กรุงเทพ--30 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยไปยังต่างประเทศ ภายหลังการประชุมหารือเสร็จสิ้นลง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธนาคาร SME) และ ดร. ประวิช รัตนเพียร ผู้แทนการค้าไทย ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลัก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในการนำสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศไทยไปขายยังต่างประเทศเพื่อนำเงินตราต่างประเทศเข้าไทยมาหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ โดยได้รับความร่วมมือจาก ดร.ประวิช รัตนเพียร ผู้แทนการค้าไทย นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการธนาคาร SME ผู้แทนจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ธกส. กรมส่งเสริมการส่งออก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) และกรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการดำเนินการในลักษณะทีมเดียวกันเพื่อขับเคลื่อนสินค้าที่ไทยผลิตได้ไปสู่ตลาดโลก
2. สินค้าที่ไทยผลิตได้นั้นได้แก่สินค้าที่เป็นอุตสาหกรรมหลัก และสินค้า SME และ OTOP ซึ่งสินค้าอุตสาหกรรมหลักนั้นไทยขายได้มาตลอด แต่ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามคุณภาพของสินค้าและการจัดส่งให้ทันภายในเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคาร SME ธนาคาร EXIM Bank ธกส. ธนาคารออมสิน โดยจะต้องให้ความร่วมมือในการดูแลกระบวนการผลิตอย่างครบวงจรตั้งแต่การผลิตจนถึงการสต๊อกสินค้า และดูแลทางด้านการเงินของผู้ประกอบการทั้งหมดเพื่อให้มีต้นทุนที่ต่ำและไม่ต้องห่วงกังวลเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนในการผลิตสินค้าไปขาย
3. ในขณะเดียวกัน สสว. จะต้องดูแลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและให้ความรู้ว่าจะผลิตสินค้าที่ถูกต้องและเหมาะสมอย่างไร ภายใต้การกำกับและแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในการนำสินค้าไปขายยังต่างประเทศคือผู้แทนการค้าและกรมส่งเสริมการส่งออก ซึ่งกรมส่งเสริมการส่งออกได้ขึ้นทะเบียนจำนวนสินค้าในประเทศต่าง ๆ ไว้มาก อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายประเทศที่ประเทศไทยยังไม่ได้เปิดตลาดสินค้าอย่างชัดเจน
4. ในการประชุมวันนี้ได้ข้อยุติที่น่าพอใจว่า ต่อไปนี้จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 คณะในระดับปฏิบัติการอย่างแท้จริง ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมในวันนี้ โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสานงาน เพื่อจะนำเอาปัญหาที่แต่ละหน่วยงานประสบมาหาทางแก้ไขเพื่อให้สามารถนำสินค้าไปขายได้อย่างรวดเร็ว และตรงตามความต้องการของตลาดโลก
5. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อจากนี้จะเริ่มมิติใหม่ของการบริหารที่กระทรวงต่าง ๆ มาร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนให้สินค้า OTOP มียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแจ้งจากกรรมการผู้จัดการธนาคาร SME ว่าจะพยายามผลักดันให้ยอดขายสินค้าเพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลกถึง 1 แสนล้านบาทต่อปีภายในระยะเวลา4 ปี ในเรื่องนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าน่าจะมีความเป็นไปได้เนื่องจากการนำสินค้าที่ดีมีคุณภาพและมีเอกลักษณ์และศิลปะของความเป็นไทยมาผสมผสานกันและนำไปสู่ตลาดโลกนั้นยังมีโอกาสเติมช่องว่างในตลาดโลกอีกมาก
6. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศหวังว่าต่อไปนี้จะเห็นการขึ้นทะเบียนสินค้าและการผลิตสินค้า การให้ความรู้ในการนำสินค้าไปยังแต่ละประเทศเพื่อนำเงินตราต่างประเทศเข้ามา ซึ่งมีการแข่งขันกันที่รุนแรงในตลาดโลก โดยขณะนี้ทุกประเทศในโลกต่างมีจุดประสงค์เดียวกันคือการแข่งขันผลิตสินค้าไปขาย แต่ไทยมีสินค้าที่ดีกว่าประเทศอื่นคือสินค้า OTOP ซึ่งมีคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก การประชุมวันนี้จึงเป็นการเตรียมการเบื้องต้นเพื่อการรองรับการผลิตสินค้า OTOP และการสนับสนุนทางด้านการเงิน
กรรมการผู้จัดการธนาคาร SME กล่าวว่า นอกจากการเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าไทยแล้วคณะทำงานฯ น่าจะพิจารณาส่งเสริมการค้าด้านบริการด้วย อาทิ อาหารไทย และการจ้างแรงงานไทยในตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ธนาคารฯ ตั้งเป้าหมายที่จะส่งสินค้า OTOP ให้ได้ถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี และในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำปี 2548 ในเดือนสิงหาคมศกนี้ ธนาคารฯ กำลังพิจารณาที่จะจัดสัปดาห์สินค้า OTOP ซึ่งอาจมีการเชิญผู้นำเข้าจากต่างประเทศมาร่วมงานในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ผู้แทนการค้าไทยได้กล่าวชื่นชมการแสดงบทมบาทสนับสนุนทางเศรษฐกิจของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากกระทรวงฯ มีหน่วยงานและช่องทางที่สามารถเข้าถึง
บุคคลระดับสูงและนักธุรกิจในประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวาง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยไปยังต่างประเทศ ภายหลังการประชุมหารือเสร็จสิ้นลง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธนาคาร SME) และ ดร. ประวิช รัตนเพียร ผู้แทนการค้าไทย ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
1. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลัก ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในการนำสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศไทยไปขายยังต่างประเทศเพื่อนำเงินตราต่างประเทศเข้าไทยมาหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ โดยได้รับความร่วมมือจาก ดร.ประวิช รัตนเพียร ผู้แทนการค้าไทย นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้จัดการธนาคาร SME ผู้แทนจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ธกส. กรมส่งเสริมการส่งออก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) และกรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับการดำเนินการในลักษณะทีมเดียวกันเพื่อขับเคลื่อนสินค้าที่ไทยผลิตได้ไปสู่ตลาดโลก
2. สินค้าที่ไทยผลิตได้นั้นได้แก่สินค้าที่เป็นอุตสาหกรรมหลัก และสินค้า SME และ OTOP ซึ่งสินค้าอุตสาหกรรมหลักนั้นไทยขายได้มาตลอด แต่ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามคุณภาพของสินค้าและการจัดส่งให้ทันภายในเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคาร SME ธนาคาร EXIM Bank ธกส. ธนาคารออมสิน โดยจะต้องให้ความร่วมมือในการดูแลกระบวนการผลิตอย่างครบวงจรตั้งแต่การผลิตจนถึงการสต๊อกสินค้า และดูแลทางด้านการเงินของผู้ประกอบการทั้งหมดเพื่อให้มีต้นทุนที่ต่ำและไม่ต้องห่วงกังวลเกี่ยวกับแหล่งเงินทุนในการผลิตสินค้าไปขาย
3. ในขณะเดียวกัน สสว. จะต้องดูแลเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและให้ความรู้ว่าจะผลิตสินค้าที่ถูกต้องและเหมาะสมอย่างไร ภายใต้การกำกับและแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในการนำสินค้าไปขายยังต่างประเทศคือผู้แทนการค้าและกรมส่งเสริมการส่งออก ซึ่งกรมส่งเสริมการส่งออกได้ขึ้นทะเบียนจำนวนสินค้าในประเทศต่าง ๆ ไว้มาก อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายประเทศที่ประเทศไทยยังไม่ได้เปิดตลาดสินค้าอย่างชัดเจน
4. ในการประชุมวันนี้ได้ข้อยุติที่น่าพอใจว่า ต่อไปนี้จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 คณะในระดับปฏิบัติการอย่างแท้จริง ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุมในวันนี้ โดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสานงาน เพื่อจะนำเอาปัญหาที่แต่ละหน่วยงานประสบมาหาทางแก้ไขเพื่อให้สามารถนำสินค้าไปขายได้อย่างรวดเร็ว และตรงตามความต้องการของตลาดโลก
5. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อจากนี้จะเริ่มมิติใหม่ของการบริหารที่กระทรวงต่าง ๆ มาร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนให้สินค้า OTOP มียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแจ้งจากกรรมการผู้จัดการธนาคาร SME ว่าจะพยายามผลักดันให้ยอดขายสินค้าเพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลกถึง 1 แสนล้านบาทต่อปีภายในระยะเวลา4 ปี ในเรื่องนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าน่าจะมีความเป็นไปได้เนื่องจากการนำสินค้าที่ดีมีคุณภาพและมีเอกลักษณ์และศิลปะของความเป็นไทยมาผสมผสานกันและนำไปสู่ตลาดโลกนั้นยังมีโอกาสเติมช่องว่างในตลาดโลกอีกมาก
6. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศหวังว่าต่อไปนี้จะเห็นการขึ้นทะเบียนสินค้าและการผลิตสินค้า การให้ความรู้ในการนำสินค้าไปยังแต่ละประเทศเพื่อนำเงินตราต่างประเทศเข้ามา ซึ่งมีการแข่งขันกันที่รุนแรงในตลาดโลก โดยขณะนี้ทุกประเทศในโลกต่างมีจุดประสงค์เดียวกันคือการแข่งขันผลิตสินค้าไปขาย แต่ไทยมีสินค้าที่ดีกว่าประเทศอื่นคือสินค้า OTOP ซึ่งมีคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก การประชุมวันนี้จึงเป็นการเตรียมการเบื้องต้นเพื่อการรองรับการผลิตสินค้า OTOP และการสนับสนุนทางด้านการเงิน
กรรมการผู้จัดการธนาคาร SME กล่าวว่า นอกจากการเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าไทยแล้วคณะทำงานฯ น่าจะพิจารณาส่งเสริมการค้าด้านบริการด้วย อาทิ อาหารไทย และการจ้างแรงงานไทยในตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ธนาคารฯ ตั้งเป้าหมายที่จะส่งสินค้า OTOP ให้ได้ถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี และในการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยประจำปี 2548 ในเดือนสิงหาคมศกนี้ ธนาคารฯ กำลังพิจารณาที่จะจัดสัปดาห์สินค้า OTOP ซึ่งอาจมีการเชิญผู้นำเข้าจากต่างประเทศมาร่วมงานในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ผู้แทนการค้าไทยได้กล่าวชื่นชมการแสดงบทมบาทสนับสนุนทางเศรษฐกิจของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากกระทรวงฯ มีหน่วยงานและช่องทางที่สามารถเข้าถึง
บุคคลระดับสูงและนักธุรกิจในประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวาง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-