ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. นรม. สั่งเร่งใช้งบลงทุน 3 แสนล้านบาท พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นรม. เปิดเผยหลังการ
ประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนัดพิเศษ เพื่อตรวจสอบเร่งรัดการเบิกจ่าย งปม. ปี 48 และการก่อหนี้ผูกพันค้าง
จ่าย รวมทั้งวางแนวทางการใช้ งปม. ปี 49 ว่า จากการประชุมพบว่ามีงบลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่
สามารถเบิกจ่ายได้ภายในปี 48 จำนวน 3 แสนล้านบาท โดยได้มอบให้ ก.คลัง กรมบัญชีกลาง และ สำนักงบ
ประมาณ ไปทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงต่าง ๆ เพื่อเสนอรายละเอียดของโครงการที่จะเบิกจ่าย
งปม. มาเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 5 ก.ค. เพื่อยืนยันว่าจะมีการใช้เงิน งปม. ภายในปีนี้อย่างแน่นอน
โดยให้ผิดพลาดได้ไม่เกินร้อยละ 10 หากผิดพลาดมากผู้ทำเรื่องเสนอจะต้องรับผิดชอบ เพราะทำให้ประเทศสูญเสีย
โอกาสในการพัฒนาประเทศ โดยทุกหน่วยงานต้องดูให้ละเอียดและให้สอดคล้องกันระหว่างเงิน งปม. กับกระแส
เงินสด เพราะหากมีการใช้เงิน งปม. ตามที่จัดสรรไว้ก็จะทำให้คาดการณ์เศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่มีแต่ตัว
เลข แต่เม็ดเงินไม่ได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็ไม่ส่งผลให้มีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจแต่อย่างใด พร้อมกันนี้
ได้ขอความร่วมมือส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจช่วยกันทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 48 เกิดการสมดุล โดยขอให้เลื่อน
การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศออกไปจนถึงต้นปี 49 โดยให้นำเข้าเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น (ไทย
รัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธุรกิจธนาคารทางอินเตอร์เน็ตปี 47 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 46 ร้อยละ 530 รายงานข่าวจาก
ธปท. แจ้งว่า จากรายงานระบบการชำระเงินประจำปี 47 พบว่า ธุรกิจธนาคารทางอินเตอร์เน็ตมีการขยายตัว
ค่อนข้างมาก โดยมีประชาชนใช้บริการธนาคารอินเตอร์เน็ต 2,514,395 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 530
มูลค่าการใช้บริการ 1,312,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 106 โดยปัจจัยที่ทำให้บริการได้รับความนิยม
อย่างรวดเร็วเพราะธนาคารมีการส่งเสริมให้มีการใช้บริการได้ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรูปแบบการใช้
บริการส่วนใหญ่เป็นการโอนเงินธนาคารเดียวกัน โดยมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 64 จากมูลค่าการใช้บริการ
ธนาคารทางอินเตอร์เน็ตทั้งหมด รองลงมาคือ การชำระค่าสินค้าและบริการ ร้อยละ 33 และการจ่ายเงินเดือนค่า
จ้าง ร้อยละ 2.7 แต่หากพิจารณาในแง่ปริมาณ การโอนเงินธนาคารเดียวกันมีสัดส่วน ร้อยละ 33 การชำระค่า
สินค้าและบริการ ร้อยละ 31 และการจ่ายเงินเดือนค่าจ้าง ร้อยละ 23 (มติชน)
3. ก.พาณิชย์ยังคาดว่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 20 นายทนง พิทยะ รมว.พาณิชย์ ยืน
ว่า ก.พาณิชย์ยังสามารถผลักดันการส่งออกในปีนี้ให้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เนื่องจากกรมส่งเสริมการส่ง
ออกได้ระบุถึงแผนการเจาะตลาดและหาตลาดใหม่จำนวนมาก เชื่อว่าจะสามารถขยายตลาดได้ตามแผน และจะผลัก
ดันการส่งออกให้ตรงตามเป้าหมาย ส่วนตัวเลขการส่งออกครึ่งปีแรกน่าจะเติบโตได้เกินร้อยละ 10 แต่สิ่งที่กำลัง
เร่งดำเนินการคือ จะทำอย่างไรให้ครึ่งปีหลังส่งออกได้ตามเป้าหมาย ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ต่อเนื่อง ก.พาณิชย์จะต้องหารือกับกลุ่มซัพพลายเออร์และผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่เพื่อขอร้องให้ช่วยตรึงราคาสินค้า
คงไม่ปล่อยให้เก็งกำไรหรือขึ้นราคาสินค้าเกินควรเพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชน สำหรับปัญหาการ
ขอคืนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) จากสหภาพยุโรป จะต้องรอผลในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ที่จะมีการประชุม
คณะมนตรีของกลุ่มอียูว่าจะเป็นอย่างไร โดยรัฐบาลได้ส่งสารถึงกลุ่มอียูเพื่อให้พิจารณาคืนจีเอสพีให้ไทยโดยเร็ว
เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก (โลกวันนี้, บ้านเมือง)
4. คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ของกลุ่ม ธ.พาณิชย์จะปรับตัวดีขึ้น นายสุกิจ ชูกิจ
เกษม เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่า บล.พัฒนสินยังไม่ปรับเป้าหมายการขยายตัวของ
สินเชื่อที่ร้อยละ 5 ในปี 48 ของกลุ่ม ธ.พาณิชย์ โดยในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมาสินเชื่อขยายตัวไปแล้วร้อยละ
1.75 และคาดว่าจะสูงกว่าร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน มิ.ย.48 และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังสินเชื่อจะขยาย
ตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกจากโครงการเมกะโปรเจกท์ของภาครัฐ ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 48 ของ
กลุ่ม ธ.พาณิชย์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาและจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตร
มาส 2 ของปีก่อน จากส่วนต่างดอกเบี้ยรับที่ปรับตัวดีขึ้น โดยธนาคารที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในไตรมาส 2
โดดเด่น คือ ธ.กรุงไทย ธ.ไทยธนาคาร ธ.กรุงเทพ ขณะที่ ธ.กสิกรไทย ผลประกอบการจะเติบโตเล็กน้อยเนื่อง
จากต้องจ่ายภาษี ส่วน ธ.ไทยพาณิชย์คาดว่าจะมีกำไรสุทธิลดลงเนื่องจากในปีที่ผ่านมามีกำไรจากเงินลงทุนค่อน
ข้างสูง สำหรับตัวเลขสินเชื่อ ณ สิ้นเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้น 40,294 ล้านบาท เป็น 4.49 ล้านล้านบาท หรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.91 เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. และเมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1 ปี 48 สินเชื่อปรับเพิ่มขึ้น
56,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.28 โดยธนาคารที่มีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อสูงสุดในเดือน พ.ค. เมื่อ
เทียบกับสิ้นไตรมาส 1/48 คือ ธ.กรุงเทพ ขยายตัวร้อยละ 2.77 ธ.กสิกรไทย ร้อยละ 2.50 และ ธ.ไทย
ธนาคาร ร้อยละ 2.19 ขณะที่ ธ.กรุงไทยสินเชื่อลดลงร้อยละ 0.63 ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอการขยายตัว
แต่สินเชื่อยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการอนุมัติสินเชื่อไปก่อนหน้านี้และเริ่มมีการเบิกวงเงินไปใช้
ประกอบกับบางอุตสาหกรรมยังคงมีการเติบโตอยู่โดยเฉพาะธุรกิจ SME (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษและเวลล์ในเดือน พ.ค.48 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ที่ร้อยละ 0.2
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 27 มิ.ย.48 บริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ Hometrack เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษ
และเวลล์ ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดระดับราคาบ้านโดยเฉลี่ย พบว่า ลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือน พ.ค.48 จากเดือนก่อน
หน้า หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน มี.ค.และ เม.ย. ทั้งนี้ ราคาบ้านในอังกฤษและเวลล์ลดลงติดต่อกัน
เป็นเดือนที่ 12 โดยลดลงตั้งแต่เดือน มิ.ย.47 รวมแล้วลดลงถึงร้อยละ 3.16 ขณะเดียวกันยอดขายบ้านในเดือน
มิ.ย.48 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.5 แม้ว่าจะชะลอลงจากเดือน พ.ค.ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
7.6 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Hometrack กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ข่าวดีสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์
ขณะนี้ ก็คือ ยอดขายบ้านที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งการคาดคะเนว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอีกก่อนสิ้นปีนี้ ในขณะที่
ตลาดอสังหาริมทรัพย์แม้ว่าจะเฉื่อยชาลง แต่ก็ไม่มีสัญญาณของการพังทลายอย่างแน่นอน นอกจากนี้ Hometrack ยัง
ได้ปรับลดประมาณการ houseprice inflation ลงเหลือร้อยละ 0 จากร้อยละ 3.0 ในการรายงานเมื่อ
เดือน พ.ค.48 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น
อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 0 อย่างมีเสถียรภาพ รายงานจากบาเซิล เมื่อ 26 มิ.ย.48 ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่นให้
สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในระหว่างการประชุมประจำปีของ ธ.เพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศหรือ BIS โดยมีผู้บริหาร
ของ ธ.กลางจาก 110 ประเทศทั่วโลกมาประชุมกันเพื่อทบทวนแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกว่าเขาเชื่อมั่นว่า
เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ดี ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือน
มี.ค.44 ต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 0 อย่างมีเสถียรภาพ โดย ธ.
กลางญี่ปุ่นใช้การลดปริมาณเงินสำรองเงินฝากที่ ธ.พาณิชย์ต้องดำรงไว้ที่ ธ.กลางญี่ปุ่นแทนการใช้อัตราดอกเบี้ยใน
การเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เกี่ยวกับค่าเงินเยน ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่น มีความเห็นว่าค่าเงินเยนใน
ปัจจุบันไม่ได้ผันผวนมากเช่นในอดีต แต่อย่างไรก็ดี ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังคงเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินเย
นต่อไป (รอยเตอร์)
3. ผวก.ธ.กลางคาดว่าราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกเพิ่มความเสี่ยงต่อการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจโลก รายงานจากสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 27 มิ.ย 48 ในการประชุมประจำปีผวก. ธ.กลาง มีความ
เห็นว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้สถิติที่บาร์เรลละ 60 ดอลลาร์สรอ. ต่อไปอีกเป็นเวลาหลายปี ซึ่ง
ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่วนหนึ่งเนื่องจากราคา
น้ำมันดิบซึ่งในปีนี้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 และการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานซึ่งสร้างความ
วิตกแก่ผวก.ธ.กลางต่างๆทำให้ในการประชุมประจำปีที่ BIS ในปีนี้มีประเด็นพิเศษในเรื่องวิธีที่จะขจัดความเสี่ยง
ในเรื่องราคาน้ำมันดังกล่าว โดยผวก.ธ.กลางอิหร่านเห็นว่าในระยะสั้นๆราคาน้ำมันยังคงอยู่ที่ประมาณบาร์เรลละ
60 ดอลลาร์ สรอ. แต่อย่างไรตามหากสามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมทางการเมืองได้ คาดว่าระดับราคาน้ำมัน
ดิบจะสามารถกลับมาอยู่ที่บาร์เรลละ 40 ดอลลาร์ สรอ.ได้ นอกจากนั้นผวก.ธ.กลางต่างๆอยากจะเห็นบรรดาผู้
ผลิตน้ำมันรายใหญ่และผู้บริโภคพบปะกันเพื่ออภิปรายถึงวิธีที่จะขจัดอุปสรรคทางการเมืองเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตใน
อิหร่านและอิรักรวมทั้งควบคุมความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากในภูมิภาคที่กำลังเติบโตอย่างเข้มแข็ง อาทิในจีน
และสรอ. (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์จะชะลอตัวลงในเดือน พ.ค.48 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ
24 มิ.ย.48 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า ผลผลิตโรงงาน(หลังปรับ
ฤดูกาล)ของสิงคโปร์จะลดลงร้อยละ 2.4 ในเดือน พ.ค.48 หลังจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.4 ในเดือนก่อนหน้า
สาเหตุหลักจากการที่ผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลงเนื่องจากการส่งออกสินค้าดังกล่าวชะลอตัว อย่างไรก็ตาม
สินค้าเภสัชภัณฑ์มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ผลผลิตโรง
งานในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดเดือน พ.ค.48 ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.
พ. ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 10.7 เทียบต่อปี ทั้งนี้ การส่งออกซึ่งไม่รวมผลิตภัณฑ์น้ำมันของสิงคโปร์ ลดลงเหนือความ
คาดหมายถึงร้อยละ 5.3 ในเดือน พ.ค.48 ส่งผลให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นว่าภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์อาจจะ
ชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ไปถึงไตรมาสที่ 2 ของปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 27 มิ.ย. 48 24 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.117 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40. 9308/41.2030 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.5400-2.5625 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 690.25/13.14 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,450/8,550 8,450/8,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.75 53.59 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 24.54*/20.59**
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 27 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 27 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. นรม. สั่งเร่งใช้งบลงทุน 3 แสนล้านบาท พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นรม. เปิดเผยหลังการ
ประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนัดพิเศษ เพื่อตรวจสอบเร่งรัดการเบิกจ่าย งปม. ปี 48 และการก่อหนี้ผูกพันค้าง
จ่าย รวมทั้งวางแนวทางการใช้ งปม. ปี 49 ว่า จากการประชุมพบว่ามีงบลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่
สามารถเบิกจ่ายได้ภายในปี 48 จำนวน 3 แสนล้านบาท โดยได้มอบให้ ก.คลัง กรมบัญชีกลาง และ สำนักงบ
ประมาณ ไปทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงต่าง ๆ เพื่อเสนอรายละเอียดของโครงการที่จะเบิกจ่าย
งปม. มาเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 5 ก.ค. เพื่อยืนยันว่าจะมีการใช้เงิน งปม. ภายในปีนี้อย่างแน่นอน
โดยให้ผิดพลาดได้ไม่เกินร้อยละ 10 หากผิดพลาดมากผู้ทำเรื่องเสนอจะต้องรับผิดชอบ เพราะทำให้ประเทศสูญเสีย
โอกาสในการพัฒนาประเทศ โดยทุกหน่วยงานต้องดูให้ละเอียดและให้สอดคล้องกันระหว่างเงิน งปม. กับกระแส
เงินสด เพราะหากมีการใช้เงิน งปม. ตามที่จัดสรรไว้ก็จะทำให้คาดการณ์เศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่มีแต่ตัว
เลข แต่เม็ดเงินไม่ได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็ไม่ส่งผลให้มีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจแต่อย่างใด พร้อมกันนี้
ได้ขอความร่วมมือส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจช่วยกันทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 48 เกิดการสมดุล โดยขอให้เลื่อน
การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศออกไปจนถึงต้นปี 49 โดยให้นำเข้าเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น (ไทย
รัฐ, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธุรกิจธนาคารทางอินเตอร์เน็ตปี 47 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 46 ร้อยละ 530 รายงานข่าวจาก
ธปท. แจ้งว่า จากรายงานระบบการชำระเงินประจำปี 47 พบว่า ธุรกิจธนาคารทางอินเตอร์เน็ตมีการขยายตัว
ค่อนข้างมาก โดยมีประชาชนใช้บริการธนาคารอินเตอร์เน็ต 2,514,395 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 530
มูลค่าการใช้บริการ 1,312,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 106 โดยปัจจัยที่ทำให้บริการได้รับความนิยม
อย่างรวดเร็วเพราะธนาคารมีการส่งเสริมให้มีการใช้บริการได้ง่ายและสะดวกขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรูปแบบการใช้
บริการส่วนใหญ่เป็นการโอนเงินธนาคารเดียวกัน โดยมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 64 จากมูลค่าการใช้บริการ
ธนาคารทางอินเตอร์เน็ตทั้งหมด รองลงมาคือ การชำระค่าสินค้าและบริการ ร้อยละ 33 และการจ่ายเงินเดือนค่า
จ้าง ร้อยละ 2.7 แต่หากพิจารณาในแง่ปริมาณ การโอนเงินธนาคารเดียวกันมีสัดส่วน ร้อยละ 33 การชำระค่า
สินค้าและบริการ ร้อยละ 31 และการจ่ายเงินเดือนค่าจ้าง ร้อยละ 23 (มติชน)
3. ก.พาณิชย์ยังคาดว่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 20 นายทนง พิทยะ รมว.พาณิชย์ ยืน
ว่า ก.พาณิชย์ยังสามารถผลักดันการส่งออกในปีนี้ให้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 เนื่องจากกรมส่งเสริมการส่ง
ออกได้ระบุถึงแผนการเจาะตลาดและหาตลาดใหม่จำนวนมาก เชื่อว่าจะสามารถขยายตลาดได้ตามแผน และจะผลัก
ดันการส่งออกให้ตรงตามเป้าหมาย ส่วนตัวเลขการส่งออกครึ่งปีแรกน่าจะเติบโตได้เกินร้อยละ 10 แต่สิ่งที่กำลัง
เร่งดำเนินการคือ จะทำอย่างไรให้ครึ่งปีหลังส่งออกได้ตามเป้าหมาย ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
ต่อเนื่อง ก.พาณิชย์จะต้องหารือกับกลุ่มซัพพลายเออร์และผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่เพื่อขอร้องให้ช่วยตรึงราคาสินค้า
คงไม่ปล่อยให้เก็งกำไรหรือขึ้นราคาสินค้าเกินควรเพราะจะกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชน สำหรับปัญหาการ
ขอคืนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) จากสหภาพยุโรป จะต้องรอผลในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ที่จะมีการประชุม
คณะมนตรีของกลุ่มอียูว่าจะเป็นอย่างไร โดยรัฐบาลได้ส่งสารถึงกลุ่มอียูเพื่อให้พิจารณาคืนจีเอสพีให้ไทยโดยเร็ว
เพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก (โลกวันนี้, บ้านเมือง)
4. คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ของกลุ่ม ธ.พาณิชย์จะปรับตัวดีขึ้น นายสุกิจ ชูกิจ
เกษม เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน เปิดเผยว่า บล.พัฒนสินยังไม่ปรับเป้าหมายการขยายตัวของ
สินเชื่อที่ร้อยละ 5 ในปี 48 ของกลุ่ม ธ.พาณิชย์ โดยในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมาสินเชื่อขยายตัวไปแล้วร้อยละ
1.75 และคาดว่าจะสูงกว่าร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน มิ.ย.48 และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังสินเชื่อจะขยาย
ตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกจากโครงการเมกะโปรเจกท์ของภาครัฐ ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 48 ของ
กลุ่ม ธ.พาณิชย์คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาและจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตร
มาส 2 ของปีก่อน จากส่วนต่างดอกเบี้ยรับที่ปรับตัวดีขึ้น โดยธนาคารที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในไตรมาส 2
โดดเด่น คือ ธ.กรุงไทย ธ.ไทยธนาคาร ธ.กรุงเทพ ขณะที่ ธ.กสิกรไทย ผลประกอบการจะเติบโตเล็กน้อยเนื่อง
จากต้องจ่ายภาษี ส่วน ธ.ไทยพาณิชย์คาดว่าจะมีกำไรสุทธิลดลงเนื่องจากในปีที่ผ่านมามีกำไรจากเงินลงทุนค่อน
ข้างสูง สำหรับตัวเลขสินเชื่อ ณ สิ้นเดือน พ.ค.48 เพิ่มขึ้น 40,294 ล้านบาท เป็น 4.49 ล้านล้านบาท หรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.91 เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. และเมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1 ปี 48 สินเชื่อปรับเพิ่มขึ้น
56,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.28 โดยธนาคารที่มีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อสูงสุดในเดือน พ.ค. เมื่อ
เทียบกับสิ้นไตรมาส 1/48 คือ ธ.กรุงเทพ ขยายตัวร้อยละ 2.77 ธ.กสิกรไทย ร้อยละ 2.50 และ ธ.ไทย
ธนาคาร ร้อยละ 2.19 ขณะที่ ธ.กรุงไทยสินเชื่อลดลงร้อยละ 0.63 ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอการขยายตัว
แต่สินเชื่อยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการอนุมัติสินเชื่อไปก่อนหน้านี้และเริ่มมีการเบิกวงเงินไปใช้
ประกอบกับบางอุตสาหกรรมยังคงมีการเติบโตอยู่โดยเฉพาะธุรกิจ SME (แนวหน้า)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษและเวลล์ในเดือน พ.ค.48 ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 ที่ร้อยละ 0.2
รายงานจากลอนดอน เมื่อ 27 มิ.ย.48 บริษัทวิจัยอสังหาริมทรัพย์ Hometrack เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษ
และเวลล์ ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดระดับราคาบ้านโดยเฉลี่ย พบว่า ลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือน พ.ค.48 จากเดือนก่อน
หน้า หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือน มี.ค.และ เม.ย. ทั้งนี้ ราคาบ้านในอังกฤษและเวลล์ลดลงติดต่อกัน
เป็นเดือนที่ 12 โดยลดลงตั้งแต่เดือน มิ.ย.47 รวมแล้วลดลงถึงร้อยละ 3.16 ขณะเดียวกันยอดขายบ้านในเดือน
มิ.ย.48 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.5 แม้ว่าจะชะลอลงจากเดือน พ.ค.ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
7.6 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Hometrack กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ข่าวดีสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์
ขณะนี้ ก็คือ ยอดขายบ้านที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งการคาดคะเนว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอีกก่อนสิ้นปีนี้ ในขณะที่
ตลาดอสังหาริมทรัพย์แม้ว่าจะเฉื่อยชาลง แต่ก็ไม่มีสัญญาณของการพังทลายอย่างแน่นอน นอกจากนี้ Hometrack ยัง
ได้ปรับลดประมาณการ houseprice inflation ลงเหลือร้อยละ 0 จากร้อยละ 3.0 ในการรายงานเมื่อ
เดือน พ.ค.48 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น
อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 0 อย่างมีเสถียรภาพ รายงานจากบาเซิล เมื่อ 26 มิ.ย.48 ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่นให้
สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในระหว่างการประชุมประจำปีของ ธ.เพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศหรือ BIS โดยมีผู้บริหาร
ของ ธ.กลางจาก 110 ประเทศทั่วโลกมาประชุมกันเพื่อทบทวนแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกว่าเขาเชื่อมั่นว่า
เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ดี ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือน
มี.ค.44 ต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 0 อย่างมีเสถียรภาพ โดย ธ.
กลางญี่ปุ่นใช้การลดปริมาณเงินสำรองเงินฝากที่ ธ.พาณิชย์ต้องดำรงไว้ที่ ธ.กลางญี่ปุ่นแทนการใช้อัตราดอกเบี้ยใน
การเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เกี่ยวกับค่าเงินเยน ผู้ว่าการ ธ.กลางญี่ปุ่น มีความเห็นว่าค่าเงินเยนใน
ปัจจุบันไม่ได้ผันผวนมากเช่นในอดีต แต่อย่างไรก็ดี ธ.กลางญี่ปุ่นจะยังคงเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของค่าเงินเย
นต่อไป (รอยเตอร์)
3. ผวก.ธ.กลางคาดว่าราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกเพิ่มความเสี่ยงต่อการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจโลก รายงานจากสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 27 มิ.ย 48 ในการประชุมประจำปีผวก. ธ.กลาง มีความ
เห็นว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงอยู่ในระดับสูงใกล้สถิติที่บาร์เรลละ 60 ดอลลาร์สรอ. ต่อไปอีกเป็นเวลาหลายปี ซึ่ง
ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่วนหนึ่งเนื่องจากราคา
น้ำมันดิบซึ่งในปีนี้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 และการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงานซึ่งสร้างความ
วิตกแก่ผวก.ธ.กลางต่างๆทำให้ในการประชุมประจำปีที่ BIS ในปีนี้มีประเด็นพิเศษในเรื่องวิธีที่จะขจัดความเสี่ยง
ในเรื่องราคาน้ำมันดังกล่าว โดยผวก.ธ.กลางอิหร่านเห็นว่าในระยะสั้นๆราคาน้ำมันยังคงอยู่ที่ประมาณบาร์เรลละ
60 ดอลลาร์ สรอ. แต่อย่างไรตามหากสามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมทางการเมืองได้ คาดว่าระดับราคาน้ำมัน
ดิบจะสามารถกลับมาอยู่ที่บาร์เรลละ 40 ดอลลาร์ สรอ.ได้ นอกจากนั้นผวก.ธ.กลางต่างๆอยากจะเห็นบรรดาผู้
ผลิตน้ำมันรายใหญ่และผู้บริโภคพบปะกันเพื่ออภิปรายถึงวิธีที่จะขจัดอุปสรรคทางการเมืองเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตใน
อิหร่านและอิรักรวมทั้งควบคุมความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากในภูมิภาคที่กำลังเติบโตอย่างเข้มแข็ง อาทิในจีน
และสรอ. (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์จะชะลอตัวลงในเดือน พ.ค.48 รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ
24 มิ.ย.48 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่า ผลผลิตโรงงาน(หลังปรับ
ฤดูกาล)ของสิงคโปร์จะลดลงร้อยละ 2.4 ในเดือน พ.ค.48 หลังจากที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.4 ในเดือนก่อนหน้า
สาเหตุหลักจากการที่ผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลงเนื่องจากการส่งออกสินค้าดังกล่าวชะลอตัว อย่างไรก็ตาม
สินค้าเภสัชภัณฑ์มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ผลผลิตโรง
งานในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดเดือน พ.ค.48 ว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 2.5 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.
พ. ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 10.7 เทียบต่อปี ทั้งนี้ การส่งออกซึ่งไม่รวมผลิตภัณฑ์น้ำมันของสิงคโปร์ ลดลงเหนือความ
คาดหมายถึงร้อยละ 5.3 ในเดือน พ.ค.48 ส่งผลให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นว่าภาวะเศรษฐกิจของสิงคโปร์อาจจะ
ชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ไปถึงไตรมาสที่ 2 ของปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 27 มิ.ย. 48 24 มิ.ย .48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 41.117 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 40. 9308/41.2030 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.5400-2.5625 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 690.25/13.14 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 8,450/8,550 8,450/8,550 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.75 53.59 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 24.54*/20.59**
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 27 มิ.ย. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 27 มิ.ย 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--