทยต้องประหยัด ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ประหยัดเพื่อตนเอง ครอบครัว และชาติ สำหรับมาตรการบังคับนั้น ขณะนี้เราอยู่ ระหว่างการทดลอง 3 เดือน ในการรณรงค์การ ประหยัดการใช้พลังงานอยู่ ถ้า 3 เดือนมาตรการประหยัดพลังงานไม่ได้ผลก็ต้องใช้มาตรการบังคับ แต่เวลานี้ราคาน้ำมันมันพูดยาก แนวโน้มครึ่งหลังของปีที่จะเข้าฤดูหนาว ราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีก เราก็ต้องประหยัดให้มาก นายกรัฐมนตรี กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า การขึ้นราคาน้ำมันจะกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่ นั้นขึ้นอยู่กับการวางตัว เช่นเมื่อต้นทุนสูง ก็ต้องหาทางลดรายจ่ายและหาทางเพิ่มรายได้ไปพร้อมๆ กัน ต้องไม่นอนรอโชคชะตา พยายามทำงาน โดยหาทางดันราคาสินค้าเกษตรและสินค้าที่ส่งออกขึ้นไปและหาทางเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
ที่เลวร้ายในวันนี้คือ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่มีความน่าเชื่อถือสูงได้ใช้กระดาษออกมาซื้อขายกันอุตลุด เรียกว่าการเก็งกำไรที่รุนแรงเหลือเกิน ซึ่งไม่ใช่เป็นระบบอุปสงค์อุปทานอย่างเดียว ถ้าเป็นเรื่องอุปสงค์อุปทานอย่างเดียวเรายอมรับได้ แต่ขณะนี้เป็นเรื่องของอุปสงค์อุปทานบวกกับการเก็งกำไร ราคาจึงขึ้นไปเกินกว่าความเป็นจริง แต่เราทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากเราเป็นประเทศเล็กกำลัง พัฒนาต้องซื้อน้ำมันเข้ามา ซึ่งในเวทีโลกเราก็พูดตลอด และในที่ประชุมเอเปกก็พูดเรื่องการใช้กระดาษซื้อขาย ซึ่งในช่วงนี้ขึ้นมาถึง 3 เท่า นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายสมเกียรติ อนุราษฎร์ กรรมการรอง เลขาธิการ หอการค้าไทย กล่าวในระหว่างการ ประชุมเชิงปฏิบัติการผู้บริหารหอการค้าทั่วประเทศ ประจำปี 2548 ว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจประมงได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ ประมงชายฝั่งขนาดเล็ก ซึ่งในขณะนี้ต้องเผชิญกับปัญหา 2 ด้าน คือ ปัญหาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาสัตว์น้ำไม่เพิ่มสูงตามราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนในการทำประมงเพิ่มขึ้นมา ประมาณ 80-100% ทีเดียว
นอกจากนั้น ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยังทำให้เรือ ประมงขนาดเล็กเกือบ 1,000 ลำ หรือคิดเป็น 30-40% ของทั้งหมดต้องหยุดวิ่งเรือ ซึ่งถ้าราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สัก 2-3 เดือน คงต้องเลิกทำประมง ซึ่งประมงขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ใน จ.สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ชุมพร นครศรีธรรมราช
วิธีการแก้ไขปัญหาก็คือ อยากจะให้ทาง รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงราคาของสัตว์น้ำ เนื่องจากการทำประมงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าวันไหน จะได้มากได้น้อย หรือวันไหนจะได้สัตว์น้ำที่ขาย ได้ราคาดี ซึ่งเรื่องนี้ก็เตรียมที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการประมง หอการค้าไทย เพื่อช่วยกันระดมความคิดในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งหามาตรการ แก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมาตรการ ระยะยาวอาจจะมีการสนับสนุนให้ผู้ทำประมง หันมาทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำตามความต้องการของตลาดแทน เช่น การทำกระชังเพาะเลี้ยงปลากระพง การเพาะเลี้ยงปลาเก๋า นายสมเกียรติ กล่าว
ที่มา: หอการค้าไทย /www.thaiechamber.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ