แท็ก
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
พรรคประชาธิปัตย์
ถาวร เสนเนียม
จังหวัดพัทลุง
จากกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดพัทลุง และนายถาวร เสนเนียม ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 6 จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยข้อมูลหลักฐานถึงการกระทำที่เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งของนายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งรับผิดชอบดูแลเขตพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ของพรรคไทยรักไทย โดยได้สัญญากับแกนนำชาวบ้านว่าจะให้เงินตำบลละ 1 แสนหากพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง ในระหว่างการประชุมที่ศูนย์วิจัยการยางหาดใหญ่ อำเภอคอหงส์ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมานั้น
วันนี้ (25 ม.ค.48) เวลา 10.00น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับ ‘ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์’ ถึงการรวบรวมหลักฐานจากส่วนราชการ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เรียกข้าราชการที่ไปประชุมเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 48 ที่ศูนย์วิจัยการยางหาดใหญ่ เข้ามาที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด โดยจะมีการทำหนังสือย้อนหลังให้ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว เซ็นต์รับหนังสือในทำนองที่ว่าในวันที่ 16 ม.ค.นั้น ได้มีการเรียกเชิญข้าราชการเข้าประชุมจริง ทั้งที่ในวันดังกล่าวไม่มีหนังสือเรียกประชุมอย่างถูกต้อง ชี้ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามสร้างหลักฐานบิดเบือนข้อเท็จจริง
‘เรื่องนี้ผมเตือนว่าการพยายามทำการใดๆ ที่เป็นการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ข้าราชการทั้งหลายพึงระวัง เพราะทุกอย่างพิสูจน์ได้ หนังสือออกย้อนหลังก็พิสูจน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นการประชุมที่เรียกประชุมในระบบราชการ มันต้องมีเบี้ยงเลี้ยงมีค่าเดินทาง ซึ่งจะต้องปรากฏขึ้นก่อนว่ามีโครงการเหล่านี้เกิดขึ้น ไม่ใช่อยู่ๆ จะมีหนังสือย้อนหลังมา เพราะฉะนั้นพยานหลักฐานอยู่แค่ไหนอย่างไร ผมจะขอร้องระบบราชการทั้งหลายว่าอย่าทำหลักฐานเท็จ และขอร้องข้าราชการทั้งหลายที่ไปร่วมประชุมวันนั้น อย่าตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ถ้าท่านตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองจริง ท่านอาจต้องติดคุกได้ อย่างเช่น ที่ศูนย์วิจัยข้างจังหวัดพัทลุง มีข้าราชการบางคนไปร่วมประชุมด้วย แต่เป็นการประชุมโดยไม่ได้มีหนังสือ วันนี้พยายามทำหนังสือเท็จขึ้นเพื่อเรียกให้ไปประชุม โดยเรียกประชุมย้อนหลัง เพราะฉะนั้นก็อยากจะเตือนว่าพยานหลักฐานมีแค่ไหนก็เอาอย่างนั้น เรารู้ว่าส่วนราชหารส่วนหนึ่งพยายามทำหลักฐานเท็จขึ้นมา’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
เมื่อถามว่านายเนวิน พยายามออกมาพูดว่าการสาบานของนายนิพิฏฐ์เป็นเรื่องไร้สาระ ผู้สมัครส.ส.เขต 2 พัทลุง กล่าวว่า เรื่องการสาบาน หากเป็นการสาบานกับต้นโพธิ์ หรือจอมปลวก อย่างนี้ก็ถือเป็นเรื่องไร้สาระ แต่การสาบานต่อสิ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในทางศาสนาของทุกศาสนานั้นไม่ใช่เรื่องไร้สาระแน่นอน เพราะทุกคนที่เกิดมาต้องนับถือศาสนา เพราะฉะนั้นการสาบานว่าจะทำความดีจะไม่นำเรื่องเท็จมาจะไม่ทำชั่วต่อสิ่งที่ตนเองศรัทธา ก็ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแน่นอน 2.การเบิกความต่อศาลหากคิดว่าเรื่องการสาบานเป็นเรื่องไร้สาระ ก็ต้องแก้กฎหมายว่า เพราะทุกคนเวลาขึ้นศาลจะต้องสาบานตนทั้งสิ้น ถ้าไม่สาบานตัวศาลจะไม่ยอมให้เบิกความ เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าการสาบานเป็นเรื่องไร้สาระ กฎหมายของเราก็ไร้สาระเหมือนกัน
‘ผมเสียใจที่พรรคไทยรักไทยบอกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คือวัดพระแก้วนั้น เป็นสิ่งที่ไร้สาระ แต่ผมคิดว่าพระแก้วมรกตไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ถ้าเขาจะคิดว่าพระแก้วมรกตเป็นเริ่องไร้สาระก็เรื่องของเขา แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
ส่วนกรณีที่นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และนายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ออกมาฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทตนนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนขอบอกผู้ว่าฯ ทั้ง 2 ท่านว่าก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น จะต้องมั่นใจในตัวเองและวางใจให้เป็นกลางในพฤติกรรมของตัวเองว่า ตัวเองเป็นกลางโอนเอนเข้าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่ หากยังไม่เที่ยงธรรมจริงๆแล้ว ตนก็ขอบอกว่าอย่าเพิ่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาล เพราะเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วจะมีการเรียกพยานบุคคลและพยานเอกสารออกมาพิสูจน์ได้ ‘ต้องแน่ใจตัวเองก่อนว่าตัวเองบริสุทธิ์จริงหรือเปล่าถึงจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (25 ม.ค.48) เวลา 10.00น. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กับ ‘ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์’ ถึงการรวบรวมหลักฐานจากส่วนราชการ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เรียกข้าราชการที่ไปประชุมเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 48 ที่ศูนย์วิจัยการยางหาดใหญ่ เข้ามาที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด โดยจะมีการทำหนังสือย้อนหลังให้ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว เซ็นต์รับหนังสือในทำนองที่ว่าในวันที่ 16 ม.ค.นั้น ได้มีการเรียกเชิญข้าราชการเข้าประชุมจริง ทั้งที่ในวันดังกล่าวไม่มีหนังสือเรียกประชุมอย่างถูกต้อง ชี้ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามสร้างหลักฐานบิดเบือนข้อเท็จจริง
‘เรื่องนี้ผมเตือนว่าการพยายามทำการใดๆ ที่เป็นการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ข้าราชการทั้งหลายพึงระวัง เพราะทุกอย่างพิสูจน์ได้ หนังสือออกย้อนหลังก็พิสูจน์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นการประชุมที่เรียกประชุมในระบบราชการ มันต้องมีเบี้ยงเลี้ยงมีค่าเดินทาง ซึ่งจะต้องปรากฏขึ้นก่อนว่ามีโครงการเหล่านี้เกิดขึ้น ไม่ใช่อยู่ๆ จะมีหนังสือย้อนหลังมา เพราะฉะนั้นพยานหลักฐานอยู่แค่ไหนอย่างไร ผมจะขอร้องระบบราชการทั้งหลายว่าอย่าทำหลักฐานเท็จ และขอร้องข้าราชการทั้งหลายที่ไปร่วมประชุมวันนั้น อย่าตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ถ้าท่านตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองจริง ท่านอาจต้องติดคุกได้ อย่างเช่น ที่ศูนย์วิจัยข้างจังหวัดพัทลุง มีข้าราชการบางคนไปร่วมประชุมด้วย แต่เป็นการประชุมโดยไม่ได้มีหนังสือ วันนี้พยายามทำหนังสือเท็จขึ้นเพื่อเรียกให้ไปประชุม โดยเรียกประชุมย้อนหลัง เพราะฉะนั้นก็อยากจะเตือนว่าพยานหลักฐานมีแค่ไหนก็เอาอย่างนั้น เรารู้ว่าส่วนราชหารส่วนหนึ่งพยายามทำหลักฐานเท็จขึ้นมา’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
เมื่อถามว่านายเนวิน พยายามออกมาพูดว่าการสาบานของนายนิพิฏฐ์เป็นเรื่องไร้สาระ ผู้สมัครส.ส.เขต 2 พัทลุง กล่าวว่า เรื่องการสาบาน หากเป็นการสาบานกับต้นโพธิ์ หรือจอมปลวก อย่างนี้ก็ถือเป็นเรื่องไร้สาระ แต่การสาบานต่อสิ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในทางศาสนาของทุกศาสนานั้นไม่ใช่เรื่องไร้สาระแน่นอน เพราะทุกคนที่เกิดมาต้องนับถือศาสนา เพราะฉะนั้นการสาบานว่าจะทำความดีจะไม่นำเรื่องเท็จมาจะไม่ทำชั่วต่อสิ่งที่ตนเองศรัทธา ก็ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแน่นอน 2.การเบิกความต่อศาลหากคิดว่าเรื่องการสาบานเป็นเรื่องไร้สาระ ก็ต้องแก้กฎหมายว่า เพราะทุกคนเวลาขึ้นศาลจะต้องสาบานตนทั้งสิ้น ถ้าไม่สาบานตัวศาลจะไม่ยอมให้เบิกความ เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าการสาบานเป็นเรื่องไร้สาระ กฎหมายของเราก็ไร้สาระเหมือนกัน
‘ผมเสียใจที่พรรคไทยรักไทยบอกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คือวัดพระแก้วนั้น เป็นสิ่งที่ไร้สาระ แต่ผมคิดว่าพระแก้วมรกตไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ถ้าเขาจะคิดว่าพระแก้วมรกตเป็นเริ่องไร้สาระก็เรื่องของเขา แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
ส่วนกรณีที่นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และนายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ออกมาฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทตนนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนขอบอกผู้ว่าฯ ทั้ง 2 ท่านว่าก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น จะต้องมั่นใจในตัวเองและวางใจให้เป็นกลางในพฤติกรรมของตัวเองว่า ตัวเองเป็นกลางโอนเอนเข้าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่ หากยังไม่เที่ยงธรรมจริงๆแล้ว ตนก็ขอบอกว่าอย่าเพิ่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของศาล เพราะเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วจะมีการเรียกพยานบุคคลและพยานเอกสารออกมาพิสูจน์ได้ ‘ต้องแน่ใจตัวเองก่อนว่าตัวเองบริสุทธิ์จริงหรือเปล่าถึงจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม’ นายนิพิฏฐ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 25 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-