นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ผมอยากจะกราบเรียนท่านประธานอย่างนี้นะครับว่า การเสนองบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลในปีนี้รัฐบาลได้จัดทำงบประมาณในลักษณะที่ยึดถือยุทธศาสตร์เป็นหลัก ซึ่งมีทั้งหมด 9 ยุทธศาสตร์ แทนที่จะยึดถือการปฏิบัติหรือยึดถืองานของกระทรวง ทบวง กรม เหมือนในอดีต ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ การที่เรายึดถือ กระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ มาเป็นยุทธศาสตร์ เพียงแต่ว่าผมมเองมีความรู้สึกว่า ผมเป็นห่วง เป็นห่วงในประเด็นที่ว่า รู้สึกว่าคนทำงบประมาณทำกันไป ส่วนพวกที่ปฏิรูปหน่วยราชการก็ปฏิรูปกันไป รู้สึกว่ามันจะไม่สัมพันธ์กันแล้วจะเกิดปัญหา ก็ประเทศเดียวกันก็เป็นห่วงกันได้ เพราะคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กพร. จนป่านนี้แล้วก็ยังหันรีหันขวางอยู่ ยังไม่จบว่ากรมไหนจะอยู่กระทรวงไหน จะเหลือกี่กระทรวง เท่าที่ฟังน่าจะจบเดือนตุลาคม แต่ถ้าไม่จบในเดือนตุลาคมก็จะยิ่งมีปัญหามาก แม้จบเดือนตุลาคมก็จะยังมีปัญหาอยู่ที่มีปัญหาก็เพราะว่า เราจัดงบประมาณตามยุทธศาสตร์เหมือนอย่างที่ผู้แทนราษฎรเชาวลิต มหาจันทร์ พูด การจัดยุทธศาสตร์บางทีมันมีหลายกระทรวงในการทำยุทธศศาสตร์ เช่น เรื่องน้ำ มันต้องหลายกระทรวง หลายกลุ่ม ที่รับผิดชอบเรื่องน้ำ พอจัดงบประมาณไปแล้ว เราก็ต้องเอางบประมาณเหล่านี้ไปแปะกับกรมต่างๆ ของกระทรวงต่างๆ ซึ่งกรมเหล่านั้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นความรับผิดชอบของตัวเองหรือไม่ เพราะกรมเหล่านั้นไม่รู้ว่าจะขึ้นอยู่กับกระทรวงไหน ก็จะเกิดอาการหันรีหันขวางของกรมไม่ค่อยกล้าใช้งบประมาณ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นนะครับ บางกรมเวลาย้ายจากกระทรวงเอไปกระทรวงบี ขนาดจะต้องเล็กลง เพราะภารกิจน้อยลง ในการปฏิบัติยุทธศาตร์ส่วนนั้น บางกรมขนาดใหญ่ขึ้นต้องโอนข้าราชการจากรมที่เล็กลงไปกรมที่ใหญ่ขึ้น
6 เดือนยังไม่ทันไรเลยครับ สมมุติว่าเราออกมา กพร.สรุปตุลานี้ ก็เข้าครึ่งปี ยังไม่ลงตัวครับ เพราะงบเหล่านี้ที่เราเอาไปแปะไว้อย่างไรก็ต้องผ่านสภานี้อยู่แล้ว แต่ว่าในที่สุดการใช้งบประมาณก็จะไม่มีประสิทธิภาพอีก เพราะท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเตรียมผงซักฟอกไว้ล้างท่ออีกตั้งแต่ปีหน้าได้แล้ว มันเกิดแน่ครับ อันนี้ผมก็เป็นห่วง เตือนตั้งแต่เที่ยวก่อนแล้วว่ามันจะเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นหรือไม่ ผมไม่ขัดข้องและเห็นด้วยยุทธศาสตร์เหล่านี้ เพราะยุทธศาสตร์ทั้ง 9 ข้อมันเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวทั้งสิ้น ตัวยุทธศาสตร์ไหนไม่ใช่ว่าจะแก้ปีสองปีจบนะ ยุทธศาสตร์ขจัดความยากจนอย่างนี้ไม่ใช่ 4ปีคนจนหมด ท่านพูดเล่นพูดได้ แต่ทำจริงมันทำไม่ได้หรอกครับ การแก้ปัญหาความยากจนแก้กันไปชั่วฟ้าดินสลาย ความจนสมบูรณ์หมดแล้วจะต้องแก้ความจนเปรียบเทียบอีก บางคนก็ไม่อยากจะเล็กเชอร์หรอก เพราะนโยบายยุทธศาสตร์นี้มันจะต้องอยู่คู่แผ่นดิน การพัฒนาคนให้มีประสิทธิภาพก็ต้องอยู่คู่แผ่นดินอีกหลายปีกว่าจะทำได้ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข่งขันได้อีกหลายปี โครงการเหล่านี้เป็นโครงการ เป็นยุทธศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาระยะยาวของประเทศ ต้องใช้เวลาหลายปีติดต่อกัน ผมไม่ขัดข้องและก็หลายครั้ง 25 ปีที่ผมอยู่ในสภาแห่งนี้ ได้มีโอกาสลุกขึ้นพูดก็ได้พูดเรื่องปัญหาอย่างนี้มาโดยตลอด ก็ยินดีที่รัฐบาลทำให้เป็นยุทธศาสจตร์ให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ว่าการจัดทำงบประมาณเป็นเรื่องของศิลปะ ว่ามันเป็นเครื่องมือทางการคลัง ต้องการใช้เครื่องมือทางการคลังเราต้องใช้ในการแก้ปัญหาทั้ง 2 อย่าง คือ ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ปัญหาระยะสั้นคือว่า ต้องมำทำนายกันว่า อะไรจะเกิดขึ้นในปีข้างหน้าเพราะเรากำลังพูดเรื่องอนาคต ที่ภาษาลาตินเขาเรียกว่า เอสเซนเต้ เมื่อถึงเวลาเราถึงจะรู้ว่าอะไรมันเกิดขึ้นจริง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องใช้ความรู้ในการวิเคราะห์ ทำนายเหตุการณ์ในอนาคตว่า ปีหน้า 2549 อะไรจะเกิดขึ้นในประเทศ
งบประมาณเป็นเครื่องมืออันหนึ่งในการที่จะรู้ปัญหาจะเกิดขึ้นในปี 2549 งบประมาณนี้เป็นเครื่องมืออันหนึ่งถ้าจับถูกทิศทางมันก็จะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปี 2549 รุนแรงน้อยลง ถ้าจัดไม่ถูก ไม่ช่วยทุเลาปัญหาที่เกิดขึ้นในปี 2549 บางทีอาจจะซ้ำเติมปัญหาให้รุนแรงขึ้น เพราะในหลักการของวันนี้เราพิจารณากันในแง่ของหลักการนะครับ เมื่อพิจารณาในแง่ของหลักการผมไม่มีความจำเป็นต้องลงลึก ในเรื่องกระทรวง บวง กรม ผมพูดเรื่องหลักการ หลักการในการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินผมพูดอาจจะเป็นครั้งที่ 3 ในสภาแห่งนี้ ทุกประเทศทั่วโลก เขาจะมีการวางเป้าหมายในการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน 4 เป้านะครับ ไม่มีหนี 4 เป้านี้
1. เขาจะมาดูว่าการจัดสรรงบประมาณจะทำให้อัตราความเจริญของประเทศในระดับประชาชาติเพิ่มขึ้นเท่าไร
2. มาดูว่าจะสามารถให้ประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
3. ทำให้การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
4. จะมีผลให้เกิดการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ได้อย่างไร
ก็มี 4ข้อนี้ครับ เหมือนกันหมดทั้งโลก เพียงแต่ว่าในแต่ละช่วงเวลาของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล หรือของแต่ละประเทศ เขาจะจัดลำดับความสำคัญของ 4 ตัวนี้ไม่เหมือนกัน บางครั้งรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาก็เอาการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง บางครั้งก็เอาเป้าหมายของอัตราความเจริญขึ้นอันดับหนึ่ง บางครั้งก็เอาเป้าหมายของการกระจายรายได้ขึ้นอันดับหนึ่ง แล้วแต่ปัญหาที่เราจะทำนายกันในปีหน้ามันจะเกิดขึ้นอย่างไร เราก็จัดลำดับความสำคัญอย่างนั้น
ก็ต้องมาดูว่าเท่าที่เพื่อนสมาชิกได้พูดมาทั้งหมดจะเห็นว่าสิ่งที่เราน่าจะเป็นห่วงก็คือว่า อะไรจะเกิดขึ้นในปี 2549 ความเห็นของพวกกระผมมีความเห็นว่า ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในปี 2549 คือ ปัญหาความไร้เสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจ เพราะถ้าจะจัดงบประมาณให้ถูกฝาถูกตัวแล้วมันต้องเอาเป้าหมายว่าด้วยเสถีรภาพและเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่ง ผมว่ารัฐบาลยังเดินทางผิดอยู่ รัฐบาลยังเอาเป้าหมายการเจริญเติบโตเป็นอันดับหนึ่งเหมือน 4 ปีที่ผานมา ยังเหมือนเดิมมอยู่ มองปัญหาไม่เหมือนกันแล้วฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลแต่เราก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ทำไมผมจึงพูดว่าปัญหาความไม่มีเสถียรภาพกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศ ลองดู 3-4 ตัวก็พอครับ ปัญหาราคาสินค้าเป็นอย่างไร ราคาสินค้านเพิ่มขึ้นทุกวัน ปัจจุบันนี้แม่บ้านมีเงิน 100 ไปตลาดไม่ได้แล้ว ต้องมี 200 ไม่ใช่คาวมผิดของรัฐบาลที่ราคาเพิ่มขึ้น ก็ต้องยอมรับไม่ว่าราคาน้ำมนมันเพิ่มขึ้นในตลาดโลกมันก็กระทบกับการผลิตทุกชนิด การขนส่งก็ต้องแพงขึ้น เพระฉะนั้นราคาสินค้าก็ตกหนักไปที่ผู้บริโภค มันก็เลยแพงทั่วไปหมด
หน่วยราชการบางหน่วยก็บอกว่า อาจจะประมาณ 4% ในปีนี้ แต่วาสถาบันการศึกษาบางแห่งก็บอกว่า ถึง 5%บางคนก็บอกอาจถึง 6% ก็แล้วแต่ เมื่อถึงเวลาจบปีก็จะรู้ ว่าปีหน้าก็ยังหน้าเป็นห่วง ทำไมถึงหน้าเป็นห่วงครับ ที่น่าเป็นห่วงก็เพราะว่า ผมไปสัมมนาที่ธรรมศาสตร์กับเพื่อนและอาจารย์ เกี่ยวกับวิกฤติน้ำมัน ประมาณ 50 คน กลุ่มเล็กๆ ซึ่งที่ท่านศาสตราจารย์บางท่านได้รับเชิญไปสหรัฐอเมริกาและไปร่วมประชุมกับนักวิชาการที่สหรัฐอเมริกา แล้วก็มานั่งพูดกับผู้ที่ทำการวิจัยเรื่องผลกระทบกับเศรษฐกิจของน้ำมันในประเทศไทย ที่เขาเห็นพ้องต้องกัน 50 คนในวันนั้นก็คือว่า ราคาน้ำมันในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า ไม่มีโอกาสจะลดลง เหตุผลเพราะว่าประเทศที่อยู่นอกกลุ่มโอเปก เช่น เม็กซิโก นอร์เว อังกฤษ รัสเซีย ได้ลงทุนไว้มากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันจากสต็อกของตนเองเลย เพิ่งจะมารู้สึกกระทบตอนนี้เริ่มจะลงทุน เตรียมพร้อมสที่จะผลิตน้ำมันให้มากขึ้น ประเทศที่นอกกลุ่มประเทศโอเปก แต่ว่าการผลิตน้ำมันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีถึงจะสามารถทำการผลิตได้ ส่วนประเทศโอเปก เขาไม่คิดเรื่องราคาหรอก และไม่คิดจะเพิ่มปริมาณหรอกเพราะว่าเป็นความสุขของเขา เพราะราคาน้ำมันมันแพง
เพราะฉะนั้นตรงนี้เราก็ต้องเป็นห่วงร่วมกันว่าราคาน้ำมันมันยังคงแพงอยู่ระดับนี้ 50 กว่าบาเรล/ดอลลาร์ ประเทสไทยน้ำมันจะทะลุ 30 บาท/ลิตรแน่นอน อาจจะเป็นปีหน้า วันนั้นเราพูดไกลกันถึงขนาดว่า ในคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาแห่งนี้มีอนุกรรมการอยู่ชุดหนึ่ง ท่านประธานอนุกรรมการก็เป็นคนของพรรคไทยรักไทยตั้งใจทำงานมาก เป็นห่วงกันเรื่องนี้ เรื่องน้ำมัน
เป็นห่วงเรื่องนี้เรื่องน้ำมันผู้แทนราษฎรเป็นห่วงกัน เชิญเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานบอกว่าสต๊อกน้ำมันทั้งโลกทั้งในโอเปค นอกโอเปครวมกันแล้วโดลนี้จะมีใช้เพียง 41 ปีเท่านั้นเอง ท่านประธานครับ 41 ปี ไม่ถึง 41 ผมว่าไปอีก 25 ปี เกิดสงครามโลกแย้งน้ำมันกัน พวกเราถ้าเผื่อไม่ตายเสียก่อนทันได้เห็นอย่าตายเร็วก่อนแล้วกันได้เห็นน่าเป็นห่วง เพราะนั่นไกลเกินไป 25 ปี แต่พอมาพูดปีหน้าราคาน้ำมันไม่มีโอกาสลดลงมิฉะนั้นความไม่มีเสถียรภาพด้านราคาก็สูงขึ้นนี้เป็นข้อที่ 1 ข้อที่ 2 มาจากเรื่องน้ำมันเมื่อน้ำมันแพงขึ้นไปเท่าตัวเงินตราต่างประเทศที่เราจ่ายไปซื้อน้ำมันมาใช้ในประเทศไทยมันก็ต้องแพงขึ้นมากขึ้นรวมเท่าตัวนี่คือสาเหตุอันหนึ่ง ที่ทำให้ดุลบัญชีการค้าหรือดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มติดลบ
นอกจากการพูดเรื่องราคาน้ำมันที่ท่านเป็นห่วงท่านประธานก็คือว่าอย่างเพื่อนสมาชิกได้พูดของพรรคประชาธิปัตย์ไปบ้างแล้วก็คือว่าอนาคตของเอ็สปอร์ตไม่ค่อยดี 17% ที่วางเป้าไว้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะถึงหรือเปล่า เพราะผมไปดูการวิเคราะห์ของธนาคารโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศไทย วิเคราะห์ไว้ว่าประเทศที่เป็นตลาดลองรับสินค้าส่งออกของเรามีดังต่อไปนี้ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ ประเทศทั้ง 6 กลุ่มรองรับสินค้าออกของประเทศไทย 85% ประเทศเหล่านี้รายได้ประชาชาติจะลดลงมาจาก 4.5%เป็น 3.7% อำนาจที่เขาจะซื้อสินค้าเราก็น้อยลงก็จะซ้ำเติมดุลบัญชีเดินสะพัดอาจจะกระทบกระเทือนไปถึงดุลบัญชีชำระเงิน ถ้าหากว่าการลงทุนจากต่างประเทศไม่เป็นไปตามที่เราตั้งใจเอาไว้ มันมีผลอย่างไรเมื่อดุลบัญชีเดินสะพัดมีผลเมื่อปี 38 39 ก่อนจะมีวิกฤติปี 40 ดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มขาดดุลติดต่อ ๆ ๆ กันความเชื่อมั่นในค่าเงินบาทก็เริ่มหมดลง ๆ ๆ ในที่สุดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจะมีความรู้สึกว่า 40 บาทต่อ 1ดอลล่าร์ อยู่ไม่ได้แล้ว พออยู่ไม่ได้เขาก็เอาเงินบาทแลกเงินดอลล่าร์ไปฝากไว้ต่างประเทศ โดยพาะปัจจุบันนี้ดอกเบี้ยเงินฝากในต่างประเทศสูงกว่าประเทศไทย
ผมไม่เข้าใจว่าธนาคารชาติทำไมดำเนินนโยบายอย่างนี้ ผมไม่เข้าใจ ที่พูดไม่ได้พูดให้รัฐบาลฟังพูดให้ธนาคารชาติฟัง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างนี้มันจะทำให้เงินทุนไหลออก ทำไมไม่ปรับเป็นไปตามดอกเบี้ยของธนาคารโลก ของตลาดโลก อัตราดอกเบี้ยต่ำมันไว้สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลนายชวน หลีกภัย สมัยนั้นผมเป็นรัฐมนตรีอยู่ ท่านเหมาะสมที่จะดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ และเป็นประโยชน์สำหรับรัฐบาลของท่านทักษิณสามารถจะดำเนินนโยบายประชขานิยมด้านต่าง ๆ ได้ เงินบาทมีเสถียรภาพขึ้น ใครจะว่าอย่างไรก็ตามรัฐบาลของท่านชวนตอนนั้นทำให้กองทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 0 เพิ่มขึ้นเป็น 3.7 พันล้าน ทำให้เงินบาทแข็งขึ้น ความแข็งตัวของเงินบาทความมีเสถียรภาพของเงินบาท ถ้ามีเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำเป็นตัวที่จะทำให้เราดำเนินนโยบายมาได้ดีพอสมควรจนถึงปัจจุบัน ท่านก็เป็นรัฐบาลที่มันก็ดีทุกรัฐบาล อย่างพยายามเอาจุดอ่อนมาว่ากัน แต่ว่าที่ผมพูดชี้ให้เห็นว่าความไม่มีเสถียรภาพค่าเงินบาทจะเกิดขึ้นในปี 49 เช่นกัน นั่นตัวที่ 2 ถ้าสภาพเป็นอย่างนี้ใครจะกล้ามาลงทุน ไม่มีใครกล้างลงทุนหรอกครับ ชาติจะอยู่ได้ประเทศต้องมีความสามารถในการบริโภค มีความต้องการ แต่ความต้องการที่จะซื้อธนาคารชาติได้ทำมา ธนาคารชาติได้ทำมาก็คืออัตราการเจริญของดัชนีการบริโภคของภาคเอกชนลดต่ำตั้งแต่เดือนมกราปี 2547 ลดลงมาเรื่อยจนถึงกุมภาปี 48 ลดหัวทิ่ม มหาวิทยาลัยหอการค้าทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดหัวทิ่มมาตลอดในช่วงระยะเดียวกัน แล็บนี้อยู่ในรีพอร์ตของธนาคารโลก
ผมออกมาจากธนาคารโลก เขามีสำนักงานในประเทศไทย เพราะความต้องการภายในประเทศที่จะมีไปถึงปีหน้าถ้าเพื่อสภาพเศรษฐกิจของโลกเป็นอย่างนี้การบริโภคภายในประเทศก็เน่า และความต้องการที่จะซื้อสินค้าเราจากต่างประเทศก็เน่า เพราะว่าการเพิ่มราคาน้ำมันทำให้เกิดสภาพเศรษฐกิจซบเทราในตลาดคู่ค้าของเรา 85% สินค้าส่งออกไป สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อาจมันจะไม่ดีดุลบัญชีเดินสะพัด ผมคิดว่าอาจจะกระทบไปถึงดุลบัญชีการชำระเงิน ถ้ากระทบต่อดุลบัญชีการชำระเงินเมื่อไหร่ก็หมายความว่าเงินดอลลาร์ที่เรามีอยู่ 47 พันล้านที่เราดีใจกันหนักกันหนามันจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ค่าเงินบาทก็จะอยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ก็จะเกิดเหมือนกับปี 40 มองในแง่ร้ายไว้ก่อนดีจะได้หาทางป้องกันเอาไว้จะได้มีเจ็บตัวมากนักถ้าลงระเริงได้ปลื้มและอยู่ในความประมาทอันตราย เพราะเท่าที่ผมชี้ให้ดูเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจในปี 49 ความไร้เสถียรภาพมันรอคอยเราอยู่ เพราะถ้าจะทำงบประมาณแผ่นดินเราต้องเผื่อใจไว้ ถึงบอกว่าเป็นศิลปะว่าต้องใช้งบประมาณส่วนหนึ่งในการดำเนินนโยบายว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เราเรียกว่า เอ็กเซฟตี้ ที่เราทำนายกันถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นในปี 49 งบประมาณนี้จะช่วยลดความรุนแรงที่จะกระทบต่อประชาชน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ 9 อย่างนี้ 9 อย่างนี้ก็ต้องทำ เพราะนี่คือปัญหาระยะยาวของประเทศ ต้องทำที่ผมพูดถ้าเป็นรถ ลดเกียร์ลงมาหน่อย สำหรับปัญหาระยะยาว ลดเกียร์ลงมาจากที่วิ่งเกียร์ 4 ลดมาเกียร์ 3 เกียร์ 2 และแบ่งเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปสร้างภูมิคุ้มกันคือเครื่องประกันกระแทกสำหรับคนที่นั่งในรถ
พี่น้องที่เป็นชาวไร่ชาวนา หรือพี่น้องที่เป็นกรรมกรผมก็จะเห็นว่ามันมีช่องทางที่รัฐบาลจะทำได้ เพราะว่าจากที่พูดกันยุทธศาสตร์รองรับการเปลี่ยนแปลงพลวัฒน์โลกก็หลวม ๆ เปิดโอกาสให้รัฐบาลมีความคล่องตัวในการใช้งบประมาณอยู่แล้ว งบของท่านนายกรัฐฒนตรีงบกลาง 200,000 กว่าล้าน เปิดให้ท่านนายกอยู่แล้วในการที่จะใช้เงินจำนวนนี้ เพื่อมาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อกันกระแทก ถ้าเพื่อเกิดเศรษฐกิจอย่างทมี่ผมว่าในปี 2549 จะต้องเตือนอย่างนี้ เพราะว่าผมเกรงว่าพอถึงจุดขึ้นมารัฐบาลก็จะนำเงินพวกนี้ไปให้ผู้ว่าซีอีโออีก ที่ตั้งไว้ 40,000 ล้าน เพิ่มไปอีก มันไม่ตรงตามเป้าหมาย ผมพูดเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ผมไปเช็ดไปแล้วว่าหลายจังหวัด เพราะว่าไม่ได้ใช้ตรงตามความต้องการของคนในพื้นที่ที่จริงรายงานของ สตง.ก็มีอยู่เขาว่าอย่างนั้น แต่เราก็ไม่เห็นปรับปรุงอะไรเราก็โป๊ะเงินลงไปเรื่อย ๆ ที่สำคัญผมอยากกราบเรียนประธานว่ามันเกิดการกระทำผิดรัฐธรรมนูญขึ้นมาจากผู้ว่าซีอีโอ ผู้แทนราษฎรเราอาจไม่ทุกจังหวัดสนิทชิดเชื้อกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะแบ่งเงินให้ผู้แทนราษฎรหรือผู้แทนสอบตกก็แล้วแต่ไปตามงบความประมาณตามความต้องการของผู้แทนราษฎร ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 180 วรรค 6 เพราะทำไม สตง.เขาถึงเขียนรัฐธรรมนูญเช่นนี้เอาไว้ เพราะว่าหลักการเมืองเราต้องยอมรับเรามีเป้าหมายทางการเมืองเป็นหลัก เรามีเป้าหมายทางการเมืองเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเราใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นภาษีของพี่น้องประชาชนไม่ค่อยตรงเป้า ไม่ค่อยเหมาะสม เขาถึงเขียนเอาไว้วรรค มาตรา 140 ว่าหลักการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการการเสนอแปรญัตติหรือกระทำด้วยประการใดที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิ หรือกรรมาธิการมีส่วนโดยตรงโดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายจะกระทำมิได้ ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลไม่รู้ แต่ไม่มีใครไม่ทำอะไร ทั้ง ๆ ที่มันขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถ้าเผื่อรัฐบาลไม่ช่วยกันรักษารัฐธรรมนูญแล้วใครจะรักษาได้ ก็ฝากช่วยดูแลนิดหนึ่ง
เพราะโดยสรุปท่านประธานผมไม่ต้องการใช่เวลามากบอกแล้วจะใช้เวลาให้เหลือสำหรับน้อง ๆ ได้พูดปัญหาชนบทที่ยังมีอยู่เยอะมาก ผมจึงอยากจะกราบเรียนท่านประธานว่าผมขอฝากรัฐบาลถ้าผมเป็นรัฐบาลผมจะทำอย่างนี้ คือจะต้องลดเกียร์
สำหรับยุทธศาสตร์ที่เป็นการแก้ปัญหาระยะยาวลงมาจากที่วิ่งเกียร์ 4 วิ่งเกียร์ 3 เกียร์ 2 และแบ่งเงินจำนวนหนึ่งมามาทำเยอะแยะเลยในการที่จะป้องกันช่วยทุเลาเบาบางคนที่จะเกิดขึ้นในความไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เห็นชัด ๆ ว่ากำลังจะตามมา แต่ต้องย้ำว่ายุทธศาสตร์ทั้ง 9 ก็ต้องทำอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำ ผมเห็นด้วยกับรัฐบาลอย่างยิ่งเรื่องน้ำจำเป็นมากเมื่อกี้หม่อมหลวงอภิมงคล พูดเรื่องน้ำไม่เพียงพอสำหรับอุตสาหกรรม น้ำสำหรับการเกษตร ถ้าเราอยากจะใช้ปรัชญาเกษตรพอเพียงก็ต้องมีน้ำ 25 ลุ่มน้ำ ที่จริงข้าราชการเขาก็รู้เรื่องดีเรื่องน้ำต่าง ๆ เขารู้ดีกว่านักการเมืองเยอะซึ่งเขาทำมานาน 25 ลุ่มน้ำ เที่ยวที่แล้วผมเป็นประธานร่างนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็เชิญอดีตอธิบดีกรมชลประทานเอาข้อมูลมาเขาเตรียมไว้นานแล้วด้านลุ่มน้ำ แต่รัฐบาลก่อน ๆ ไม่มีบรรยากาศไม่ให้ในการที่จะใช้งบประมาณในส่วนนี้สำหรับการพัฒนาลุ่มน้ำ 25 ลุ่มน้ำ
รัฐบาลนี้ก็น่าจะทำเพราะมีเสถียรภาพดีอยู่แล้ว อย่างนี้ต้องทำเรื่องน้ำ แต่ว่าในการป้องกันความไร้เสถียรภาพที่เกิดขึ้นเมื่อปี 49 รัฐบาลควรทำเช่นว่า การชดเชยให้กับพี่น้องชาวไร่ชาวนาที่ประสบภัยแล้งปีนี้เป็นประวัติการปีที่แล้วก่อนเดือนธันวานิดหน่อยก่อนสึนามิมาเยี่ยมพวกเรามันแล้งจัดที่สุด ผลผลิตของพี่อน้องเกษตรกรที่ออกมาตั้งแต่ต้นปี 49 เป็นต้นมาผลผลิตที่ปลูกในปี 48 จะออกปี 49 ผลผลิตที่ออกมาจะน้อยมากชาวไร่ชาวนาจะอดอยากอาหารการกินในประเทศไทยจะแพงขึ้น เพราะผลผลิตน้อยลงชาวไร่ชาวนาเป็นหนี้อีกแล้ว แต่เราไม่คิดจะชดเชยรายได้เลย ไม่คิดจะชดเชยเขาหน่อยหรือ ไม่คิดจะซับน้ำตาเขาหน่อยหรือ เราได้แต่พูดปลอบใจกันแต่ไม่มีการทำกันจริง ๆ แม้แต่เรื่องสึนามิ ผู้แทนก็พูดมาหลายคนแล้ว พวกที่ถูกกระทบทวิภาคีไม่จัดงบประมาณไปดูเขาหน่อยหรือ หรือ 3 จังหวัด 5 จังหวัดภาคใต้ สึนามิ 6 จังหวัด ได้พูดกันหลายคนแล้วคุณจุรินทร์ คุณพิเชษฐ คุณวิรัช สงขลา ส.ส.ดูแลเขาหน่อยเถอะครับ 5 จังหวัดภาคใต้แย่แล้ว ไปดูเถอะหาดใหญ่โรงแรม 200 ห้องมีพักไม่เกิน 20 ห้อง ผมท้าพนันได้ไปตรวจดูทุกโรงแรม ที่ภูเก็ตก็เหมือนกันเราไม่คิดจะลดภาษีกันเลยหรือครับ ไม่ดูแลกันเลยหรือ แล้วก็ต้องไล่คนงานออกเหล่านั้นเราดูแลเขาไหมคนเหล่านั้นถูกไล่ออกไป ผมแก้ไขกฎหมายแล้วตอนผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานผมได้แก้กฎหมายการประกันสังคมให้แล้ว รัฐบาลไม่จำเป็นต้องจ่ายเท่ากับนายจ้างและลูกจ้างให้รัฐบาลจ่ายเท่าไรก็ได้มากก็ได้น้อยก็ได้นี่เป็นตัวอย่าง 49 คนต้องว่างงานเยอะแยะ เกิดภัยพิบัติ ความไม่สงบต่าง ๆ ท่องเที่ยวทรุด คนเดือดร้อน
รัฐบาลเอางบประมาณนี้ไปใส่ในกองทุนประกันสังคมคนยากคนจนได้รับการคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมเพิ่มมากขึ้นในการดูแลคนตกงานจากกองทุนประกันสังคมดูแลมากยิ่งขึ้นทำได้ตอนนี้ทำได้ เมื่อก่อนทำไม่ได้ ผมเป็นคนแก้กฎหมายนี้เองตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการของเหล่านี้ทำหน่อยเถอะครับผมฝากไว้ เมกกะโปรเจคที่เกี่ยวกับน้ำเห็นว่ามันมีความจำเป็นผมก็ไม่ว่า และที่ยังไม่เกี่ยวต้องระวังผมมีตัวอย่างให้ฟังครับท่านประธานครับ ประเทศแม็กซิโก ชื่อคูปิเช็ค ตอนนั้นแกสมัครเป็นประธานธิบดี แกใช้นโยบายอย่างไรว่า การเลือกคูปกิเช็ค คูปิเช็ดจะทำให้บราซิลเจริญภายใน 5 ปี เท่ากับประธานาธิบดีคนอื่นทำ 20 ปี คนเลือกแกทั้งประเทศ และแกทำจริง ๆ แกสร้างสนามบินใหม่ อินเตอร์แกสร้างไฮเวย์ไม่รู้กี่สาย แกสร้างโรงพยาบาลใหม่ แกสร้างมหาวิทยาลัยใหม่ แกสร้างโรงถลุงเหล็กใหม่ แกสร้างภายใน 4 — 5 ปี ที่แกเป็นประธานาธิบดี แกสร้างเมืองใหม่ที่ปัจจุบันเรียกว่าบราซิลเลีย ย้ายไปเดจาเนโร ไปดูมาแล้วเป็นรูปเหมือนบี 52 ทำตามสัญญาประชาชนอะไรเกิดขึ้น พี่น้องพี่ชายหมดทั้งบราซิล ภาวะเงินเฟ้อเกิดการเป็นหนี้เป็นสินมากมายก่ายกองในที่สุดอยู่ไม่ได้หลังจากแกเป็นประธานาธิบดีทหารถึงต้องล้มเลิกระบอบประชาธิปไตยโดยจอมพลบองโก้ จอมพลบองโก้ยึดอำนาจเสร็จแล้วยกเลิกการเลือกตั้ง และประกาศบอกว่าบราซิลเดือดร้อนหนักสิ่งที่นักการเมืองระบอบประชาธิปไตยทำไปนั้นพวกเขาที่เป็นทหารจะต้องแก้อย่างน้อย 20 ปี ซึ่งแกพูดผิดเพราะผลที่กูปิเช็คทำขณะนี้ยังแก้ไม่ได้ กูปิเช็คเองคนนำประเทศในปีสุดท้ายเข้าไปคุกเข่าให้ไอเอ็มเอฟช่วย ช่วยมาถึงปัจจุบันนี้ยังช่วยอยู่ นี่แหละครับนักการเมืองเวลาสร้างความฉิบหายมันสร้างได้เยอะผมบอกเสียก่อน ขอบคุณท่านประธานครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 มิ.ย. 2548--จบ--
6 เดือนยังไม่ทันไรเลยครับ สมมุติว่าเราออกมา กพร.สรุปตุลานี้ ก็เข้าครึ่งปี ยังไม่ลงตัวครับ เพราะงบเหล่านี้ที่เราเอาไปแปะไว้อย่างไรก็ต้องผ่านสภานี้อยู่แล้ว แต่ว่าในที่สุดการใช้งบประมาณก็จะไม่มีประสิทธิภาพอีก เพราะท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเตรียมผงซักฟอกไว้ล้างท่ออีกตั้งแต่ปีหน้าได้แล้ว มันเกิดแน่ครับ อันนี้ผมก็เป็นห่วง เตือนตั้งแต่เที่ยวก่อนแล้วว่ามันจะเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นหรือไม่ ผมไม่ขัดข้องและเห็นด้วยยุทธศาสตร์เหล่านี้ เพราะยุทธศาสตร์ทั้ง 9 ข้อมันเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวทั้งสิ้น ตัวยุทธศาสตร์ไหนไม่ใช่ว่าจะแก้ปีสองปีจบนะ ยุทธศาสตร์ขจัดความยากจนอย่างนี้ไม่ใช่ 4ปีคนจนหมด ท่านพูดเล่นพูดได้ แต่ทำจริงมันทำไม่ได้หรอกครับ การแก้ปัญหาความยากจนแก้กันไปชั่วฟ้าดินสลาย ความจนสมบูรณ์หมดแล้วจะต้องแก้ความจนเปรียบเทียบอีก บางคนก็ไม่อยากจะเล็กเชอร์หรอก เพราะนโยบายยุทธศาสตร์นี้มันจะต้องอยู่คู่แผ่นดิน การพัฒนาคนให้มีประสิทธิภาพก็ต้องอยู่คู่แผ่นดินอีกหลายปีกว่าจะทำได้ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข่งขันได้อีกหลายปี โครงการเหล่านี้เป็นโครงการ เป็นยุทธศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาระยะยาวของประเทศ ต้องใช้เวลาหลายปีติดต่อกัน ผมไม่ขัดข้องและก็หลายครั้ง 25 ปีที่ผมอยู่ในสภาแห่งนี้ ได้มีโอกาสลุกขึ้นพูดก็ได้พูดเรื่องปัญหาอย่างนี้มาโดยตลอด ก็ยินดีที่รัฐบาลทำให้เป็นยุทธศาสจตร์ให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ว่าการจัดทำงบประมาณเป็นเรื่องของศิลปะ ว่ามันเป็นเครื่องมือทางการคลัง ต้องการใช้เครื่องมือทางการคลังเราต้องใช้ในการแก้ปัญหาทั้ง 2 อย่าง คือ ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ปัญหาระยะสั้นคือว่า ต้องมำทำนายกันว่า อะไรจะเกิดขึ้นในปีข้างหน้าเพราะเรากำลังพูดเรื่องอนาคต ที่ภาษาลาตินเขาเรียกว่า เอสเซนเต้ เมื่อถึงเวลาเราถึงจะรู้ว่าอะไรมันเกิดขึ้นจริง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องใช้ความรู้ในการวิเคราะห์ ทำนายเหตุการณ์ในอนาคตว่า ปีหน้า 2549 อะไรจะเกิดขึ้นในประเทศ
งบประมาณเป็นเครื่องมืออันหนึ่งในการที่จะรู้ปัญหาจะเกิดขึ้นในปี 2549 งบประมาณนี้เป็นเครื่องมืออันหนึ่งถ้าจับถูกทิศทางมันก็จะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปี 2549 รุนแรงน้อยลง ถ้าจัดไม่ถูก ไม่ช่วยทุเลาปัญหาที่เกิดขึ้นในปี 2549 บางทีอาจจะซ้ำเติมปัญหาให้รุนแรงขึ้น เพราะในหลักการของวันนี้เราพิจารณากันในแง่ของหลักการนะครับ เมื่อพิจารณาในแง่ของหลักการผมไม่มีความจำเป็นต้องลงลึก ในเรื่องกระทรวง บวง กรม ผมพูดเรื่องหลักการ หลักการในการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินผมพูดอาจจะเป็นครั้งที่ 3 ในสภาแห่งนี้ ทุกประเทศทั่วโลก เขาจะมีการวางเป้าหมายในการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน 4 เป้านะครับ ไม่มีหนี 4 เป้านี้
1. เขาจะมาดูว่าการจัดสรรงบประมาณจะทำให้อัตราความเจริญของประเทศในระดับประชาชาติเพิ่มขึ้นเท่าไร
2. มาดูว่าจะสามารถให้ประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
3. ทำให้การจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติมีประสิทธิภาพได้อย่างไร
4. จะมีผลให้เกิดการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ได้อย่างไร
ก็มี 4ข้อนี้ครับ เหมือนกันหมดทั้งโลก เพียงแต่ว่าในแต่ละช่วงเวลาของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล หรือของแต่ละประเทศ เขาจะจัดลำดับความสำคัญของ 4 ตัวนี้ไม่เหมือนกัน บางครั้งรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาก็เอาการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง บางครั้งก็เอาเป้าหมายของอัตราความเจริญขึ้นอันดับหนึ่ง บางครั้งก็เอาเป้าหมายของการกระจายรายได้ขึ้นอันดับหนึ่ง แล้วแต่ปัญหาที่เราจะทำนายกันในปีหน้ามันจะเกิดขึ้นอย่างไร เราก็จัดลำดับความสำคัญอย่างนั้น
ก็ต้องมาดูว่าเท่าที่เพื่อนสมาชิกได้พูดมาทั้งหมดจะเห็นว่าสิ่งที่เราน่าจะเป็นห่วงก็คือว่า อะไรจะเกิดขึ้นในปี 2549 ความเห็นของพวกกระผมมีความเห็นว่า ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในปี 2549 คือ ปัญหาความไร้เสถียรภาพทางด้านเศรษฐกิจ เพราะถ้าจะจัดงบประมาณให้ถูกฝาถูกตัวแล้วมันต้องเอาเป้าหมายว่าด้วยเสถีรภาพและเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่ง ผมว่ารัฐบาลยังเดินทางผิดอยู่ รัฐบาลยังเอาเป้าหมายการเจริญเติบโตเป็นอันดับหนึ่งเหมือน 4 ปีที่ผานมา ยังเหมือนเดิมมอยู่ มองปัญหาไม่เหมือนกันแล้วฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลแต่เราก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ทำไมผมจึงพูดว่าปัญหาความไม่มีเสถียรภาพกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศ ลองดู 3-4 ตัวก็พอครับ ปัญหาราคาสินค้าเป็นอย่างไร ราคาสินค้านเพิ่มขึ้นทุกวัน ปัจจุบันนี้แม่บ้านมีเงิน 100 ไปตลาดไม่ได้แล้ว ต้องมี 200 ไม่ใช่คาวมผิดของรัฐบาลที่ราคาเพิ่มขึ้น ก็ต้องยอมรับไม่ว่าราคาน้ำมนมันเพิ่มขึ้นในตลาดโลกมันก็กระทบกับการผลิตทุกชนิด การขนส่งก็ต้องแพงขึ้น เพระฉะนั้นราคาสินค้าก็ตกหนักไปที่ผู้บริโภค มันก็เลยแพงทั่วไปหมด
หน่วยราชการบางหน่วยก็บอกว่า อาจจะประมาณ 4% ในปีนี้ แต่วาสถาบันการศึกษาบางแห่งก็บอกว่า ถึง 5%บางคนก็บอกอาจถึง 6% ก็แล้วแต่ เมื่อถึงเวลาจบปีก็จะรู้ ว่าปีหน้าก็ยังหน้าเป็นห่วง ทำไมถึงหน้าเป็นห่วงครับ ที่น่าเป็นห่วงก็เพราะว่า ผมไปสัมมนาที่ธรรมศาสตร์กับเพื่อนและอาจารย์ เกี่ยวกับวิกฤติน้ำมัน ประมาณ 50 คน กลุ่มเล็กๆ ซึ่งที่ท่านศาสตราจารย์บางท่านได้รับเชิญไปสหรัฐอเมริกาและไปร่วมประชุมกับนักวิชาการที่สหรัฐอเมริกา แล้วก็มานั่งพูดกับผู้ที่ทำการวิจัยเรื่องผลกระทบกับเศรษฐกิจของน้ำมันในประเทศไทย ที่เขาเห็นพ้องต้องกัน 50 คนในวันนั้นก็คือว่า ราคาน้ำมันในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า ไม่มีโอกาสจะลดลง เหตุผลเพราะว่าประเทศที่อยู่นอกกลุ่มโอเปก เช่น เม็กซิโก นอร์เว อังกฤษ รัสเซีย ได้ลงทุนไว้มากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันจากสต็อกของตนเองเลย เพิ่งจะมารู้สึกกระทบตอนนี้เริ่มจะลงทุน เตรียมพร้อมสที่จะผลิตน้ำมันให้มากขึ้น ประเทศที่นอกกลุ่มประเทศโอเปก แต่ว่าการผลิตน้ำมันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปีถึงจะสามารถทำการผลิตได้ ส่วนประเทศโอเปก เขาไม่คิดเรื่องราคาหรอก และไม่คิดจะเพิ่มปริมาณหรอกเพราะว่าเป็นความสุขของเขา เพราะราคาน้ำมันมันแพง
เพราะฉะนั้นตรงนี้เราก็ต้องเป็นห่วงร่วมกันว่าราคาน้ำมันมันยังคงแพงอยู่ระดับนี้ 50 กว่าบาเรล/ดอลลาร์ ประเทสไทยน้ำมันจะทะลุ 30 บาท/ลิตรแน่นอน อาจจะเป็นปีหน้า วันนั้นเราพูดไกลกันถึงขนาดว่า ในคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาแห่งนี้มีอนุกรรมการอยู่ชุดหนึ่ง ท่านประธานอนุกรรมการก็เป็นคนของพรรคไทยรักไทยตั้งใจทำงานมาก เป็นห่วงกันเรื่องนี้ เรื่องน้ำมัน
เป็นห่วงเรื่องนี้เรื่องน้ำมันผู้แทนราษฎรเป็นห่วงกัน เชิญเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานบอกว่าสต๊อกน้ำมันทั้งโลกทั้งในโอเปค นอกโอเปครวมกันแล้วโดลนี้จะมีใช้เพียง 41 ปีเท่านั้นเอง ท่านประธานครับ 41 ปี ไม่ถึง 41 ผมว่าไปอีก 25 ปี เกิดสงครามโลกแย้งน้ำมันกัน พวกเราถ้าเผื่อไม่ตายเสียก่อนทันได้เห็นอย่าตายเร็วก่อนแล้วกันได้เห็นน่าเป็นห่วง เพราะนั่นไกลเกินไป 25 ปี แต่พอมาพูดปีหน้าราคาน้ำมันไม่มีโอกาสลดลงมิฉะนั้นความไม่มีเสถียรภาพด้านราคาก็สูงขึ้นนี้เป็นข้อที่ 1 ข้อที่ 2 มาจากเรื่องน้ำมันเมื่อน้ำมันแพงขึ้นไปเท่าตัวเงินตราต่างประเทศที่เราจ่ายไปซื้อน้ำมันมาใช้ในประเทศไทยมันก็ต้องแพงขึ้นมากขึ้นรวมเท่าตัวนี่คือสาเหตุอันหนึ่ง ที่ทำให้ดุลบัญชีการค้าหรือดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มติดลบ
นอกจากการพูดเรื่องราคาน้ำมันที่ท่านเป็นห่วงท่านประธานก็คือว่าอย่างเพื่อนสมาชิกได้พูดของพรรคประชาธิปัตย์ไปบ้างแล้วก็คือว่าอนาคตของเอ็สปอร์ตไม่ค่อยดี 17% ที่วางเป้าไว้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะถึงหรือเปล่า เพราะผมไปดูการวิเคราะห์ของธนาคารโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศไทย วิเคราะห์ไว้ว่าประเทศที่เป็นตลาดลองรับสินค้าส่งออกของเรามีดังต่อไปนี้ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ ประเทศทั้ง 6 กลุ่มรองรับสินค้าออกของประเทศไทย 85% ประเทศเหล่านี้รายได้ประชาชาติจะลดลงมาจาก 4.5%เป็น 3.7% อำนาจที่เขาจะซื้อสินค้าเราก็น้อยลงก็จะซ้ำเติมดุลบัญชีเดินสะพัดอาจจะกระทบกระเทือนไปถึงดุลบัญชีชำระเงิน ถ้าหากว่าการลงทุนจากต่างประเทศไม่เป็นไปตามที่เราตั้งใจเอาไว้ มันมีผลอย่างไรเมื่อดุลบัญชีเดินสะพัดมีผลเมื่อปี 38 39 ก่อนจะมีวิกฤติปี 40 ดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มขาดดุลติดต่อ ๆ ๆ กันความเชื่อมั่นในค่าเงินบาทก็เริ่มหมดลง ๆ ๆ ในที่สุดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจะมีความรู้สึกว่า 40 บาทต่อ 1ดอลล่าร์ อยู่ไม่ได้แล้ว พออยู่ไม่ได้เขาก็เอาเงินบาทแลกเงินดอลล่าร์ไปฝากไว้ต่างประเทศ โดยพาะปัจจุบันนี้ดอกเบี้ยเงินฝากในต่างประเทศสูงกว่าประเทศไทย
ผมไม่เข้าใจว่าธนาคารชาติทำไมดำเนินนโยบายอย่างนี้ ผมไม่เข้าใจ ที่พูดไม่ได้พูดให้รัฐบาลฟังพูดให้ธนาคารชาติฟัง ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างนี้มันจะทำให้เงินทุนไหลออก ทำไมไม่ปรับเป็นไปตามดอกเบี้ยของธนาคารโลก ของตลาดโลก อัตราดอกเบี้ยต่ำมันไว้สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลนายชวน หลีกภัย สมัยนั้นผมเป็นรัฐมนตรีอยู่ ท่านเหมาะสมที่จะดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำ และเป็นประโยชน์สำหรับรัฐบาลของท่านทักษิณสามารถจะดำเนินนโยบายประชขานิยมด้านต่าง ๆ ได้ เงินบาทมีเสถียรภาพขึ้น ใครจะว่าอย่างไรก็ตามรัฐบาลของท่านชวนตอนนั้นทำให้กองทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 0 เพิ่มขึ้นเป็น 3.7 พันล้าน ทำให้เงินบาทแข็งขึ้น ความแข็งตัวของเงินบาทความมีเสถียรภาพของเงินบาท ถ้ามีเสถียรภาพของอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำเป็นตัวที่จะทำให้เราดำเนินนโยบายมาได้ดีพอสมควรจนถึงปัจจุบัน ท่านก็เป็นรัฐบาลที่มันก็ดีทุกรัฐบาล อย่างพยายามเอาจุดอ่อนมาว่ากัน แต่ว่าที่ผมพูดชี้ให้เห็นว่าความไม่มีเสถียรภาพค่าเงินบาทจะเกิดขึ้นในปี 49 เช่นกัน นั่นตัวที่ 2 ถ้าสภาพเป็นอย่างนี้ใครจะกล้ามาลงทุน ไม่มีใครกล้างลงทุนหรอกครับ ชาติจะอยู่ได้ประเทศต้องมีความสามารถในการบริโภค มีความต้องการ แต่ความต้องการที่จะซื้อธนาคารชาติได้ทำมา ธนาคารชาติได้ทำมาก็คืออัตราการเจริญของดัชนีการบริโภคของภาคเอกชนลดต่ำตั้งแต่เดือนมกราปี 2547 ลดลงมาเรื่อยจนถึงกุมภาปี 48 ลดหัวทิ่ม มหาวิทยาลัยหอการค้าทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดหัวทิ่มมาตลอดในช่วงระยะเดียวกัน แล็บนี้อยู่ในรีพอร์ตของธนาคารโลก
ผมออกมาจากธนาคารโลก เขามีสำนักงานในประเทศไทย เพราะความต้องการภายในประเทศที่จะมีไปถึงปีหน้าถ้าเพื่อสภาพเศรษฐกิจของโลกเป็นอย่างนี้การบริโภคภายในประเทศก็เน่า และความต้องการที่จะซื้อสินค้าเราจากต่างประเทศก็เน่า เพราะว่าการเพิ่มราคาน้ำมันทำให้เกิดสภาพเศรษฐกิจซบเทราในตลาดคู่ค้าของเรา 85% สินค้าส่งออกไป สิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อาจมันจะไม่ดีดุลบัญชีเดินสะพัด ผมคิดว่าอาจจะกระทบไปถึงดุลบัญชีการชำระเงิน ถ้ากระทบต่อดุลบัญชีการชำระเงินเมื่อไหร่ก็หมายความว่าเงินดอลลาร์ที่เรามีอยู่ 47 พันล้านที่เราดีใจกันหนักกันหนามันจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ค่าเงินบาทก็จะอยู่ไม่ได้ เหตุการณ์ก็จะเกิดเหมือนกับปี 40 มองในแง่ร้ายไว้ก่อนดีจะได้หาทางป้องกันเอาไว้จะได้มีเจ็บตัวมากนักถ้าลงระเริงได้ปลื้มและอยู่ในความประมาทอันตราย เพราะเท่าที่ผมชี้ให้ดูเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจในปี 49 ความไร้เสถียรภาพมันรอคอยเราอยู่ เพราะถ้าจะทำงบประมาณแผ่นดินเราต้องเผื่อใจไว้ ถึงบอกว่าเป็นศิลปะว่าต้องใช้งบประมาณส่วนหนึ่งในการดำเนินนโยบายว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เราเรียกว่า เอ็กเซฟตี้ ที่เราทำนายกันถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นในปี 49 งบประมาณนี้จะช่วยลดความรุนแรงที่จะกระทบต่อประชาชน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ 9 อย่างนี้ 9 อย่างนี้ก็ต้องทำ เพราะนี่คือปัญหาระยะยาวของประเทศ ต้องทำที่ผมพูดถ้าเป็นรถ ลดเกียร์ลงมาหน่อย สำหรับปัญหาระยะยาว ลดเกียร์ลงมาจากที่วิ่งเกียร์ 4 ลดมาเกียร์ 3 เกียร์ 2 และแบ่งเงินจำนวนหนึ่งเพื่อไปสร้างภูมิคุ้มกันคือเครื่องประกันกระแทกสำหรับคนที่นั่งในรถ
พี่น้องที่เป็นชาวไร่ชาวนา หรือพี่น้องที่เป็นกรรมกรผมก็จะเห็นว่ามันมีช่องทางที่รัฐบาลจะทำได้ เพราะว่าจากที่พูดกันยุทธศาสตร์รองรับการเปลี่ยนแปลงพลวัฒน์โลกก็หลวม ๆ เปิดโอกาสให้รัฐบาลมีความคล่องตัวในการใช้งบประมาณอยู่แล้ว งบของท่านนายกรัฐฒนตรีงบกลาง 200,000 กว่าล้าน เปิดให้ท่านนายกอยู่แล้วในการที่จะใช้เงินจำนวนนี้ เพื่อมาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อกันกระแทก ถ้าเพื่อเกิดเศรษฐกิจอย่างทมี่ผมว่าในปี 2549 จะต้องเตือนอย่างนี้ เพราะว่าผมเกรงว่าพอถึงจุดขึ้นมารัฐบาลก็จะนำเงินพวกนี้ไปให้ผู้ว่าซีอีโออีก ที่ตั้งไว้ 40,000 ล้าน เพิ่มไปอีก มันไม่ตรงตามเป้าหมาย ผมพูดเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ผมไปเช็ดไปแล้วว่าหลายจังหวัด เพราะว่าไม่ได้ใช้ตรงตามความต้องการของคนในพื้นที่ที่จริงรายงานของ สตง.ก็มีอยู่เขาว่าอย่างนั้น แต่เราก็ไม่เห็นปรับปรุงอะไรเราก็โป๊ะเงินลงไปเรื่อย ๆ ที่สำคัญผมอยากกราบเรียนประธานว่ามันเกิดการกระทำผิดรัฐธรรมนูญขึ้นมาจากผู้ว่าซีอีโอ ผู้แทนราษฎรเราอาจไม่ทุกจังหวัดสนิทชิดเชื้อกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดก็จะแบ่งเงินให้ผู้แทนราษฎรหรือผู้แทนสอบตกก็แล้วแต่ไปตามงบความประมาณตามความต้องการของผู้แทนราษฎร ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 180 วรรค 6 เพราะทำไม สตง.เขาถึงเขียนรัฐธรรมนูญเช่นนี้เอาไว้ เพราะว่าหลักการเมืองเราต้องยอมรับเรามีเป้าหมายทางการเมืองเป็นหลัก เรามีเป้าหมายทางการเมืองเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเราใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นภาษีของพี่น้องประชาชนไม่ค่อยตรงเป้า ไม่ค่อยเหมาะสม เขาถึงเขียนเอาไว้วรรค มาตรา 140 ว่าหลักการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการการเสนอแปรญัตติหรือกระทำด้วยประการใดที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิ หรือกรรมาธิการมีส่วนโดยตรงโดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายจะกระทำมิได้ ผมไม่เชื่อว่ารัฐบาลไม่รู้ แต่ไม่มีใครไม่ทำอะไร ทั้ง ๆ ที่มันขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถ้าเผื่อรัฐบาลไม่ช่วยกันรักษารัฐธรรมนูญแล้วใครจะรักษาได้ ก็ฝากช่วยดูแลนิดหนึ่ง
เพราะโดยสรุปท่านประธานผมไม่ต้องการใช่เวลามากบอกแล้วจะใช้เวลาให้เหลือสำหรับน้อง ๆ ได้พูดปัญหาชนบทที่ยังมีอยู่เยอะมาก ผมจึงอยากจะกราบเรียนท่านประธานว่าผมขอฝากรัฐบาลถ้าผมเป็นรัฐบาลผมจะทำอย่างนี้ คือจะต้องลดเกียร์
สำหรับยุทธศาสตร์ที่เป็นการแก้ปัญหาระยะยาวลงมาจากที่วิ่งเกียร์ 4 วิ่งเกียร์ 3 เกียร์ 2 และแบ่งเงินจำนวนหนึ่งมามาทำเยอะแยะเลยในการที่จะป้องกันช่วยทุเลาเบาบางคนที่จะเกิดขึ้นในความไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เห็นชัด ๆ ว่ากำลังจะตามมา แต่ต้องย้ำว่ายุทธศาสตร์ทั้ง 9 ก็ต้องทำอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำ ผมเห็นด้วยกับรัฐบาลอย่างยิ่งเรื่องน้ำจำเป็นมากเมื่อกี้หม่อมหลวงอภิมงคล พูดเรื่องน้ำไม่เพียงพอสำหรับอุตสาหกรรม น้ำสำหรับการเกษตร ถ้าเราอยากจะใช้ปรัชญาเกษตรพอเพียงก็ต้องมีน้ำ 25 ลุ่มน้ำ ที่จริงข้าราชการเขาก็รู้เรื่องดีเรื่องน้ำต่าง ๆ เขารู้ดีกว่านักการเมืองเยอะซึ่งเขาทำมานาน 25 ลุ่มน้ำ เที่ยวที่แล้วผมเป็นประธานร่างนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็เชิญอดีตอธิบดีกรมชลประทานเอาข้อมูลมาเขาเตรียมไว้นานแล้วด้านลุ่มน้ำ แต่รัฐบาลก่อน ๆ ไม่มีบรรยากาศไม่ให้ในการที่จะใช้งบประมาณในส่วนนี้สำหรับการพัฒนาลุ่มน้ำ 25 ลุ่มน้ำ
รัฐบาลนี้ก็น่าจะทำเพราะมีเสถียรภาพดีอยู่แล้ว อย่างนี้ต้องทำเรื่องน้ำ แต่ว่าในการป้องกันความไร้เสถียรภาพที่เกิดขึ้นเมื่อปี 49 รัฐบาลควรทำเช่นว่า การชดเชยให้กับพี่น้องชาวไร่ชาวนาที่ประสบภัยแล้งปีนี้เป็นประวัติการปีที่แล้วก่อนเดือนธันวานิดหน่อยก่อนสึนามิมาเยี่ยมพวกเรามันแล้งจัดที่สุด ผลผลิตของพี่อน้องเกษตรกรที่ออกมาตั้งแต่ต้นปี 49 เป็นต้นมาผลผลิตที่ปลูกในปี 48 จะออกปี 49 ผลผลิตที่ออกมาจะน้อยมากชาวไร่ชาวนาจะอดอยากอาหารการกินในประเทศไทยจะแพงขึ้น เพราะผลผลิตน้อยลงชาวไร่ชาวนาเป็นหนี้อีกแล้ว แต่เราไม่คิดจะชดเชยรายได้เลย ไม่คิดจะชดเชยเขาหน่อยหรือ ไม่คิดจะซับน้ำตาเขาหน่อยหรือ เราได้แต่พูดปลอบใจกันแต่ไม่มีการทำกันจริง ๆ แม้แต่เรื่องสึนามิ ผู้แทนก็พูดมาหลายคนแล้ว พวกที่ถูกกระทบทวิภาคีไม่จัดงบประมาณไปดูเขาหน่อยหรือ หรือ 3 จังหวัด 5 จังหวัดภาคใต้ สึนามิ 6 จังหวัด ได้พูดกันหลายคนแล้วคุณจุรินทร์ คุณพิเชษฐ คุณวิรัช สงขลา ส.ส.ดูแลเขาหน่อยเถอะครับ 5 จังหวัดภาคใต้แย่แล้ว ไปดูเถอะหาดใหญ่โรงแรม 200 ห้องมีพักไม่เกิน 20 ห้อง ผมท้าพนันได้ไปตรวจดูทุกโรงแรม ที่ภูเก็ตก็เหมือนกันเราไม่คิดจะลดภาษีกันเลยหรือครับ ไม่ดูแลกันเลยหรือ แล้วก็ต้องไล่คนงานออกเหล่านั้นเราดูแลเขาไหมคนเหล่านั้นถูกไล่ออกไป ผมแก้ไขกฎหมายแล้วตอนผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานผมได้แก้กฎหมายการประกันสังคมให้แล้ว รัฐบาลไม่จำเป็นต้องจ่ายเท่ากับนายจ้างและลูกจ้างให้รัฐบาลจ่ายเท่าไรก็ได้มากก็ได้น้อยก็ได้นี่เป็นตัวอย่าง 49 คนต้องว่างงานเยอะแยะ เกิดภัยพิบัติ ความไม่สงบต่าง ๆ ท่องเที่ยวทรุด คนเดือดร้อน
รัฐบาลเอางบประมาณนี้ไปใส่ในกองทุนประกันสังคมคนยากคนจนได้รับการคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมเพิ่มมากขึ้นในการดูแลคนตกงานจากกองทุนประกันสังคมดูแลมากยิ่งขึ้นทำได้ตอนนี้ทำได้ เมื่อก่อนทำไม่ได้ ผมเป็นคนแก้กฎหมายนี้เองตอนเป็นรัฐมนตรีว่าการของเหล่านี้ทำหน่อยเถอะครับผมฝากไว้ เมกกะโปรเจคที่เกี่ยวกับน้ำเห็นว่ามันมีความจำเป็นผมก็ไม่ว่า และที่ยังไม่เกี่ยวต้องระวังผมมีตัวอย่างให้ฟังครับท่านประธานครับ ประเทศแม็กซิโก ชื่อคูปิเช็ค ตอนนั้นแกสมัครเป็นประธานธิบดี แกใช้นโยบายอย่างไรว่า การเลือกคูปกิเช็ค คูปิเช็ดจะทำให้บราซิลเจริญภายใน 5 ปี เท่ากับประธานาธิบดีคนอื่นทำ 20 ปี คนเลือกแกทั้งประเทศ และแกทำจริง ๆ แกสร้างสนามบินใหม่ อินเตอร์แกสร้างไฮเวย์ไม่รู้กี่สาย แกสร้างโรงพยาบาลใหม่ แกสร้างมหาวิทยาลัยใหม่ แกสร้างโรงถลุงเหล็กใหม่ แกสร้างภายใน 4 — 5 ปี ที่แกเป็นประธานาธิบดี แกสร้างเมืองใหม่ที่ปัจจุบันเรียกว่าบราซิลเลีย ย้ายไปเดจาเนโร ไปดูมาแล้วเป็นรูปเหมือนบี 52 ทำตามสัญญาประชาชนอะไรเกิดขึ้น พี่น้องพี่ชายหมดทั้งบราซิล ภาวะเงินเฟ้อเกิดการเป็นหนี้เป็นสินมากมายก่ายกองในที่สุดอยู่ไม่ได้หลังจากแกเป็นประธานาธิบดีทหารถึงต้องล้มเลิกระบอบประชาธิปไตยโดยจอมพลบองโก้ จอมพลบองโก้ยึดอำนาจเสร็จแล้วยกเลิกการเลือกตั้ง และประกาศบอกว่าบราซิลเดือดร้อนหนักสิ่งที่นักการเมืองระบอบประชาธิปไตยทำไปนั้นพวกเขาที่เป็นทหารจะต้องแก้อย่างน้อย 20 ปี ซึ่งแกพูดผิดเพราะผลที่กูปิเช็คทำขณะนี้ยังแก้ไม่ได้ กูปิเช็คเองคนนำประเทศในปีสุดท้ายเข้าไปคุกเข่าให้ไอเอ็มเอฟช่วย ช่วยมาถึงปัจจุบันนี้ยังช่วยอยู่ นี่แหละครับนักการเมืองเวลาสร้างความฉิบหายมันสร้างได้เยอะผมบอกเสียก่อน ขอบคุณท่านประธานครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 30 มิ.ย. 2548--จบ--