นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าไทยมีมูลค่าการส่งออกไปตลาด อาเซียนในช่วง เดือนม.ค. —ก.พ. 2548 3,404.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2547 ซึ่งมีมูลค่า 3,235.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 5.21
ไทยใช้สิทธิส่งออกภายใต้ CEPT ไปอาเซียน 9 ประเทศ มีมูลค่า 717.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น ร้อยละ 21 ของมูลค่าส่งออกไปอาเซียนทั้งหมด โดยการใช้สิทธิพิเศษฯ ในปี 2548 เพิ่มขึ้นจากในช่วงเวลา เดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีมูลค่า 508.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 41.07 และการใช้สิทธิพิเศษฯ นี้ มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากได้แก่ การส่งออกไป ลาว คิดเป็นร้อยละ 113 บรูไน ร้อยละ 100 สิงคโปร์ ร้อยละ 84 เวียดนาม ร้อยละ72 และอินโดนีเซีย ร้อยละ 51
รายการสินค้าที่ใช้สิทธิพิเศษฯ CEPT สูง ได้แก่ รถยนต์บุคคล ส่วนประกอบยานยนต์ ยานยนต์ ขนส่ง ยางที่ใช้กับรถบรรทุก แชมพู ซีเมนต์เม็ด อาหารปรุงแต่ง ส่วนรายการสินค้าที่มีอัตราการใช้สิทธิ พิเศษฯ CEPT เพิ่มขึ้นสูงในเชิงมูลค่า ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องจักร ยางที่ใช้กับรถบรรทุก ส่วนประกอบ ยานยนต์เครื่องปรับอากาศ เม็ดพลาสติก
นายราเชนทร์ พจนสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานการดำเนิน การภายใต้ความตกลง CEPT (CCCA) ครั้งที่ 36 เมื่อเดือนเมษายน 2548 เวียดนามแจ้งว่าได้โอนย้ายรายการ สินค้าเข้าบัญชีลดภาษี(IL) จำนวน 115 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าจากบัญชีอ่อนไหว (SL) จำนวน 62 รายการ บัญชียกเว้นทั่วไป (GE) จำนวน 53 รายการ ทั้งนี้ ให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2548 สำหรับสินค้าที่นำ มาลดภาษีนี้จะครอบคลุมสินค้า 10 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสัตว์มีชีวิต เนื้อสุกรสด แช่เย็น ต้นไม้มีชีวิต ผลไม้สด สัตว์น้ำปรุงแต่ง สินแร่ เครื่องดื่ม สบู่ น้ำยาซักล้าง เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า งานศิลปะ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้า ที่ไทยมีความสามารถในการส่งออก โดยในปี 2547 ไทยมีการส่งออกไปเวียดนามประมาณ 103 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ จึงน่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ส่งออกไทยในการขยายมูลค่าการส่งออกไปเวียดนาม โดยใช้สิทธิ ประโยชน์ภายใต้ข้อตกลง CEPTรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 1385 โทรสาร 0 2547 4816 www.dft.moc.go.th , e-mail tpdft@mocnet.moc.go.th
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
ไทยใช้สิทธิส่งออกภายใต้ CEPT ไปอาเซียน 9 ประเทศ มีมูลค่า 717.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น ร้อยละ 21 ของมูลค่าส่งออกไปอาเซียนทั้งหมด โดยการใช้สิทธิพิเศษฯ ในปี 2548 เพิ่มขึ้นจากในช่วงเวลา เดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีมูลค่า 508.34 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 41.07 และการใช้สิทธิพิเศษฯ นี้ มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากได้แก่ การส่งออกไป ลาว คิดเป็นร้อยละ 113 บรูไน ร้อยละ 100 สิงคโปร์ ร้อยละ 84 เวียดนาม ร้อยละ72 และอินโดนีเซีย ร้อยละ 51
รายการสินค้าที่ใช้สิทธิพิเศษฯ CEPT สูง ได้แก่ รถยนต์บุคคล ส่วนประกอบยานยนต์ ยานยนต์ ขนส่ง ยางที่ใช้กับรถบรรทุก แชมพู ซีเมนต์เม็ด อาหารปรุงแต่ง ส่วนรายการสินค้าที่มีอัตราการใช้สิทธิ พิเศษฯ CEPT เพิ่มขึ้นสูงในเชิงมูลค่า ได้แก่ ส่วนประกอบเครื่องจักร ยางที่ใช้กับรถบรรทุก ส่วนประกอบ ยานยนต์เครื่องปรับอากาศ เม็ดพลาสติก
นายราเชนทร์ พจนสุนทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานการดำเนิน การภายใต้ความตกลง CEPT (CCCA) ครั้งที่ 36 เมื่อเดือนเมษายน 2548 เวียดนามแจ้งว่าได้โอนย้ายรายการ สินค้าเข้าบัญชีลดภาษี(IL) จำนวน 115 รายการ ซึ่งเป็นสินค้าจากบัญชีอ่อนไหว (SL) จำนวน 62 รายการ บัญชียกเว้นทั่วไป (GE) จำนวน 53 รายการ ทั้งนี้ ให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2548 สำหรับสินค้าที่นำ มาลดภาษีนี้จะครอบคลุมสินค้า 10 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสัตว์มีชีวิต เนื้อสุกรสด แช่เย็น ต้นไม้มีชีวิต ผลไม้สด สัตว์น้ำปรุงแต่ง สินแร่ เครื่องดื่ม สบู่ น้ำยาซักล้าง เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า งานศิลปะ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้า ที่ไทยมีความสามารถในการส่งออก โดยในปี 2547 ไทยมีการส่งออกไปเวียดนามประมาณ 103 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ จึงน่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ส่งออกไทยในการขยายมูลค่าการส่งออกไปเวียดนาม โดยใช้สิทธิ ประโยชน์ภายใต้ข้อตกลง CEPTรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 1385 โทรสาร 0 2547 4816 www.dft.moc.go.th , e-mail tpdft@mocnet.moc.go.th
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-