สรุปสถานการณ์
มร.ฌอง-ปิแอร์ เวอร์บิสต์ ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารพัฒนาเอเซียประจำประเทศไทย (เอดีบี) ได้เปิดเผยว่า เอดีบี ได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย (จีดีพี) ในปี 2548 จากเดิม 5.6% เหลือ 4% เนื่องมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยที่เอดีบีได้ประมาณการว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะส่งผลให้จีดีพีของไทยลดลง 1-1.5% สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ คาดว่าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 4% แต่ในปี 2549 จะอยู่ที่ 3.5% ทั้งนี้ เอดีบี ยังคาดการณ์ว่าจีดีพีของไทยน่าจะขยับสูงขึ้นในปี 2549 จะขยายตัวอยู่ที่ 5% ลดลงจากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 5.8% และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวถึง 5.5% ในปี 2550 สำหรับการขยายตัวในปี 2549 เป็นผลมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจ็กต์ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเคลื่อนไหวได้และจะทำให้จีดีพีของไทยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 0.5-1% ในขณะเดียวกันในรายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียของ เอดีบี ได้เตือนว่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อฐานะการคลัง และดุลบัญชีเดินสะพัด ขอให้รัฐบาลพิจารณาวงเงินลงทุนที่เหมาะสมต่อไป
ประเด็นวิเคราะห์:
การที่เอดีบี ได้ปรับลดประมาณการจีดีพีของไทยปี 2548 ลดลงจาก 5.6% เหลือ 4% มีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และถ้าราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่องทุกๆ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบารเรลจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีของไทยประมาณ 1-1.5% และสิ่งที่น่าติดตามในภาวะครึ่งปีหลังของไทยจะต้องจับตามองถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะต้องให้อยู่ในระดับไม่เกิน 4% เพราะอัตราเงินเฟ้อจะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ย ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การส่งออกและรายได้จากการท่องเที่ยว นั้น เอดีบี ได้คาดว่าการส่งออกในครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ดี ด้านการท่องเที่ยวจะต้องติดตามดูว่าสูงตามที่เป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ เนื่องจากจะมี่ผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยด้วย
ที่มา: http://www.depthai.go.th