นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว วันนี้จะมีการประชุมกฎหมายหลายฉบับ ในส่วนของฝ่ายค้าน มีความกังวลกับกฎหมายสองฉบับ ที่กำลังมีการเสนอเข้ามาสู่การพิจารณาต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายฉบับแรกคื่อเรื่องการโอนงานที่เป็นเรื่องของทางหลวงพิเศษไปให้ทางการทางพิเศษ โดยจะมีการโอน ทั้งการบริหาร จัดการ รวมทั้งการจัดเก็บรายได้บางส่วนไปให้ทางการทางพิเศษ สิ่งที่ฝ่ายค้านห่วงกคือการลงทุนในการสร้างถนนตรงนี้เกิดขึ้นโดยภาษีอากรของประชาชน และหนี้สินต่าง ๆ ที่เกิดจากการลงทุนยังอยู่กับกรมทางหลวงตามกฎหมายฉบับนี้
ส่วนข้ออ้างที่ว่าการโอนไปเพื่อการบริหารจัดการที่คล่องตัวขึ้นก็เป็นเป้าหมายที่ดี แต่สิ่งที่ต้องการคำตอบจากรัฐบาล คือว่าการทางพิเศษซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ดูแลบริหารทางด่วน เมื่อรับผลประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว วันข้างหน้ารัฐบาลมีแผนการที่จะแปรรูปการทางพิเศษ โดยที่ให้เอกชนเข้ามาถือหุ้น เพราะฉะนั้นก็เกิดคำถาม ว่า การที่จะโอนสิ่งต่าง ๆ ตามกฎหมายฉบับนี้ ในที่สุดจะทำให้เสมือนกับว่าผู้ได้ประโยชน์จะกลายเป็นผู้ที่จะเข้ามาลงทุนหรือซื้อหุ้นในการทางพิเศษที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่จะมีการแปรรูปต่อไปหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง คือกฎหมายที่ดิน โดยเฉพาะการเร่งรัดในเรื่องของการออกเอกสารสิทธิ์ ในลักษณะที่เขียนกฎหมายที่เสนอเข้าสู่สภาที่ค่อนข้างที่จะหละหลวมและมีช่องว่างอย่างมาก กล่าวคือจะมีการเปิดโอกาสให้มีการเปลี่ยนเอกสาร อย่างเช่น สค.1 มาเป็นฉโนดที่ดิน แม้ในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งมีปัญหาความละเอียดอ่อนในแง่ของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและปัญหาการบุกรุก ซึ่งการเร่งรัดในลักษณะนี้มีโอกาสสูงที่จะทำให้ที่ดินทั้งหลายตกไปอยู่ในมือของนายทุน หรือ คนมีเงิน
‘เรื่องนี้ถ้าต้องการจะช่วยพี่น้องประชาชนซึ่งขาดที่ทำกิน ยากจน หรือยังขาดเอกสารสิทธิ์ ที่จะทำให้เกิดความมั่นใจแล้ว ก็น่าจะต้องดำเนินการในรูปแบบ ซึ่งมีวิธีการในการป้องกัน ไม่ให้มีการเปลี่ยนมือ ไม่ให้มีการขายไม่ให้มีการโอน อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยระยะเวลาหนึ่ง เพราะฉะนั้นใน 2 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของฝ่ายค้านก็คงจะได้แสดงความคิดเห็นในการท้วงติง เพื่อหวังว่าหากสภารับหลักการกฎหมาย 2 ฉบับนี้ ก็จะได้มีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อป้องกันจุดอ่อนมิฉะนั้นกฎหมายเหล่านี้ในที่สุดกลับกลายเป็นกฎหมายที่อาจเริ่มต้นด้วยเจตนาที่ดี ในเชิงการบริหาร ในเชิงการช่วยเหลือผู้ยากจนบ้าง กลับไปเอื้อประโยชน์ให้กับคนกลุ่มน้อย แล้วก็ทำให้ทรัพยากรจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ จะเป็นสาธารณูปโภค หรือว่าทรัพย์สินซึ่งเป็นของสาธารณะในที่สุดไปเอื้อประโยชน์ให้แก่เฉพาะคนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งมีฐานะดีอยู่แล้วมีความได้เปรียบทางสังคมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็จะต้องมีการทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงบ่ายวันนี้ แล้วก็หวังว่าพี่น้องประชาชนแล้ว จะติดตามสนใจฟังแล้วก็ได้สะท้อนความคิดความอ่านความเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ด้วย’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ต.ค. 2548--จบ--
ส่วนข้ออ้างที่ว่าการโอนไปเพื่อการบริหารจัดการที่คล่องตัวขึ้นก็เป็นเป้าหมายที่ดี แต่สิ่งที่ต้องการคำตอบจากรัฐบาล คือว่าการทางพิเศษซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ดูแลบริหารทางด่วน เมื่อรับผลประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว วันข้างหน้ารัฐบาลมีแผนการที่จะแปรรูปการทางพิเศษ โดยที่ให้เอกชนเข้ามาถือหุ้น เพราะฉะนั้นก็เกิดคำถาม ว่า การที่จะโอนสิ่งต่าง ๆ ตามกฎหมายฉบับนี้ ในที่สุดจะทำให้เสมือนกับว่าผู้ได้ประโยชน์จะกลายเป็นผู้ที่จะเข้ามาลงทุนหรือซื้อหุ้นในการทางพิเศษที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่จะมีการแปรรูปต่อไปหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง คือกฎหมายที่ดิน โดยเฉพาะการเร่งรัดในเรื่องของการออกเอกสารสิทธิ์ ในลักษณะที่เขียนกฎหมายที่เสนอเข้าสู่สภาที่ค่อนข้างที่จะหละหลวมและมีช่องว่างอย่างมาก กล่าวคือจะมีการเปิดโอกาสให้มีการเปลี่ยนเอกสาร อย่างเช่น สค.1 มาเป็นฉโนดที่ดิน แม้ในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งมีปัญหาความละเอียดอ่อนในแง่ของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและปัญหาการบุกรุก ซึ่งการเร่งรัดในลักษณะนี้มีโอกาสสูงที่จะทำให้ที่ดินทั้งหลายตกไปอยู่ในมือของนายทุน หรือ คนมีเงิน
‘เรื่องนี้ถ้าต้องการจะช่วยพี่น้องประชาชนซึ่งขาดที่ทำกิน ยากจน หรือยังขาดเอกสารสิทธิ์ ที่จะทำให้เกิดความมั่นใจแล้ว ก็น่าจะต้องดำเนินการในรูปแบบ ซึ่งมีวิธีการในการป้องกัน ไม่ให้มีการเปลี่ยนมือ ไม่ให้มีการขายไม่ให้มีการโอน อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยระยะเวลาหนึ่ง เพราะฉะนั้นใน 2 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทางสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของฝ่ายค้านก็คงจะได้แสดงความคิดเห็นในการท้วงติง เพื่อหวังว่าหากสภารับหลักการกฎหมาย 2 ฉบับนี้ ก็จะได้มีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อป้องกันจุดอ่อนมิฉะนั้นกฎหมายเหล่านี้ในที่สุดกลับกลายเป็นกฎหมายที่อาจเริ่มต้นด้วยเจตนาที่ดี ในเชิงการบริหาร ในเชิงการช่วยเหลือผู้ยากจนบ้าง กลับไปเอื้อประโยชน์ให้กับคนกลุ่มน้อย แล้วก็ทำให้ทรัพยากรจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติ จะเป็นสาธารณูปโภค หรือว่าทรัพย์สินซึ่งเป็นของสาธารณะในที่สุดไปเอื้อประโยชน์ให้แก่เฉพาะคนกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งมีฐานะดีอยู่แล้วมีความได้เปรียบทางสังคมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็จะต้องมีการทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงบ่ายวันนี้ แล้วก็หวังว่าพี่น้องประชาชนแล้ว จะติดตามสนใจฟังแล้วก็ได้สะท้อนความคิดความอ่านความเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ด้วย’ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ต.ค. 2548--จบ--