ผมขอทำความเข้าใจกับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ตอบคือ
ประเด็นแรก ท่านได้หยิบยกเอาการปรับปรุงสายการบินที่บอกว่ามี 4-5 สนามบินที่มีการปรับปรุงและใช้เงินท่านบอกว่าแพงกว่าการก่อสร้างใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิ ประเด็นที่ สอง ผมย้อนไปยังญัตติซักนิดหนึ่ง ว่าเป็นการยื่นเพื่ออภืปรายว่าท่านบกพร่อง ผิดพลาดจนเกิดการทุจริต ในโครงดารระบสายพาน และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด หลังจากนั้น เมื่อมีข่าวว่าทุจริตเกิดขึ้นท่านกลับละเลยไม่ใส่ใจ กับเหตุการณ์ หรือดำเนินการให้มีการตรวจสอบ เพื่อให้ได้คนผิดมาลงโทษแต่ยังมีพฤติกรรมในการปกป้องการกระทำที่ผิดพลาดของตนเองและพวกพ้อง นั้นคือกรอบของญัตติ
ที่สำคัญที่สุดที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯมาคือการทำสัญญาแทนที่จะซื้อตรงกับบริษัทผู้ผลิต แต่ทางบทม.โดยการกำกับของท่าน ทำสัญญาอ้อมถึง 3 ช่วง นั้นคือเราซื้อจากไอทีโอ ไอทีโอไปซื้อที่แพทธิออท และแพทธิออทไปซื้อที่อินวิชั่น เกิดช่วงสัญญา ถึง 3 ช่วงขึ้นมา กระผมจะเรียกง่ายให้ประชาชนทางบ้านได้เข้าใจนั้นคือเกิดการขุดบ่อล่อเงินกันถึง 3 เด้ง ในช่วงนี้ละครับที่พยายามที่จะอธิบายว่ามีค่าอะไรต่างๆ ซึ่งมีเยอะมาก ทั้งที่จีอีอินวิชั่นได้ทำหนังสือมายังผู้ตรวจราชการคมนาคมว่าทั้งหมด 35.8 ล้านเหรียญ จึงขอให้ประชาชนจับตาเป็นผู้ตัดสินการชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ท่านประธานครับทั้งหมดทั้งปวงในเรื่องที่เกิดขึ้นผมขอตั้งชื่อเรื่องของการอภิปรายครั้งนี้ว่ามีปมพิรุธในวงจรการบริหารหารเมือง เรื่องCTX 9000 ซึ่งมีปมพิรุธ 5 ปม1.ปกป้อง บิดเบือน 2.ยึดการเหินฟ้าถามหาใบเสร็จ 3.การบริหารการทุจริต4.อ้างความรวดเร็วงานทุกอย่างจึงไม่มีการประมูล 5.หลอกลวง สร้างภาพ สุดท้ายไท่ได้ทำอะไรเลย
องค์ประกอบที่ 1 ผมขอตั้งคำถามว่ามีการโกงกันจริงหรือไม่ อย่างไร ท่านประธานครับ เนื่องจากประชาชนได้จับการทุจริตได้คาตา มีการตั้งคระกรรมการขึ้นมาแถลงแล้ว แถลงอีก อธิบายแล้ว แต่พี่น้องประชาชนก็ยังคาใจ ทั้งนี้หากรัฐธรรมนูญไม่มีข้อจำกัดไว้คงต้องมีการต้องข้อกล่าวหาแน่ๆ ด้วยข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญพวกเราจึงไม่สารถอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นทุจริตได้ ส่งผลให้มีเสียงวิพากษ์วิ จารณ์จากประชาชน และหลายฝ่ายผ่านสื่อ ผมต้องขอยกย่องหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจวันที่ 25 เม.ย.48 ที่นำข่าวเรื่องนี้เผยแพร่
กระผมเองก็ได้ตั้งกระทู้สดถามในสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลุกขึ้นมาตอบโดยอ้างจดหมายของที่ปรึกษา (นายธีระวัฒน์ ศรีฉัตราภิมุข) เอามาอ่านในสภา ว่าไม่มีการทุจริตฯ เป็นการพูดเองเออเอง ในหนังสือฉบับนั้นผมขอกราบเรียนท่านประธานว่าในหนังสือเขียนว่ารีสคอนแทค หากคุณมีปัญหาอะไรสอบถามมาได้
จนกระทั้งวันนี้มิสเตอร์ ก้ไม่ยืนยันว่าได้พูดเช่นนั้นจริง สิ่งนี้ผมถือว่ามีการบิดเบือนปกป้อง
ประเด็นต่อไปหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ นายกฯ ได้นำหนังสือของบริษัทจีอี อินวิชั่นมาอ่านออกอากาศฟัง เพื่ออธิบายว่าใม่มีการทุจริต ไม่มีการรับสินบน แต่ท่านคงลืมไปว่าจีอีฯคือผู้ขายสินค้าที่ถูกฟๆองว่าให้หรือยอมจะให้สินบนข้าราชการและนักการเมืองไทย และจำเลยคนน้ได้สารภาพในศาลแล้วว่าได้ให้สินบน ได้กระทความผิดตามที่ฟ้องจริง
ท่านประธานครับ นายกฯก็พยายามบอกว่าจะไม่ซื้อ โดยท่านอ้างเอาความรักชาติบ้าง หรือบางครั้งก็บอกว่าจะซื้อตรง ซึ่งเป็นเพียงการพูดไปวันๆ ทำให้ประชาชนสับสน
หลังจากนั้นอีกไม่เท่าไหร่มีนักการทูตที่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อ ถึงแม้พณฯ ท่านจะบอกว่าเป็นการแถลงข่าวในสถานฑูต ซึ่งเป็นแผ่นดินของสหรัฐฯ แต่หากแน่จริงต้องกล้าที่จะเปิดเผยชื่อ แต่ไม่เช่นนั้นโดยมีการเชิญสื่อมวลชนเพียงบางสื่อ หลังจากนั้นนายกฯได้ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ แต่ องค์ประกอบของคณะกรรมการ โดยมีนายบุณศักดิ์ เทียมปรีชา ซึ่งไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ เพราะ2545 อธิบดีท่านนี้ได้รับแต่งตั้งจากท่านสุริยะ ในสมัยท่านเป็นรัฐมนสตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยุคก่อน ให้ทำการทำการสอบสวนเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บค่าโดยสารบนมอร์เตอร์เวย์ ในครั้งนั้นปรากฎว่าไปเอาโรงสีที่ทำธุรกิจรับเหมาระดับ 3 ของกรมทางทางหลวงมาทำหน้าที่ติดตั้งคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่มีความรู้ ปรากำหว่าคอมฯใช้ไม่ได้ จึงเกิดการทุจริตในการเก็บค่าผ่านทาง ท่านสุริยะจึงนำเอาทหารจำนวนมากมายืนนับรถ ตรวจเช็ค สร้างภาพคอรัปชั้น
ที่สำคัญท่านบุญศักดิ์ เจียมปรีชา ได้สอบและสรุปในการเป็นกรรมการในครั้งนั้นว่าท่านอธิบดีกรมทางหลวงขณะนั้นซึ่งเป็นเจ้าของงาน เจ้าของเรื่อง ไม่ผิดเนื่องจากเซนอนุมัติไปตามข้าราชการผู้น้อยเสนอมา ผลงานในอดีตเป็นที่ประทับใจรัฐมนตรี นั้นคือความไม่น่าเชื่อถือของการเป็นคณะกรรมการในการสอบสวนเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นในระหว่างที่ทำงาน หรือก่อนเข้าไปทำงานของคณะกรรมการ ท่านนายกฯก็ดี นายสุริยะก็ดี บอกว่าไม่การรับสินบน ทำให้ผลการสอบสวนจบลงตกตามที่ตั้งธงของนายกฯ
นอกจากนั้นผมได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด วิธีการค้นหาว่ามีการทุจริตหรือไม่ ควรถามไปที่ใคร ผมก็เขียนจดมหายส่งไปที่ฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ส่งไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุตธิรรมสหรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ของอเมริการ และเลขาฯ กลต. เขาบอกว่าวิธีการถามหาข้อมูลที่เป็นความจริงนั้น อย่าใช้วิธีการของคณะกรรมการที่ทำอยู่ นั้นหมายถึงการใช้วิธีการผ่านสนธิสัญญา แล้วจะได้ข้อมูลทั้งหมด นี่คือสิ่งที่รัฐบาล หรือรัฐมนตรีควรจะดำเนินการให้ถูกช่องทาง
และถามว่าเมื่อเกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นในกระทรวงคมนาคมนั้นท่านรัฐมนตรีรู้วิธีการที่จะดำเนินการความจริงเพือ่เอาผู้กระทำผิดมาลงโทษ จะบอกว่าไม่ทราบไม่ได้ เพราะท่านคือรัฐมนตรี ดังนั้นปมพิรุธที่ผมจะสรุปคือ 1.ท่านตอบกระทู้ถามสดโดยอ้างคำพูดของท่นผู้ช่วยฑูตด้านพาณิชย์ แต่ฑูตท่านนั้นไม่ได้ยอมรับว่าเป็นจริงตามที่อ้างไว้ในกฎหมายหรือไม่ อ่านจดหมายของจีอีฯ จำเลยออกอากาศก็ไม่น่าเชื่อถือ นักการฑูตนิรนามที่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อยิ่งทำให้เกิดความพิรุธยิ่งขึ้น ตั้งกรรมการสอบสวน ก็องค์ประกอบของคณะกรรมการสอบสวน ไม่น่าเชื่อถือ
ท่านประธานครับต่อไปนี้เป็นปมพิรุธที่ 2 ในการถามหาใบเสร็จ ยุทธการณืในการถามหาใบเสร็จ ถามว่าเมื่อมีคระกรรมการแล้ว รัฐบาลหรือท่านรัฐมนตรีเดินในแนวทางไหน แต่ขอให้ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ชื่อสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ช่วยตั้งคำถามให้หน่อย นี่คือหนังสือที่ทางกระทรวงยุติธรรมพิมพ์ไปเรียบร้อย ตั้งคำถามไปตามนี้ แล้วส่งให้กระทรวงการต่างประเทศประทับตรา เขาเรียกว่าหนังสือประทับตารา ดุลพินิจ ความเฉลียวฉลาดของกระทรวงการต่างประเทศไม่มีสิทธิ์ ใช้ เป็นการมัดคำถามไปโดยปลัดกระทรวงกับคณะจากกระทรวงยุติธรรม ท่านประธานครับมัดและเพื่อให้ได้คำตอบตามที่ต้องการถามไปว่า ถามไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ท่านพบหลักฐานการจ่ายเงินที่ผิดปกติโดยอินวิชั่นบ้างหรือไม่ ท่านครับเมื่อถามไปเช่นนี้ เขาก้ต้องตอบมาตามคำถามที่ถูกล็อก ว่าเขาไม่พบ แต่ว่าถ้าถามว่ามีการให้หรือรับสินบนกันหรือไม่เขาก็ต้องตอบว่ามีคำรับสารภาพแล้ว กระผมขอย้ำอีกทีว่า เงินทุจริตคอร์รัปชั่นกันนั้น จ่ายกันในเมืองไทย ไม่ได้จ่ายที่สหรัฐอเมริกา ดังนั้นเมื่อถามมัดคำถามไปเช่นนี้ คำตอบก็ได้เช่นนี้ เขาตอบมาเมื่อ 8 มิ.ย. 2548 นั่นคือการมัดคำถามเพื่อให้ได้คำตอบตามที่ต้องการ
ถามต่อไปว่ากระบวนการถามถามอย่างไร ผมบอกแล้วว่ารัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามว่าด้วยสนธิสัญญาความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางอาญา ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2529 และนอกจากนั้นประเทศไทยก็ได้ออกพระราชบบัญัติ ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาไว้ตั้งแต่ปี 2535 และถามว่าเรื่องของการทุจริตให้สินบนเราจะใช้ช่องทางไหน ช่องทางที่ท่านเลือกใช้เป็นช่องทางของวิธีการทางการทูต ไม่ได้ใช้ช่องทางของการตรวจจับการทุจริต
ท่านประธานครับเรื่องนี้เป็นเรื่องการทุจริตนะครับ เป็นความผิดทางอาญานะครับ เพราะฉะนั้นช่องทางที่ถูกต้อง ต้องใช้เช่องทางสนธิสัญญาไม่ใช่ใช้ช่องทางนี้ ให้ได้คำตอบนี้ ท่านประธานครับท่านปลัดกระทรวงเป็นใคร จึงล็อกคำถามได้เป้นที่ถูกใจท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ประเด็นแรกเอกสารที่ผมมีอยู่ในมือ คณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทยมหาชน ท่านสมชาย วงศ์สวสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นคณะกรรมการอยู่ด้วย คือบริษัทที่ซื้อซีทีเอ็กซ์ 9000 ท่านอาจจะเข้ามาตรงไหนก็สุดแล้วแต่ของการเป็นกรรมการ แต่รับรู้รับทราบเรื่องนี้ นับตั้งแต่ท่านเข้ามา ประวัติของท่านนะครับ ท่านเป็นผู้พิพากษา มาหลายปีทีเดียว เป็นรุ่นนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ของผมเรียนเก่งครับ มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย เขียนคำถามเพื่อให้ได้คำตอบไม่ยาก ที่สำคัญที่สุดท่านเป้นน้องเขยของท่านนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ทางด้านเครือญาติอีกครึ่งหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดท่านเป็นกรรมการของท่าอากาศยานไทย มาดูแลผลประโยชน์ให้กับท่าอากาศยานไทย กับการทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนมันขัดกันอยู่ครับ เพราะเรากำลังกล่าวหาบริษัทนี้ ท่านเป้นกรรมกาบริษัทนี้ก็ต้องพิสูจน์ ให้เห็นว่าท่านอยู่ข้างประชาชนหรือว่าอยู่ข้างไหน กันแน่ ต้องขออภัยที่ท่านไม่อยู่ในห้องประชุม นี้ แต่ต้องให้ท่านรัฐมนตรีช่วยตอบแทนท่านแล้วกัน
ท่านประธานครับหลังจรากนั้นก้ปรากฏว่ามีการดิ้นรนกันมากมาย ช่องทางก็ไม่ใช้ อะไรก็ไม่ใช้แล้ว ผมขอกราบเรียนท่านปรานว่า จะดิ้นสักเท่าไรก็ตาม เรื่องมันยังไม่จบมนวันที่ 29 หลังจากลงมติแล้ว เพราะในคำตอบของนางแมรี่ ที่เป็นผู้แทนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐนั้น เขาบอกเอาไว้ว่า เขาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการส่งพยานหลักฐานให้กับเราถ้าถามไปถูกช่องทาง ตรงนี้สำคัญมาก และที่สำคัญที่สุด คำรับสารภาพของจีอีอินวิชั่น ที่รับสารภาพในศาลแขวงแคลิฟอเนียร์นั้น จะไม่ยุติสหรับตัวบุคคลที่กระทำผิดทางด้านอาญา ก้ต้องมีการสืบสวน สอบสวน ตร่อไป ดังนั้นท่านประธานครับก็ต้องมีหนาวๆ ร้อน ๆกันบ้าง คำตอบก็ตามไปครับ ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งนายคัมภีร์ แก้วเจริญ ท่านอัยการสูงสุด สำนักงานอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เขตพระนคร กรุงเทพ ประเทศไทย ทีนี้มันเกิดอะไรขึ้น จดหมายมันตอบยการสูงสุด นายคัมภีร์ บอกชื่อชัดๆ แต่ปรากฏว่าในวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมาท่านรองอัยการสูงสุด ได้มาตอบคำถามต่อคณะกรรมกาธิการการยุติธรรมสิทธิมนุษยชนที่สภา ท่านบอกว่าท่านไม่เคยเห็นจดหมายฉบับนี้เลย อัยการสูงสุดก็ไม่เคยเห็น
ท่านประธานครับ ยักยอกจดหมายของอัยการสูงสุดเป็นความผิดนะครับ เขาส่งให้ท่านอัยการสูงสุด แต่ผู้รับไว้เบื้องต้นกลับไม่ส่งต่อ กลับเอาไปใช้ใยนการแถลงข่าว ในการสรุปสำนวนเป้นการแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพย์สินที่เป็นจดหมายอันตกมาเป็นอยู่ในความครอบครองของตนเอง นอกจากผิดกฎหมายแล้วยังเสียมารยาทด้วย ประธานครับ แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านประธานครับมาดูต่อ ถ้าท่านจะบอกว่า สงสัยสหรัฐคงเข้าใจผิดส่งผิดที่ จ่าหน้าซองผิดคน ไม่ใช่ครับ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเขามีความั่นใยนเรื่องสนธิสัญญา มีความช่ำชองในเการบังคับใช้กฎหมาย และรู้ช่องทาง ว่าจะส่งอะไรให้ใคร เขาไม่ชื่อใจ หรือเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ถึงผู้ประสานงานกลางที่ทำหน้าที่ เอาคนผิดมาเข้าคุก ลากคอคนทุจริตมาประจารณ์
ท่านประธานครับวันที่ 9 มิ.ย.2548 เมื่อเขารู้ว่าจดหมายฉบับนั้นถูกยักยอกไปแล้วเขาส่งไปอีกฉบับหนึ่งถึวนายตระกูล อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ บอกมาอีกว่า ถ้าทางการไทยจะเอาคนผิดมาเข้าคุก ให้เอาพยานหลักฐานจากเขาได้ โดยใช่ชช้ช่องทางของสนธิสัญญา แมร่คนเดิมครับ แต่ภายใต้การกำกับของอัยการอาวุโส เป้นการส่งจดหมายไล่หลังมา เขาอาจจะรู้โดยญาณสำนึก ว่าการแจ้งโดยการใช้ช่องทางผิดในคัร้งที่แล้ว อาจจะถูกยักยอก อาจจะถูกปิดบัง อาจจะเอามาอ้างมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสรุปของคณะกรรมการจดหมายฉบับนี้ฟ้องและตบหน้า พี่น้องประชาชนคนไทยไม่ใช่เฉพาะรัฐมนตรีนะครับ เขาบอกว่าอะไรเกิดขึ้นในเมืองไทย มีคำรับสารภาพ มีคำพิพากษาว่ามีการให้หรือว่าจะให้สินบน อันเกิดขึ้นในเมืองไทย ผู้ที่จะรับสินบนคือเจ้าหน้าทีของไทยและนักการเมืองของไทย ของนักการเมืองท่านหนึ่ง
ท่านประธานครับจดหมายฉบับนี้ผมดูแล้วรู้สึกสมเพช ตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ยังภาคภูมิใจที่เป็นอัยการเก่า พี่น้องที่เป็นอัยการของผมออกมาตอบคำถามในสภา ในห้องคณะกรรมาธิการวิสามัญของท่านวุฒิ บอกความจริทั้งหมด หลังจากนั้นผมถามอัยการเหล่านั้นว่าจะเอาอย่างไร อัยการเหล่านั้นบอกว่า เราพร้อมเงื้อดาบที่จะเอาคนผิดมาเข้าคุกให้ได้ ขอให้รัฐบาลจริงใจ ใช้เราเป็นหน่วยงานกลางผู้ประสานงานกลางตามกฎหมายเถอะ
กระทรวงคมนาคมก็ออกจดหมายสักฉบับเถอะ แล้วก็ส่งให้อัยการ อัยการจะขอแอพเพนดิกดี วึ่งท่านหัวหน้าพรรคผม ผู้นำฝ่ายค้านพูดไว้ตั้งแต่เช้าว่า ภาคผนวกนั้นจะบอกว่าใครรับเงินใคร จะให้ นั่นเป้นพยานหลักฐานที่ต้องขอ แต่ไปมัดคำถาม คำตอบเขาก็ไม่ให้ เพราะไม่รู้จริงใจขนาดไหน เอาอย่างนี้ดีไหมครับท่านประธานครับ ในเมื่อนักฎหมายฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายกระทรวงคมนาคมอะไรก็แล้วแต่ ตั้งคำถามไปก็ไม่ตรงประเด็น ท่านรัฐมนตรีก็ใช้ผมไหม มอบหมายให้ผมในนามกระทรวงคมนาคม อัยการต่ำสุดอย่างผมนี่แหล่ะ ออกมาแล้ว 10 จะร่างจดหมายเป็นคำถามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐให้ดู แล้วจะได้คำตอบตามที่ต้องการ แต่สิ่งที่น่าอายมากที่สุดคือเอกสารลับฉบับนี้ ที่ผมจะกราบเรียนท่านประธาน เอกสารลับฉบับนี้เป้นการหารือกันนระหว่างเจ้าหน้าที่ในสถานทูตไทยที่สหรัฐอเมริกา กับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ หารือกันครั้งแรกโดยอ้างเอาหนังสือฉบับวันที่ 20 พ.ค. 2548 คือฉบับแรก เพื่อหาช่องทางกันว่าจะหาทางออกดำเนินการอย่างไร เปิดจดหมายเก่าดูสนธิสัญญาดูในสนธิสัญญาที่ลงกันไว้ตามเอกสารนี้ ในข้อที่ 1 พันธะกรณีที่จะให้ความร่วมมือช่วยเหลือเขาเขียนเอาไว้ว่ารัฐภาคีตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามบทบัญญัติแห่งสนธิสัญญฉบับนี้ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน การฟ้องคดี และกระบวนการอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องอาญา 2(ข) การจัดหาวึ่งเอกสารบันทึกและเอกสารและพยานหลักฐาน 2(ค) การส่งเอกสาร
ท่านประธานครับนี่คือช่องทางที่จะต้องใช้ส่วนพระราชบัญญัติที่ผมพุดถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา 2535 คำจำกัดความในมาตรา4 เขียนเอาไว้ว่า ความช่วยเหลือหมายความว่า ความช่วยเหลือในเรื่องเกี่ยวกับความดำเนินการสืบสวน สอบสวน ฟ้องคดี ริบทรัพย์สิน และการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา และเขียนเอาไว้ว่า ให้อัยดการเป็นผู้ประสานงานกลาง รับคำร้อง ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐบาลไทย และส่งให้ประเทศผู้รับคำร้องในมาตรา 6
ในมาตราที่ 36 เขียนเอาไว้ว่า หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศให้เสนอเรื่องต่อผู้ประสานงานกลาง ท่านประธานครับ ทำไมไม่ใช้ช่องทางนี้ทั้งที่มีคำพิพากษาแล้ว ติดตามฟ้องร้อง ให้หรือจะให้สินบนในเมืองไทยเกิดขึ้นแล้ว แต่พยายามบ่ายเบี่ยง บ่ายเบี่ยงเพื่ออะไร ก็เพื่อปกป้องครับ เพื่อปกปิด เพื่อช่วยเหลือคนกระทำความผิด ท่านประธานครับนี่คือบันทึกคณะกรรมาธิการการยุติธรรมสิทธมนุษยชน 16 มิ.ย. 2538 ประชุมเมื่อเวลา 13.45 น. ไม่ว่าจะเป็นคำพุดของท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คำพุดของท่านรองอัยการสูงสุด ว่าไม่เคยเห็นจดหมายฉบับนี้ปรากฏอยู่ในนี้
ท่านประธานที่เคารพครับ สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าปกป้อง ปกปิด เป็นพิรุธ ถามต่อไปว่า แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เราจะดำเนินการอย่างไร มีการอ้างกันว่า จะขอเอกสาร หลักฐานที่เขาสืบสวนสอบสวนได้นั้นจะต้องมีคดีแจ้งความ กล่าวโทษ ร้องทุกข์ กันเสียก่อน ผมเปิดดูกฎหมายหมด สนธิสัญญาเปิดว้ไม่มีข้อห้ามมาตราไหนที่ต้องเป็นคดีก่อน ที่ห้ามไม่ให้กระทรวงคมนาคมโดยรับมนตรีขอเอกสารการสืบสวน สอบสวน และรับสารภาพในศาลมาตั้งต้นคดีที่นี่ อย่าเบี่ยงเบนประเด็น ท่านข้าราชการบางคนออกมาพูดด้วยความตกใจกลัวจะไม่ได้รับความก้าวหน้า ผมเห็นใจครับ ตัวอย่างมีแล้วในอดีต ข้าราชการคนไหนมีความเป็นอิสระ มีจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต้องมีการถูกกระทำ ขอยกตัวอย่าง ท่านภรากรณ์ สุวรรณรัตน์ ขณะนี้เป็นองคมนตรี ยกตัวอย่างอธิบดีกรมการปกครอง เดี๋ยวนี้มาเป็นกกต. ปริญญา นาคฉัตรีย์ ท่านประธานครับ เพียงแต่บอกว่าไม่มีการกองบัตรเลือกตั้งในภาคใต้เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถูกย้ายจากอธิบดีกรมการปกครองไปทำหน้าที่อะไรรู้ไหม
อยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า ให้รับงานใหญ่ขึ้น มากขึ้น ท่านประธานครับ ท่านปริญญานั่งตบยุง ท่านภากรณ์ต้องลาออก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เห็นเป็นประจักษ์ ที่ผมยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นก็ไม่มีข้าราชการคนแหลมออกมาบอกว่า ขอหลักฐานได้เลยนะ เพราะเขากลัวเงาทะมึนที่ดำอยู่ข้างหลัง อำนาจเบ็ดเสร็จที่ไม่มีคุณธรรมครับท่านประธาน ท่านเสนาะ ปลดแล้วซึ่งแอก คนอื่นๆ ล่ะท่านประธานครับปมพิรุธในเรื่องนี้เริ่มด้วยการตั้งคำถาม พิรุธในการตั้งคำถาม พิรุธในเนื้อหาของคำถาม พิรุธในการใช้ช่องทางถาม ยักยอกคำถาม ผมขอเขียนคำถามเองได้ไหม ต้องตอบผมนะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมเป็นฝ่ายค้านนะ ต่อไปเป็นปมพิรุธที่ 3 ที่ผมอยากจะกราบเรียนท่านประธาน การบริหารการทุจริตเปลี่ยนแปลงเนื้องาน ท่านบอกว่า ท่านเป้นนักปฏิบัติไม่ใช้นักพูด ผมถามต่อไปว่า ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไหมท่านต้องพิสูจน์ด้วยเนื้องาน ด้วยผลงาน พูดอย่างเดียวไม่ได้ บอกคนอื่นยังไม่พอ ทีนี้เนื้องานที่พยายามเพิ่มคือการรองรับผู้โดยสารในสนามบินจาก 30 ล้านเป็น 45 ล้าน ตรวจจับวัตถุระเบิดและยาเสพติดได้ 100% สำหรับระบบนี้อ้างเปิดใช้บริการ 29 ก.ย. 2549 ท่านประธานครับหลังจาก 11 ก.ย.2544 มีการขับเครื่องบินชนตึกสูงในสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาเป็นห่วงความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในประเทศเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินทีบินไปในน่านฟ้าของสหรัฐ ไม่ว่าสายการบินนั้นจะเป็นของสหรัฐหรือของชาติอื่น จะต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดพื่อให้เกิดความปลอดภัยไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าประเทศไทยกำลังจะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เขาก้ถามมายังรัฐบาลไทยมาขณะนั้น ท่านนายกฯ ทักษิณ เป็นนายกฯ ท่านสุริยะเป็นรัฐมนตรี บอกว่าสหรัฐอเมริกาจะให้ความช่วยเหลือเอาไหม ส่งบริษัทผู้เชี่ยวชาญมาทำการศึกษา ระบบให้ได้อเมริกันสแตนดาร์ด หรือที่เรียกว่า มาตรฐานอเมริกาครับท่านครับ รัฐบาลไทยบอกว่าได้ซิ แล้วค่าใช้จ่ายล่ะ อเมริกาบอกว่าผมออกเอง ยูไม่เกี่ยวไม่เป็นไร ดังนั้นเขาก็ส่งบริษัทเอเอสไอ มาทำการศึกษา นำโดยนายบิลลี่ เฮ็ด วินเซ็น มาทำการศึกษาในระหว่างที่ออกแบบการศึกษามีหลายท่านได้พูดแล้ว แต่ผมขอพูดว่า นายบิลลี่ วิลเซ็น ถูกล็อบบี้ โดยตัวแทนของอินวิชั่นหลายครั้ง และมีการบอกว่าคุณจะออกแบบศึกษาอย่างไรก็แล้วแต่มีการจ่ายเงินให้กับผู้มีตำแหน่งสูงในรัฐบาลไทยแล้ว
ท่านประธานครับ ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน คือ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ผมได้ใช้บริการท่าน ภายใต้ความเห็นชอบของท่านสุวโรช พะลัง บอกว่า ช่วยมีหนังสือเชิญนายวินเซน มาให้ถ้อยคำที่สภาไทยหน่อย ส่งหนังสือไป เขามาครับ แต่คณะกรรมการที่ท่านตั้ง ไม่กล้าเชิญ หรือไม่รู้ว่าจะเชิญหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่เชิญ เพราะเขาตอบผมเลยว่าไม่เชิญ เดินทางมาเมืองไทย ให้ถ้อยคำกับคณะกรรมาธิการเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2548 พร้อมด้วยเอกสารการศึกษาและคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรไว้กับคณะกรรมาธิการครับ ผมกลัวว่าท่านจะแย้วงว่า เป็นเอกสารเท็จ ผมให้เซ็นชื่อไว้ทุกแผ่น และยิ่งกว่านั้น ก็ให้ถ่ายพาสปอร์ต และให้เซ็นชื่อกำกับเอาไว้ บิลลี่ เฮ็ด วินเซน ถ้าสงสัยผมส่งให้ได้ ในเนื้อหาการพูดคุย กันทั้งหมดร่วม 3 ชม. ผมได้ทำวีดีโอลงซีดี เดี๋ยวจะให้ท่านประธาน ว่าเขาบอกว่า บทม. กระทรวงคมนาคมเป็นอย่างไร ไม่น่าเชื่อถือได้อย่างไร เล่นแร่แปลธาตุอย่างไร มีใครล็อบบี้เขาบ้าง มีใครได้รับเงินแล้วบ้าง แต่เขาไม่กล้าระบุชื่อ เขาบอกว่า เขามีความเป็นมารยาททีทจะไปให้การในศาลที่แคลิฟอร์เนียและเอฟบีไอ แต่ถ้าทางการไทยต้องการสอบสวนเขา ท่านรัฐมนตรีครับให้หน่วยงานกลางเชิญตัวเขาเลย แล้วเขาจะพูดความจริง แล้วผมจะต้องแจกนักข่าวด้วย
ท่านประธานครับในการพูดวันนั้น 1. เขาบอกว่า ระบบที่เรานำมาใช้ที่มีปัญหาที่เรานำมาใช้อยู่ในขณะนี้เป็นระบบที่แพงที่สุด และมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด อันนี้ผมำไม่มีความรู้ทางเทคนิค ท่านต้องชี้แจงข้อกล่าวหาของนายวินเซนจริงหรือไม่จริง แต่เขากล้ายืนยันมาเป็นพยานให้ และที่สำคัญที่สุดเขาบอกว่า เขาถูกล็อบบี้จากนายช. ซึ่งเป็นตัวแทนของอินวิชั่น รับเขาไปตีกอล์ฟ ห่างจากกรุงเทพประมาณ 20 ไมล์ เอาใจด้วยการจองล็อกเกอร์อันดับที่ 3 อันดับที่ 1 ก็คือ ไทยเกอร์วูด อันดับที่ 2 ก็คือ แม่ของไทยเกอร์วูด อันดับ 3 ให้เขา ในขณะที่เดินทางไปด้วยกัน ซึ่งรับเขาที่โรงแรมโนโวเทล บางนา ล็อบบี้ไปตลอดทาง กลับมาก็ล็อบบี้อีก แต่เขาไม่ยอม เขาบอกว่าเขาจะทะทำหน้าที่เป็นผู้ศึกษา ให้ใช้ระบบที่เป็นกลาง ให้ใช้เครื่องที่เป็นกลาง เอื้ออำนวยให้กับบริษัทหนึ่งบริษัทใด ยี่ห้อหนึ่งยี่ห้อใดไม่ได้
ท่านประธานครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ปรากฏอยู่ในเอกสารนี้ทีนี้เรามาดูว่าเรื่องนี้เขาทำกันอย่างไร ในระหว่างการศึกษาของผมเมื่อสรุปแลวว่า บิลลี่ วินเซน กล้ายืนยันความจริง ว่ามีการล็อบบี้ และเขาบอกกับผมว่า ปรากฏตามหนังสือนี้นะครับ บอกว่า มีการล็อกสเปกมีการใช้อินวิชั่นตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค. และมิ.ย. 2546 แล้ว คุณศึกษาให้เหนื่อยเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเขาศึกษาเรื่องนี้มาตลอด เมื่อรู้ว่าระบบในการจัดจ้างจัดซื้อ ซีทีเอ็กซ์ 9000 เป็นปัญหา มีการทุจริต เขาจะต้องขึ้นศาลที่สหรัฐอเมริกา เมื่อทางฝ่ายไทยเรา ฝ่ายนิติบัญญัติของเรามีหนังสือเชิญไป เขาบินมาทันทีครับ ก็เขารู้ว่าจะเป็นปัญหาต่อประชาชนคนไทย 65 ล้านคน ไม่ใช่เป็นปัญหาเป็นพิษกับตัวท่านรัฐมนตรีคนเดียวหรือผู้บริหารบทม. เท่านั้นนะครับ นี่คือน้ำจิตน้ำใจของฝรั่งบางคนที่เห็นแก่ความโปร่งใส เห็นแก่ความถูกต้องจึงมาให้ความร่วมมือกับรัฐสภาไทย
ท่านประธานครับในระหว่างที่ผมได้พูดคุยเขาบอกว่า ทั้งรัฐมนตรีและผู้บริหารบทม. เอาหลังพิงบริษัทที่ปรึกษาที่เรียกว่าควอเตอร์เทค เพื่อนผมหลายคนบอกว่าเป็นบริษัทกำมะลอ จดทะเบียน 8 มิ.ย.2546 ใช้ชื่อเอสดีดี 12 ส.ค. 2546 เปลี่ยนชื่อ จดทะเบียนได้ 3-4 เดือนก็รับงานแล้ว เซ็นสัญญากันชิ้นแรกเมื่อเดือน8 ม.ค.2547 เซ็นสัญญาฉบับที่ 2 30 ก.ย. 2547 รับเงินไปเหนาะๆ 45 ล้านบาทโดยประมาณ ก็ถามต่อไปว่าบริษัทควอเตอร์เทคที่ทุกคนบอกว่าเป้นบริษัทกำมะลอหมายความว่าอย่างไร ผมไม่ได้นิ่งนอนใจครับท่านประธาน กินเงินเดือนประชาชนก็ต้องตรวจสอบให้ท่านหน่อย เพราะเหตุว่า ในการสรรหาบริษัทมารับงานเป็นที่ปรึกษาซึ่งเป็นเนื้องานถึง 4-5 พันล้าน บริษัทนี้จดทะเบียนตามที่ผมพูดถึง ตามเอกสารนี้ ทีนี้ปรากฏว่าก่อนที่จะได้งานไป บทม. ก็ใช้วิธีการออก ทีโออาร์ ให้ได้บริษัทที่มีประสบการณ์ดี มีความรู้ มีความสามารถ เงื่อนไขในทีโออาร์ เยอะแยะมากมายตามเอกสารนี้ แตที่อยากกราบเรียนท่านประธานมากที่สุดคือ มีผลงานไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน ผ่านประสบการณ์มาร่วม 10 ปี นี่ทีโออาร์
บริษัทควอเตอร์เทคก็เสนอผลงานเลยทั้งที่รู้ว่าได้งานอยู่แล้ว เสนองานมาทั้งหมด 15 รายการ 58 ล้านเหรียญสหรัฐ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ อะไรมากมาย ผ่านงานสนามบินมาเยอะ ผมขอสุ่มตัวอย่างทำหนังสือสอบถามไปที่สนามบินเมลเบอร์ ออสเตรเลีย ควอเอตร์เทค เคยผ่านงาน ในการจัดทำระบบที่สนามเมเบอร์หรือไม่ เขาตอบมาตามนี้ครับท่านประธานครับ เขาบอกว่าเขาไม่เคยรู้จัก ไม่มีผลงาน ถามต่อยังสนามบิน ซอนเลกวิตี้ รู้จักไหม มีผลงานไหม เขาบอกว่าไม่รู้จัก ไม่มีผลงาน ถามต่อไปที่สนามบินชิคาโก อิลีนอย รู้จักไหม เขาบอกว่าไม่รู้จัก ไม่มีผลงาน
เรียกว่าร่วมกันปล้นเงินของประชาชนไป 45 ล้าน ก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย เพราะเหตุว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีผลงาน อาจจะอ้างว่าการจ้างบริษัทที่ปรึกษาเอาแค่พนักงานแค่คนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นตัวหลักก็พอแล้ว ซึ่งอย่างนี้ถือว่าทีโออาร์ชัดๆ ท่านประธานครับนี่คือสิ่งที่ผมต้อวงกราบเรียนท่านประธาน โดยสรุปที่ผมพูดถึงทั้งหมดนี้ ก็คือเปลี่ยนเนื้องาน ยืมมือบริษัทต่างชาติล็อคสเปก กลบเกลื่อน ใช้เอกสารเท็จหลอกลวงประชาชน
ท่านประธานครับท่านได้บอกว่าท่านได้จัดจ้างจัดซื้อกับไอทีโอ ด้วยวิธีวารีเอชั้น ออเดอร์ แล้วก็จ้างพอลโทลเททด้วยความเชื่อมั้นในฝีมือของมิสเตอร์อูเล่ย์ วันนี้ท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จครับ 377 เสียง ขาดคุณธรรมหรือไม่ พี่น้องประชาชนฟังเอาแล้วกัน 4 ปีที่ผ่านพูดอะไรคนอาจจะเชื่อ แต่ 4 ปีหลังนี้เขาไม่เชื่อ
ประเด็นที่ 4 อ้างความรวดเร็ว งานทุกอย่างไม่มีการประมูล หลอกลวง สร้างภาพ การประมูลจัดซื้อระบบซีทีเอ็กซ์วงเงินงบประมาณ 4,500 ล้านบาท มีการตรวจสอบหรือไม่ อ้างวความรวดเร็วเพื่อให้ประชาชนมองว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพ บริหารเก่ง ถ้าจะจัดจ้างจัดซื้อบริษัทที่เข้ามาประมูลงานกลัวถูกตรวจสอบ ประกาสมาตลอดเวล่าว่าสายการบินทุกสายต้องใช้สนามบินแห่งนี้ ในวันเปิดวันแรก เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้โดยสารเที่ยวแรก 29 ก.ย. 48 ถ้าหากว่าไปไม่ได้มีประชาชนรออยู่เท่าไหร่ และหากการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จทันตามกำหนด ใครจะรับผิดชอบ
ปมพิรุธข้อที่ 5 สิ่งที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับข้อพิรุธที่ 4 ท่านเปรมชัยเคยออกมาใช้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากทำงาน และผู้ที่ทำหน้าที่เลือกซีทีเอ็กคือบทม. ไม่ใช่ไอทีโอ 9 ต.ค.46 มีการเยี่ยมชมเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่ดอนเมือง เสี่ยเชบอกว่าการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็ก9000 เป็นการดำเนินการไปตามที่ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ระบุว่าที่ปรึกษาผู้นี้ไม่มีบทบาทดังกล่าว ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลกระผมไม่สามารถไว้วางใจท่านรัฐมนตรีได้ครับ ขอบคุณครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2548--จบ--
ประเด็นแรก ท่านได้หยิบยกเอาการปรับปรุงสายการบินที่บอกว่ามี 4-5 สนามบินที่มีการปรับปรุงและใช้เงินท่านบอกว่าแพงกว่าการก่อสร้างใหม่ของสนามบินสุวรรณภูมิ ประเด็นที่ สอง ผมย้อนไปยังญัตติซักนิดหนึ่ง ว่าเป็นการยื่นเพื่ออภืปรายว่าท่านบกพร่อง ผิดพลาดจนเกิดการทุจริต ในโครงดารระบสายพาน และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด หลังจากนั้น เมื่อมีข่าวว่าทุจริตเกิดขึ้นท่านกลับละเลยไม่ใส่ใจ กับเหตุการณ์ หรือดำเนินการให้มีการตรวจสอบ เพื่อให้ได้คนผิดมาลงโทษแต่ยังมีพฤติกรรมในการปกป้องการกระทำที่ผิดพลาดของตนเองและพวกพ้อง นั้นคือกรอบของญัตติ
ที่สำคัญที่สุดที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯมาคือการทำสัญญาแทนที่จะซื้อตรงกับบริษัทผู้ผลิต แต่ทางบทม.โดยการกำกับของท่าน ทำสัญญาอ้อมถึง 3 ช่วง นั้นคือเราซื้อจากไอทีโอ ไอทีโอไปซื้อที่แพทธิออท และแพทธิออทไปซื้อที่อินวิชั่น เกิดช่วงสัญญา ถึง 3 ช่วงขึ้นมา กระผมจะเรียกง่ายให้ประชาชนทางบ้านได้เข้าใจนั้นคือเกิดการขุดบ่อล่อเงินกันถึง 3 เด้ง ในช่วงนี้ละครับที่พยายามที่จะอธิบายว่ามีค่าอะไรต่างๆ ซึ่งมีเยอะมาก ทั้งที่จีอีอินวิชั่นได้ทำหนังสือมายังผู้ตรวจราชการคมนาคมว่าทั้งหมด 35.8 ล้านเหรียญ จึงขอให้ประชาชนจับตาเป็นผู้ตัดสินการชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ท่านประธานครับทั้งหมดทั้งปวงในเรื่องที่เกิดขึ้นผมขอตั้งชื่อเรื่องของการอภิปรายครั้งนี้ว่ามีปมพิรุธในวงจรการบริหารหารเมือง เรื่องCTX 9000 ซึ่งมีปมพิรุธ 5 ปม1.ปกป้อง บิดเบือน 2.ยึดการเหินฟ้าถามหาใบเสร็จ 3.การบริหารการทุจริต4.อ้างความรวดเร็วงานทุกอย่างจึงไม่มีการประมูล 5.หลอกลวง สร้างภาพ สุดท้ายไท่ได้ทำอะไรเลย
องค์ประกอบที่ 1 ผมขอตั้งคำถามว่ามีการโกงกันจริงหรือไม่ อย่างไร ท่านประธานครับ เนื่องจากประชาชนได้จับการทุจริตได้คาตา มีการตั้งคระกรรมการขึ้นมาแถลงแล้ว แถลงอีก อธิบายแล้ว แต่พี่น้องประชาชนก็ยังคาใจ ทั้งนี้หากรัฐธรรมนูญไม่มีข้อจำกัดไว้คงต้องมีการต้องข้อกล่าวหาแน่ๆ ด้วยข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญพวกเราจึงไม่สารถอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นทุจริตได้ ส่งผลให้มีเสียงวิพากษ์วิ จารณ์จากประชาชน และหลายฝ่ายผ่านสื่อ ผมต้องขอยกย่องหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจวันที่ 25 เม.ย.48 ที่นำข่าวเรื่องนี้เผยแพร่
กระผมเองก็ได้ตั้งกระทู้สดถามในสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลุกขึ้นมาตอบโดยอ้างจดหมายของที่ปรึกษา (นายธีระวัฒน์ ศรีฉัตราภิมุข) เอามาอ่านในสภา ว่าไม่มีการทุจริตฯ เป็นการพูดเองเออเอง ในหนังสือฉบับนั้นผมขอกราบเรียนท่านประธานว่าในหนังสือเขียนว่ารีสคอนแทค หากคุณมีปัญหาอะไรสอบถามมาได้
จนกระทั้งวันนี้มิสเตอร์ ก้ไม่ยืนยันว่าได้พูดเช่นนั้นจริง สิ่งนี้ผมถือว่ามีการบิดเบือนปกป้อง
ประเด็นต่อไปหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ นายกฯ ได้นำหนังสือของบริษัทจีอี อินวิชั่นมาอ่านออกอากาศฟัง เพื่ออธิบายว่าใม่มีการทุจริต ไม่มีการรับสินบน แต่ท่านคงลืมไปว่าจีอีฯคือผู้ขายสินค้าที่ถูกฟๆองว่าให้หรือยอมจะให้สินบนข้าราชการและนักการเมืองไทย และจำเลยคนน้ได้สารภาพในศาลแล้วว่าได้ให้สินบน ได้กระทความผิดตามที่ฟ้องจริง
ท่านประธานครับ นายกฯก็พยายามบอกว่าจะไม่ซื้อ โดยท่านอ้างเอาความรักชาติบ้าง หรือบางครั้งก็บอกว่าจะซื้อตรง ซึ่งเป็นเพียงการพูดไปวันๆ ทำให้ประชาชนสับสน
หลังจากนั้นอีกไม่เท่าไหร่มีนักการทูตที่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อ ถึงแม้พณฯ ท่านจะบอกว่าเป็นการแถลงข่าวในสถานฑูต ซึ่งเป็นแผ่นดินของสหรัฐฯ แต่หากแน่จริงต้องกล้าที่จะเปิดเผยชื่อ แต่ไม่เช่นนั้นโดยมีการเชิญสื่อมวลชนเพียงบางสื่อ หลังจากนั้นนายกฯได้ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเรื่องนี้ แต่ องค์ประกอบของคณะกรรมการ โดยมีนายบุณศักดิ์ เทียมปรีชา ซึ่งไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ เพราะ2545 อธิบดีท่านนี้ได้รับแต่งตั้งจากท่านสุริยะ ในสมัยท่านเป็นรัฐมนสตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยุคก่อน ให้ทำการทำการสอบสวนเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บค่าโดยสารบนมอร์เตอร์เวย์ ในครั้งนั้นปรากฎว่าไปเอาโรงสีที่ทำธุรกิจรับเหมาระดับ 3 ของกรมทางทางหลวงมาทำหน้าที่ติดตั้งคอมพิวเตอร์ ซึ่งไม่มีความรู้ ปรากำหว่าคอมฯใช้ไม่ได้ จึงเกิดการทุจริตในการเก็บค่าผ่านทาง ท่านสุริยะจึงนำเอาทหารจำนวนมากมายืนนับรถ ตรวจเช็ค สร้างภาพคอรัปชั้น
ที่สำคัญท่านบุญศักดิ์ เจียมปรีชา ได้สอบและสรุปในการเป็นกรรมการในครั้งนั้นว่าท่านอธิบดีกรมทางหลวงขณะนั้นซึ่งเป็นเจ้าของงาน เจ้าของเรื่อง ไม่ผิดเนื่องจากเซนอนุมัติไปตามข้าราชการผู้น้อยเสนอมา ผลงานในอดีตเป็นที่ประทับใจรัฐมนตรี นั้นคือความไม่น่าเชื่อถือของการเป็นคณะกรรมการในการสอบสวนเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นในระหว่างที่ทำงาน หรือก่อนเข้าไปทำงานของคณะกรรมการ ท่านนายกฯก็ดี นายสุริยะก็ดี บอกว่าไม่การรับสินบน ทำให้ผลการสอบสวนจบลงตกตามที่ตั้งธงของนายกฯ
นอกจากนั้นผมได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด วิธีการค้นหาว่ามีการทุจริตหรือไม่ ควรถามไปที่ใคร ผมก็เขียนจดมหายส่งไปที่ฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ส่งไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุตธิรรมสหรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ของอเมริการ และเลขาฯ กลต. เขาบอกว่าวิธีการถามหาข้อมูลที่เป็นความจริงนั้น อย่าใช้วิธีการของคณะกรรมการที่ทำอยู่ นั้นหมายถึงการใช้วิธีการผ่านสนธิสัญญา แล้วจะได้ข้อมูลทั้งหมด นี่คือสิ่งที่รัฐบาล หรือรัฐมนตรีควรจะดำเนินการให้ถูกช่องทาง
และถามว่าเมื่อเกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นในกระทรวงคมนาคมนั้นท่านรัฐมนตรีรู้วิธีการที่จะดำเนินการความจริงเพือ่เอาผู้กระทำผิดมาลงโทษ จะบอกว่าไม่ทราบไม่ได้ เพราะท่านคือรัฐมนตรี ดังนั้นปมพิรุธที่ผมจะสรุปคือ 1.ท่านตอบกระทู้ถามสดโดยอ้างคำพูดของท่นผู้ช่วยฑูตด้านพาณิชย์ แต่ฑูตท่านนั้นไม่ได้ยอมรับว่าเป็นจริงตามที่อ้างไว้ในกฎหมายหรือไม่ อ่านจดหมายของจีอีฯ จำเลยออกอากาศก็ไม่น่าเชื่อถือ นักการฑูตนิรนามที่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อยิ่งทำให้เกิดความพิรุธยิ่งขึ้น ตั้งกรรมการสอบสวน ก็องค์ประกอบของคณะกรรมการสอบสวน ไม่น่าเชื่อถือ
ท่านประธานครับต่อไปนี้เป็นปมพิรุธที่ 2 ในการถามหาใบเสร็จ ยุทธการณืในการถามหาใบเสร็จ ถามว่าเมื่อมีคระกรรมการแล้ว รัฐบาลหรือท่านรัฐมนตรีเดินในแนวทางไหน แต่ขอให้ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมที่ชื่อสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ช่วยตั้งคำถามให้หน่อย นี่คือหนังสือที่ทางกระทรวงยุติธรรมพิมพ์ไปเรียบร้อย ตั้งคำถามไปตามนี้ แล้วส่งให้กระทรวงการต่างประเทศประทับตรา เขาเรียกว่าหนังสือประทับตารา ดุลพินิจ ความเฉลียวฉลาดของกระทรวงการต่างประเทศไม่มีสิทธิ์ ใช้ เป็นการมัดคำถามไปโดยปลัดกระทรวงกับคณะจากกระทรวงยุติธรรม ท่านประธานครับมัดและเพื่อให้ได้คำตอบตามที่ต้องการถามไปว่า ถามไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ท่านพบหลักฐานการจ่ายเงินที่ผิดปกติโดยอินวิชั่นบ้างหรือไม่ ท่านครับเมื่อถามไปเช่นนี้ เขาก้ต้องตอบมาตามคำถามที่ถูกล็อก ว่าเขาไม่พบ แต่ว่าถ้าถามว่ามีการให้หรือรับสินบนกันหรือไม่เขาก็ต้องตอบว่ามีคำรับสารภาพแล้ว กระผมขอย้ำอีกทีว่า เงินทุจริตคอร์รัปชั่นกันนั้น จ่ายกันในเมืองไทย ไม่ได้จ่ายที่สหรัฐอเมริกา ดังนั้นเมื่อถามมัดคำถามไปเช่นนี้ คำตอบก็ได้เช่นนี้ เขาตอบมาเมื่อ 8 มิ.ย. 2548 นั่นคือการมัดคำถามเพื่อให้ได้คำตอบตามที่ต้องการ
ถามต่อไปว่ากระบวนการถามถามอย่างไร ผมบอกแล้วว่ารัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามว่าด้วยสนธิสัญญาความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางอาญา ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2529 และนอกจากนั้นประเทศไทยก็ได้ออกพระราชบบัญัติ ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาไว้ตั้งแต่ปี 2535 และถามว่าเรื่องของการทุจริตให้สินบนเราจะใช้ช่องทางไหน ช่องทางที่ท่านเลือกใช้เป็นช่องทางของวิธีการทางการทูต ไม่ได้ใช้ช่องทางของการตรวจจับการทุจริต
ท่านประธานครับเรื่องนี้เป็นเรื่องการทุจริตนะครับ เป็นความผิดทางอาญานะครับ เพราะฉะนั้นช่องทางที่ถูกต้อง ต้องใช้เช่องทางสนธิสัญญาไม่ใช่ใช้ช่องทางนี้ ให้ได้คำตอบนี้ ท่านประธานครับท่านปลัดกระทรวงเป็นใคร จึงล็อกคำถามได้เป้นที่ถูกใจท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ประเด็นแรกเอกสารที่ผมมีอยู่ในมือ คณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทยมหาชน ท่านสมชาย วงศ์สวสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นคณะกรรมการอยู่ด้วย คือบริษัทที่ซื้อซีทีเอ็กซ์ 9000 ท่านอาจจะเข้ามาตรงไหนก็สุดแล้วแต่ของการเป็นกรรมการ แต่รับรู้รับทราบเรื่องนี้ นับตั้งแต่ท่านเข้ามา ประวัติของท่านนะครับ ท่านเป็นผู้พิพากษา มาหลายปีทีเดียว เป็นรุ่นนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ของผมเรียนเก่งครับ มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย เขียนคำถามเพื่อให้ได้คำตอบไม่ยาก ที่สำคัญที่สุดท่านเป้นน้องเขยของท่านนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ทางด้านเครือญาติอีกครึ่งหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดท่านเป็นกรรมการของท่าอากาศยานไทย มาดูแลผลประโยชน์ให้กับท่าอากาศยานไทย กับการทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนมันขัดกันอยู่ครับ เพราะเรากำลังกล่าวหาบริษัทนี้ ท่านเป้นกรรมกาบริษัทนี้ก็ต้องพิสูจน์ ให้เห็นว่าท่านอยู่ข้างประชาชนหรือว่าอยู่ข้างไหน กันแน่ ต้องขออภัยที่ท่านไม่อยู่ในห้องประชุม นี้ แต่ต้องให้ท่านรัฐมนตรีช่วยตอบแทนท่านแล้วกัน
ท่านประธานครับหลังจรากนั้นก้ปรากฏว่ามีการดิ้นรนกันมากมาย ช่องทางก็ไม่ใช้ อะไรก็ไม่ใช้แล้ว ผมขอกราบเรียนท่านปรานว่า จะดิ้นสักเท่าไรก็ตาม เรื่องมันยังไม่จบมนวันที่ 29 หลังจากลงมติแล้ว เพราะในคำตอบของนางแมรี่ ที่เป็นผู้แทนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐนั้น เขาบอกเอาไว้ว่า เขาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการส่งพยานหลักฐานให้กับเราถ้าถามไปถูกช่องทาง ตรงนี้สำคัญมาก และที่สำคัญที่สุด คำรับสารภาพของจีอีอินวิชั่น ที่รับสารภาพในศาลแขวงแคลิฟอเนียร์นั้น จะไม่ยุติสหรับตัวบุคคลที่กระทำผิดทางด้านอาญา ก้ต้องมีการสืบสวน สอบสวน ตร่อไป ดังนั้นท่านประธานครับก็ต้องมีหนาวๆ ร้อน ๆกันบ้าง คำตอบก็ตามไปครับ ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งนายคัมภีร์ แก้วเจริญ ท่านอัยการสูงสุด สำนักงานอยู่ที่สำนักงานอัยการสูงสุด เขตพระนคร กรุงเทพ ประเทศไทย ทีนี้มันเกิดอะไรขึ้น จดหมายมันตอบยการสูงสุด นายคัมภีร์ บอกชื่อชัดๆ แต่ปรากฏว่าในวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมาท่านรองอัยการสูงสุด ได้มาตอบคำถามต่อคณะกรรมกาธิการการยุติธรรมสิทธิมนุษยชนที่สภา ท่านบอกว่าท่านไม่เคยเห็นจดหมายฉบับนี้เลย อัยการสูงสุดก็ไม่เคยเห็น
ท่านประธานครับ ยักยอกจดหมายของอัยการสูงสุดเป็นความผิดนะครับ เขาส่งให้ท่านอัยการสูงสุด แต่ผู้รับไว้เบื้องต้นกลับไม่ส่งต่อ กลับเอาไปใช้ใยนการแถลงข่าว ในการสรุปสำนวนเป้นการแสวงหาผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพย์สินที่เป็นจดหมายอันตกมาเป็นอยู่ในความครอบครองของตนเอง นอกจากผิดกฎหมายแล้วยังเสียมารยาทด้วย ประธานครับ แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านประธานครับมาดูต่อ ถ้าท่านจะบอกว่า สงสัยสหรัฐคงเข้าใจผิดส่งผิดที่ จ่าหน้าซองผิดคน ไม่ใช่ครับ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเขามีความั่นใยนเรื่องสนธิสัญญา มีความช่ำชองในเการบังคับใช้กฎหมาย และรู้ช่องทาง ว่าจะส่งอะไรให้ใคร เขาไม่ชื่อใจ หรือเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ถึงผู้ประสานงานกลางที่ทำหน้าที่ เอาคนผิดมาเข้าคุก ลากคอคนทุจริตมาประจารณ์
ท่านประธานครับวันที่ 9 มิ.ย.2548 เมื่อเขารู้ว่าจดหมายฉบับนั้นถูกยักยอกไปแล้วเขาส่งไปอีกฉบับหนึ่งถึวนายตระกูล อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ บอกมาอีกว่า ถ้าทางการไทยจะเอาคนผิดมาเข้าคุก ให้เอาพยานหลักฐานจากเขาได้ โดยใช่ชช้ช่องทางของสนธิสัญญา แมร่คนเดิมครับ แต่ภายใต้การกำกับของอัยการอาวุโส เป้นการส่งจดหมายไล่หลังมา เขาอาจจะรู้โดยญาณสำนึก ว่าการแจ้งโดยการใช้ช่องทางผิดในคัร้งที่แล้ว อาจจะถูกยักยอก อาจจะถูกปิดบัง อาจจะเอามาอ้างมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการสรุปของคณะกรรมการจดหมายฉบับนี้ฟ้องและตบหน้า พี่น้องประชาชนคนไทยไม่ใช่เฉพาะรัฐมนตรีนะครับ เขาบอกว่าอะไรเกิดขึ้นในเมืองไทย มีคำรับสารภาพ มีคำพิพากษาว่ามีการให้หรือว่าจะให้สินบน อันเกิดขึ้นในเมืองไทย ผู้ที่จะรับสินบนคือเจ้าหน้าทีของไทยและนักการเมืองของไทย ของนักการเมืองท่านหนึ่ง
ท่านประธานครับจดหมายฉบับนี้ผมดูแล้วรู้สึกสมเพช ตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ยังภาคภูมิใจที่เป็นอัยการเก่า พี่น้องที่เป็นอัยการของผมออกมาตอบคำถามในสภา ในห้องคณะกรรมาธิการวิสามัญของท่านวุฒิ บอกความจริทั้งหมด หลังจากนั้นผมถามอัยการเหล่านั้นว่าจะเอาอย่างไร อัยการเหล่านั้นบอกว่า เราพร้อมเงื้อดาบที่จะเอาคนผิดมาเข้าคุกให้ได้ ขอให้รัฐบาลจริงใจ ใช้เราเป็นหน่วยงานกลางผู้ประสานงานกลางตามกฎหมายเถอะ
กระทรวงคมนาคมก็ออกจดหมายสักฉบับเถอะ แล้วก็ส่งให้อัยการ อัยการจะขอแอพเพนดิกดี วึ่งท่านหัวหน้าพรรคผม ผู้นำฝ่ายค้านพูดไว้ตั้งแต่เช้าว่า ภาคผนวกนั้นจะบอกว่าใครรับเงินใคร จะให้ นั่นเป้นพยานหลักฐานที่ต้องขอ แต่ไปมัดคำถาม คำตอบเขาก็ไม่ให้ เพราะไม่รู้จริงใจขนาดไหน เอาอย่างนี้ดีไหมครับท่านประธานครับ ในเมื่อนักฎหมายฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายกระทรวงคมนาคมอะไรก็แล้วแต่ ตั้งคำถามไปก็ไม่ตรงประเด็น ท่านรัฐมนตรีก็ใช้ผมไหม มอบหมายให้ผมในนามกระทรวงคมนาคม อัยการต่ำสุดอย่างผมนี่แหล่ะ ออกมาแล้ว 10 จะร่างจดหมายเป็นคำถามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐให้ดู แล้วจะได้คำตอบตามที่ต้องการ แต่สิ่งที่น่าอายมากที่สุดคือเอกสารลับฉบับนี้ ที่ผมจะกราบเรียนท่านประธาน เอกสารลับฉบับนี้เป้นการหารือกันนระหว่างเจ้าหน้าที่ในสถานทูตไทยที่สหรัฐอเมริกา กับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ หารือกันครั้งแรกโดยอ้างเอาหนังสือฉบับวันที่ 20 พ.ค. 2548 คือฉบับแรก เพื่อหาช่องทางกันว่าจะหาทางออกดำเนินการอย่างไร เปิดจดหมายเก่าดูสนธิสัญญาดูในสนธิสัญญาที่ลงกันไว้ตามเอกสารนี้ ในข้อที่ 1 พันธะกรณีที่จะให้ความร่วมมือช่วยเหลือเขาเขียนเอาไว้ว่ารัฐภาคีตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามบทบัญญัติแห่งสนธิสัญญฉบับนี้ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวน การฟ้องคดี และกระบวนการอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องอาญา 2(ข) การจัดหาวึ่งเอกสารบันทึกและเอกสารและพยานหลักฐาน 2(ค) การส่งเอกสาร
ท่านประธานครับนี่คือช่องทางที่จะต้องใช้ส่วนพระราชบัญญัติที่ผมพุดถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา 2535 คำจำกัดความในมาตรา4 เขียนเอาไว้ว่า ความช่วยเหลือหมายความว่า ความช่วยเหลือในเรื่องเกี่ยวกับความดำเนินการสืบสวน สอบสวน ฟ้องคดี ริบทรัพย์สิน และการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา และเขียนเอาไว้ว่า ให้อัยดการเป็นผู้ประสานงานกลาง รับคำร้อง ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐบาลไทย และส่งให้ประเทศผู้รับคำร้องในมาตรา 6
ในมาตราที่ 36 เขียนเอาไว้ว่า หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศให้เสนอเรื่องต่อผู้ประสานงานกลาง ท่านประธานครับ ทำไมไม่ใช้ช่องทางนี้ทั้งที่มีคำพิพากษาแล้ว ติดตามฟ้องร้อง ให้หรือจะให้สินบนในเมืองไทยเกิดขึ้นแล้ว แต่พยายามบ่ายเบี่ยง บ่ายเบี่ยงเพื่ออะไร ก็เพื่อปกป้องครับ เพื่อปกปิด เพื่อช่วยเหลือคนกระทำความผิด ท่านประธานครับนี่คือบันทึกคณะกรรมาธิการการยุติธรรมสิทธมนุษยชน 16 มิ.ย. 2538 ประชุมเมื่อเวลา 13.45 น. ไม่ว่าจะเป็นคำพุดของท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คำพุดของท่านรองอัยการสูงสุด ว่าไม่เคยเห็นจดหมายฉบับนี้ปรากฏอยู่ในนี้
ท่านประธานที่เคารพครับ สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าปกป้อง ปกปิด เป็นพิรุธ ถามต่อไปว่า แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เราจะดำเนินการอย่างไร มีการอ้างกันว่า จะขอเอกสาร หลักฐานที่เขาสืบสวนสอบสวนได้นั้นจะต้องมีคดีแจ้งความ กล่าวโทษ ร้องทุกข์ กันเสียก่อน ผมเปิดดูกฎหมายหมด สนธิสัญญาเปิดว้ไม่มีข้อห้ามมาตราไหนที่ต้องเป็นคดีก่อน ที่ห้ามไม่ให้กระทรวงคมนาคมโดยรับมนตรีขอเอกสารการสืบสวน สอบสวน และรับสารภาพในศาลมาตั้งต้นคดีที่นี่ อย่าเบี่ยงเบนประเด็น ท่านข้าราชการบางคนออกมาพูดด้วยความตกใจกลัวจะไม่ได้รับความก้าวหน้า ผมเห็นใจครับ ตัวอย่างมีแล้วในอดีต ข้าราชการคนไหนมีความเป็นอิสระ มีจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต้องมีการถูกกระทำ ขอยกตัวอย่าง ท่านภรากรณ์ สุวรรณรัตน์ ขณะนี้เป็นองคมนตรี ยกตัวอย่างอธิบดีกรมการปกครอง เดี๋ยวนี้มาเป็นกกต. ปริญญา นาคฉัตรีย์ ท่านประธานครับ เพียงแต่บอกว่าไม่มีการกองบัตรเลือกตั้งในภาคใต้เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถูกย้ายจากอธิบดีกรมการปกครองไปทำหน้าที่อะไรรู้ไหม
อยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า ให้รับงานใหญ่ขึ้น มากขึ้น ท่านประธานครับ ท่านปริญญานั่งตบยุง ท่านภากรณ์ต้องลาออก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เห็นเป็นประจักษ์ ที่ผมยกตัวอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นก็ไม่มีข้าราชการคนแหลมออกมาบอกว่า ขอหลักฐานได้เลยนะ เพราะเขากลัวเงาทะมึนที่ดำอยู่ข้างหลัง อำนาจเบ็ดเสร็จที่ไม่มีคุณธรรมครับท่านประธาน ท่านเสนาะ ปลดแล้วซึ่งแอก คนอื่นๆ ล่ะท่านประธานครับปมพิรุธในเรื่องนี้เริ่มด้วยการตั้งคำถาม พิรุธในการตั้งคำถาม พิรุธในเนื้อหาของคำถาม พิรุธในการใช้ช่องทางถาม ยักยอกคำถาม ผมขอเขียนคำถามเองได้ไหม ต้องตอบผมนะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมเป็นฝ่ายค้านนะ ต่อไปเป็นปมพิรุธที่ 3 ที่ผมอยากจะกราบเรียนท่านประธาน การบริหารการทุจริตเปลี่ยนแปลงเนื้องาน ท่านบอกว่า ท่านเป้นนักปฏิบัติไม่ใช้นักพูด ผมถามต่อไปว่า ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไหมท่านต้องพิสูจน์ด้วยเนื้องาน ด้วยผลงาน พูดอย่างเดียวไม่ได้ บอกคนอื่นยังไม่พอ ทีนี้เนื้องานที่พยายามเพิ่มคือการรองรับผู้โดยสารในสนามบินจาก 30 ล้านเป็น 45 ล้าน ตรวจจับวัตถุระเบิดและยาเสพติดได้ 100% สำหรับระบบนี้อ้างเปิดใช้บริการ 29 ก.ย. 2549 ท่านประธานครับหลังจาก 11 ก.ย.2544 มีการขับเครื่องบินชนตึกสูงในสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาเป็นห่วงความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นในประเทศเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินทีบินไปในน่านฟ้าของสหรัฐ ไม่ว่าสายการบินนั้นจะเป็นของสหรัฐหรือของชาติอื่น จะต้องตรวจสอบกันอย่างละเอียดพื่อให้เกิดความปลอดภัยไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าประเทศไทยกำลังจะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ เขาก้ถามมายังรัฐบาลไทยมาขณะนั้น ท่านนายกฯ ทักษิณ เป็นนายกฯ ท่านสุริยะเป็นรัฐมนตรี บอกว่าสหรัฐอเมริกาจะให้ความช่วยเหลือเอาไหม ส่งบริษัทผู้เชี่ยวชาญมาทำการศึกษา ระบบให้ได้อเมริกันสแตนดาร์ด หรือที่เรียกว่า มาตรฐานอเมริกาครับท่านครับ รัฐบาลไทยบอกว่าได้ซิ แล้วค่าใช้จ่ายล่ะ อเมริกาบอกว่าผมออกเอง ยูไม่เกี่ยวไม่เป็นไร ดังนั้นเขาก็ส่งบริษัทเอเอสไอ มาทำการศึกษา นำโดยนายบิลลี่ เฮ็ด วินเซ็น มาทำการศึกษาในระหว่างที่ออกแบบการศึกษามีหลายท่านได้พูดแล้ว แต่ผมขอพูดว่า นายบิลลี่ วิลเซ็น ถูกล็อบบี้ โดยตัวแทนของอินวิชั่นหลายครั้ง และมีการบอกว่าคุณจะออกแบบศึกษาอย่างไรก็แล้วแต่มีการจ่ายเงินให้กับผู้มีตำแหน่งสูงในรัฐบาลไทยแล้ว
ท่านประธานครับ ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน คือ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ผมได้ใช้บริการท่าน ภายใต้ความเห็นชอบของท่านสุวโรช พะลัง บอกว่า ช่วยมีหนังสือเชิญนายวินเซน มาให้ถ้อยคำที่สภาไทยหน่อย ส่งหนังสือไป เขามาครับ แต่คณะกรรมการที่ท่านตั้ง ไม่กล้าเชิญ หรือไม่รู้ว่าจะเชิญหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่เชิญ เพราะเขาตอบผมเลยว่าไม่เชิญ เดินทางมาเมืองไทย ให้ถ้อยคำกับคณะกรรมาธิการเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2548 พร้อมด้วยเอกสารการศึกษาและคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรไว้กับคณะกรรมาธิการครับ ผมกลัวว่าท่านจะแย้วงว่า เป็นเอกสารเท็จ ผมให้เซ็นชื่อไว้ทุกแผ่น และยิ่งกว่านั้น ก็ให้ถ่ายพาสปอร์ต และให้เซ็นชื่อกำกับเอาไว้ บิลลี่ เฮ็ด วินเซน ถ้าสงสัยผมส่งให้ได้ ในเนื้อหาการพูดคุย กันทั้งหมดร่วม 3 ชม. ผมได้ทำวีดีโอลงซีดี เดี๋ยวจะให้ท่านประธาน ว่าเขาบอกว่า บทม. กระทรวงคมนาคมเป็นอย่างไร ไม่น่าเชื่อถือได้อย่างไร เล่นแร่แปลธาตุอย่างไร มีใครล็อบบี้เขาบ้าง มีใครได้รับเงินแล้วบ้าง แต่เขาไม่กล้าระบุชื่อ เขาบอกว่า เขามีความเป็นมารยาททีทจะไปให้การในศาลที่แคลิฟอร์เนียและเอฟบีไอ แต่ถ้าทางการไทยต้องการสอบสวนเขา ท่านรัฐมนตรีครับให้หน่วยงานกลางเชิญตัวเขาเลย แล้วเขาจะพูดความจริง แล้วผมจะต้องแจกนักข่าวด้วย
ท่านประธานครับในการพูดวันนั้น 1. เขาบอกว่า ระบบที่เรานำมาใช้ที่มีปัญหาที่เรานำมาใช้อยู่ในขณะนี้เป็นระบบที่แพงที่สุด และมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด อันนี้ผมำไม่มีความรู้ทางเทคนิค ท่านต้องชี้แจงข้อกล่าวหาของนายวินเซนจริงหรือไม่จริง แต่เขากล้ายืนยันมาเป็นพยานให้ และที่สำคัญที่สุดเขาบอกว่า เขาถูกล็อบบี้จากนายช. ซึ่งเป็นตัวแทนของอินวิชั่น รับเขาไปตีกอล์ฟ ห่างจากกรุงเทพประมาณ 20 ไมล์ เอาใจด้วยการจองล็อกเกอร์อันดับที่ 3 อันดับที่ 1 ก็คือ ไทยเกอร์วูด อันดับที่ 2 ก็คือ แม่ของไทยเกอร์วูด อันดับ 3 ให้เขา ในขณะที่เดินทางไปด้วยกัน ซึ่งรับเขาที่โรงแรมโนโวเทล บางนา ล็อบบี้ไปตลอดทาง กลับมาก็ล็อบบี้อีก แต่เขาไม่ยอม เขาบอกว่าเขาจะทะทำหน้าที่เป็นผู้ศึกษา ให้ใช้ระบบที่เป็นกลาง ให้ใช้เครื่องที่เป็นกลาง เอื้ออำนวยให้กับบริษัทหนึ่งบริษัทใด ยี่ห้อหนึ่งยี่ห้อใดไม่ได้
ท่านประธานครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ปรากฏอยู่ในเอกสารนี้ทีนี้เรามาดูว่าเรื่องนี้เขาทำกันอย่างไร ในระหว่างการศึกษาของผมเมื่อสรุปแลวว่า บิลลี่ วินเซน กล้ายืนยันความจริง ว่ามีการล็อบบี้ และเขาบอกกับผมว่า ปรากฏตามหนังสือนี้นะครับ บอกว่า มีการล็อกสเปกมีการใช้อินวิชั่นตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค. และมิ.ย. 2546 แล้ว คุณศึกษาให้เหนื่อยเปล่า แต่อย่างไรก็ตามเขาศึกษาเรื่องนี้มาตลอด เมื่อรู้ว่าระบบในการจัดจ้างจัดซื้อ ซีทีเอ็กซ์ 9000 เป็นปัญหา มีการทุจริต เขาจะต้องขึ้นศาลที่สหรัฐอเมริกา เมื่อทางฝ่ายไทยเรา ฝ่ายนิติบัญญัติของเรามีหนังสือเชิญไป เขาบินมาทันทีครับ ก็เขารู้ว่าจะเป็นปัญหาต่อประชาชนคนไทย 65 ล้านคน ไม่ใช่เป็นปัญหาเป็นพิษกับตัวท่านรัฐมนตรีคนเดียวหรือผู้บริหารบทม. เท่านั้นนะครับ นี่คือน้ำจิตน้ำใจของฝรั่งบางคนที่เห็นแก่ความโปร่งใส เห็นแก่ความถูกต้องจึงมาให้ความร่วมมือกับรัฐสภาไทย
ท่านประธานครับในระหว่างที่ผมได้พูดคุยเขาบอกว่า ทั้งรัฐมนตรีและผู้บริหารบทม. เอาหลังพิงบริษัทที่ปรึกษาที่เรียกว่าควอเตอร์เทค เพื่อนผมหลายคนบอกว่าเป็นบริษัทกำมะลอ จดทะเบียน 8 มิ.ย.2546 ใช้ชื่อเอสดีดี 12 ส.ค. 2546 เปลี่ยนชื่อ จดทะเบียนได้ 3-4 เดือนก็รับงานแล้ว เซ็นสัญญากันชิ้นแรกเมื่อเดือน8 ม.ค.2547 เซ็นสัญญาฉบับที่ 2 30 ก.ย. 2547 รับเงินไปเหนาะๆ 45 ล้านบาทโดยประมาณ ก็ถามต่อไปว่าบริษัทควอเตอร์เทคที่ทุกคนบอกว่าเป้นบริษัทกำมะลอหมายความว่าอย่างไร ผมไม่ได้นิ่งนอนใจครับท่านประธาน กินเงินเดือนประชาชนก็ต้องตรวจสอบให้ท่านหน่อย เพราะเหตุว่า ในการสรรหาบริษัทมารับงานเป็นที่ปรึกษาซึ่งเป็นเนื้องานถึง 4-5 พันล้าน บริษัทนี้จดทะเบียนตามที่ผมพูดถึง ตามเอกสารนี้ ทีนี้ปรากฏว่าก่อนที่จะได้งานไป บทม. ก็ใช้วิธีการออก ทีโออาร์ ให้ได้บริษัทที่มีประสบการณ์ดี มีความรู้ มีความสามารถ เงื่อนไขในทีโออาร์ เยอะแยะมากมายตามเอกสารนี้ แตที่อยากกราบเรียนท่านประธานมากที่สุดคือ มีผลงานไม่ต่ำกว่า 500 ล้าน ผ่านประสบการณ์มาร่วม 10 ปี นี่ทีโออาร์
บริษัทควอเตอร์เทคก็เสนอผลงานเลยทั้งที่รู้ว่าได้งานอยู่แล้ว เสนองานมาทั้งหมด 15 รายการ 58 ล้านเหรียญสหรัฐ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ อะไรมากมาย ผ่านงานสนามบินมาเยอะ ผมขอสุ่มตัวอย่างทำหนังสือสอบถามไปที่สนามบินเมลเบอร์ ออสเตรเลีย ควอเอตร์เทค เคยผ่านงาน ในการจัดทำระบบที่สนามเมเบอร์หรือไม่ เขาตอบมาตามนี้ครับท่านประธานครับ เขาบอกว่าเขาไม่เคยรู้จัก ไม่มีผลงาน ถามต่อยังสนามบิน ซอนเลกวิตี้ รู้จักไหม มีผลงานไหม เขาบอกว่าไม่รู้จัก ไม่มีผลงาน ถามต่อไปที่สนามบินชิคาโก อิลีนอย รู้จักไหม เขาบอกว่าไม่รู้จัก ไม่มีผลงาน
เรียกว่าร่วมกันปล้นเงินของประชาชนไป 45 ล้าน ก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย เพราะเหตุว่าเป็นบริษัทที่ไม่มีผลงาน อาจจะอ้างว่าการจ้างบริษัทที่ปรึกษาเอาแค่พนักงานแค่คนหนึ่งมาทำหน้าที่เป็นตัวหลักก็พอแล้ว ซึ่งอย่างนี้ถือว่าทีโออาร์ชัดๆ ท่านประธานครับนี่คือสิ่งที่ผมต้อวงกราบเรียนท่านประธาน โดยสรุปที่ผมพูดถึงทั้งหมดนี้ ก็คือเปลี่ยนเนื้องาน ยืมมือบริษัทต่างชาติล็อคสเปก กลบเกลื่อน ใช้เอกสารเท็จหลอกลวงประชาชน
ท่านประธานครับท่านได้บอกว่าท่านได้จัดจ้างจัดซื้อกับไอทีโอ ด้วยวิธีวารีเอชั้น ออเดอร์ แล้วก็จ้างพอลโทลเททด้วยความเชื่อมั้นในฝีมือของมิสเตอร์อูเล่ย์ วันนี้ท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จครับ 377 เสียง ขาดคุณธรรมหรือไม่ พี่น้องประชาชนฟังเอาแล้วกัน 4 ปีที่ผ่านพูดอะไรคนอาจจะเชื่อ แต่ 4 ปีหลังนี้เขาไม่เชื่อ
ประเด็นที่ 4 อ้างความรวดเร็ว งานทุกอย่างไม่มีการประมูล หลอกลวง สร้างภาพ การประมูลจัดซื้อระบบซีทีเอ็กซ์วงเงินงบประมาณ 4,500 ล้านบาท มีการตรวจสอบหรือไม่ อ้างวความรวดเร็วเพื่อให้ประชาชนมองว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพ บริหารเก่ง ถ้าจะจัดจ้างจัดซื้อบริษัทที่เข้ามาประมูลงานกลัวถูกตรวจสอบ ประกาสมาตลอดเวล่าว่าสายการบินทุกสายต้องใช้สนามบินแห่งนี้ ในวันเปิดวันแรก เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้โดยสารเที่ยวแรก 29 ก.ย. 48 ถ้าหากว่าไปไม่ได้มีประชาชนรออยู่เท่าไหร่ และหากการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จทันตามกำหนด ใครจะรับผิดชอบ
ปมพิรุธข้อที่ 5 สิ่งที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับข้อพิรุธที่ 4 ท่านเปรมชัยเคยออกมาใช้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากทำงาน และผู้ที่ทำหน้าที่เลือกซีทีเอ็กคือบทม. ไม่ใช่ไอทีโอ 9 ต.ค.46 มีการเยี่ยมชมเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่ดอนเมือง เสี่ยเชบอกว่าการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็ก9000 เป็นการดำเนินการไปตามที่ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ระบุว่าที่ปรึกษาผู้นี้ไม่มีบทบาทดังกล่าว ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลกระผมไม่สามารถไว้วางใจท่านรัฐมนตรีได้ครับ ขอบคุณครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2548--จบ--