1. ฐานเงินและปริมาณเงิน
- ฐานเงินเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ส่วน M2 M2a และ M3 ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 อยู่ที่ระดับ 761.4 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 7.3 พันล้านบาทจากเดือนสิงหาคม โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อน ได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น และ (2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่รัฐบาลลดลง
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 6.6 5.2 และ 4.8 ตามลำดับโดย M2 และ M2a ขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนตามการขยายตัวของเงินฝาก ทั้งนี้ M3 ขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
- ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ และเฉลี่ยทั้งเดือนแข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
- อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับสูงขึ้นตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทุกระยะปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนที่แล้ว
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนกันยายน 2548 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.05 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ย41.19 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนสิงหาคม ส่วนหนึ่งเนื่องจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 และดุลบัญชีเดินสะพัดที่ปรับตัวดีขึ้น
ระหว่างวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 ค่าเงินบาทผันผวนอยู่ในช่วงแคบๆ แต่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือน กันยายน 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.10 ต่อปีเท่ากัน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงขึ้นจากเดือนก่อน ตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 7 กันยายน 2548
สำหรับในช่วงวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับสูงขึ้นอีกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.32 และ 3.29 ต่อปี ตามลำดับ
ตามสภาพคล่องที่ตึงตัวขึ้นโดยเฉพาะก่อนการประชุม กนง. ในวันที่ 19 ตุลาคม2548 หลังจากนั้นได้มีการนำ
สภาพคล่องมาทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนกันยายน 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทุกระยะปรับสูงขึ้น จากการที่ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ในวันที่ 7 กันยายน แต่ในช่วงหลังของเดือนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นโน้มลงเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการลงทุนระยะสั้นยังคงมีมากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มจะสูงขึ้นต่อไป
ในช่วงวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทุกระยะปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นไปตามตลาดคาดการณ์
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
- เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ขณะที่การขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลง
- ธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ในเดือนกันยายน และปรับขึ้นต่อเนื่องในเดือนตุลาคม
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกันยายน 2548 เพิ่มขึ้น 6.0 พันล้านบาทจากเดือนสิงหาคม และขยายตัวร้อยละ 6.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการควบรวมระหว่างบริษัทเงินทุนไทยเพิ่มทรัพย์และบริษัทเงินทุนทิสโก้เป็นธนาคารทิสโก้ และการโอนทรัพย์สินและหนี้สินระหว่างบริษัทเงินทุนธนชาติและธนาคาร
ธนชาต ซึ่งเมื่อหักผลของการควบรวมและการโอนทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวแล้ว เงินฝากธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 4.8 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.4 ในเดือนสิงหาคมตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประชาชน
สินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวม การถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ในเดือนกันยายน 2548 ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งชะลอลงจากเดือนที่แล้ว โดยบางส่วนเป็นผลจากการควบรวมและโอนสินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงินดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเมื่อมีการหักสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการควบรวมดังกล่าวออก สินเชื่อในเดือนนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ 4.1 ในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ การชะลอตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานที่สูงในเดือนกันยายน 2547 จากการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนกันยายน 2548 ปรับสูงขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี ณ สิ้นเดือนและสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือนตุลาคม โดยระหว่างวันที่ 1-25 ตุลาคมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี สำหรับอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ย 4 ธนาคารก็ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกันยายน และสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือนตุลาคมมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 6.25 ต่อปี
ปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ย ถึงแม้ว่าสภาพคล่องส่วนเกินยังมีอยู่โดยเฉพาะ
ในธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ (1) ความต้องการรักษาฐานลูกค้า ในขณะที่คู่แข่งปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นแล้วและ (2) เพื่อแข่งขันกับผลตอบแทนจากหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
- ฐานเงินเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ส่วน M2 M2a และ M3 ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 อยู่ที่ระดับ 761.4 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 7.3 พันล้านบาทจากเดือนสิงหาคม โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฐานเงินจากเดือนก่อน ได้แก่ (1) สินทรัพย์ต่างประเทศสุทธิของทางการเพิ่มขึ้น และ (2) สินเชื่อสุทธิที่ ธปท. ให้แก่รัฐบาลลดลง
ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 6.6 5.2 และ 4.8 ตามลำดับโดย M2 และ M2a ขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนตามการขยายตัวของเงินฝาก ทั้งนี้ M3 ขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
2. อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
- ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ และเฉลี่ยทั้งเดือนแข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
- อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับสูงขึ้นตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทุกระยะปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนที่แล้ว
อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือนกันยายน 2548 ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.05 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ย41.19 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในเดือนสิงหาคม ส่วนหนึ่งเนื่องจากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 และดุลบัญชีเดินสะพัดที่ปรับตัวดีขึ้น
ระหว่างวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 ค่าเงินบาทผันผวนอยู่ในช่วงแคบๆ แต่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือน กันยายน 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.10 ต่อปีเท่ากัน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงขึ้นจากเดือนก่อน ตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 7 กันยายน 2548
สำหรับในช่วงวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันปรับสูงขึ้นอีกโดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.32 และ 3.29 ต่อปี ตามลำดับ
ตามสภาพคล่องที่ตึงตัวขึ้นโดยเฉพาะก่อนการประชุม กนง. ในวันที่ 19 ตุลาคม2548 หลังจากนั้นได้มีการนำ
สภาพคล่องมาทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ในเดือนกันยายน 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทุกระยะปรับสูงขึ้น จากการที่ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ในวันที่ 7 กันยายน แต่ในช่วงหลังของเดือนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นโน้มลงเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการลงทุนระยะสั้นยังคงมีมากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มจะสูงขึ้นต่อไป
ในช่วงวันที่ 1-25 ตุลาคม 2548 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทุกระยะปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นไปตามตลาดคาดการณ์
3. เงินฝากและสินเชื่อภาคเอกชนของระบบธนาคารพาณิชย์
- เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย ขณะที่การขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลง
- ธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ในเดือนกันยายน และปรับขึ้นต่อเนื่องในเดือนตุลาคม
เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในเดือนกันยายน 2548 เพิ่มขึ้น 6.0 พันล้านบาทจากเดือนสิงหาคม และขยายตัวร้อยละ 6.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการควบรวมระหว่างบริษัทเงินทุนไทยเพิ่มทรัพย์และบริษัทเงินทุนทิสโก้เป็นธนาคารทิสโก้ และการโอนทรัพย์สินและหนี้สินระหว่างบริษัทเงินทุนธนชาติและธนาคาร
ธนชาต ซึ่งเมื่อหักผลของการควบรวมและการโอนทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวแล้ว เงินฝากธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 4.8 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.4 ในเดือนสิงหาคมตามการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประชาชน
สินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวม การถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ในเดือนกันยายน 2548 ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งชะลอลงจากเดือนที่แล้ว โดยบางส่วนเป็นผลจากการควบรวมและโอนสินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงินดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเมื่อมีการหักสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการควบรวมดังกล่าวออก สินเชื่อในเดือนนี้ขยายตัวเพียงร้อยละ 2.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ 4.1 ในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ การชะลอตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานที่สูงในเดือนกันยายน 2547 จากการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งในเดือนกันยายน 2548 ปรับสูงขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี ณ สิ้นเดือนและสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือนตุลาคม โดยระหว่างวันที่ 1-25 ตุลาคมเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี สำหรับอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ MLR เฉลี่ย 4 ธนาคารก็ปรับเพิ่มขึ้นในเดือนกันยายน และสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือนตุลาคมมาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 6.25 ต่อปี
ปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ย ถึงแม้ว่าสภาพคล่องส่วนเกินยังมีอยู่โดยเฉพาะ
ในธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ (1) ความต้องการรักษาฐานลูกค้า ในขณะที่คู่แข่งปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นแล้วและ (2) เพื่อแข่งขันกับผลตอบแทนจากหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--