แท็ก
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
องอาจ คล้ามไพบูลย์
พรรคประชาธิปัตย์
ชายแดนภาคใต้
ปชป.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอน้อมรับพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยและพระราชทานความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้มาโดยตลอด ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่
นายองอาจ ยังได้กล่าวถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรีจะเชิญ ส.ส.ภาคใต้ ของพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมหารือเรื่องปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทุกภาคส่วนหากข้อมูลที่พรรคฯมีจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นปัญหาระดับประเทศ ทุกฝ่ายควรจะร่วมมือกันแก้ไข ทั้งนี้หากรัฐบาลได้ข้อมูลแล้วควรนำไปพิจารณาเพื่อปฏิบัติให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะฝ่ายค้านไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการใดๆได้ นอกจากเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น ทางพรรคฯจึงได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
สำหรับกรณีที่นายกฯกล่าวพาดพิงถึงบุคคลอื่นในการวิพากษ์วิจารณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนแผ่นเสียงตกร่องนั้น นายองอาจ กล่าวว่า นายกฯควรพิจารณาตนเองก่อนว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังบริหารจัดการเป็นอย่างไร เดินมาถูกทางหรือไม่ ก่อนที่กล่าวโทษคนอื่น ถ้าท่านทำอย่างนั้น ท่านก็จะเห็นว่าสิ่งที่ท่านดำเนินการบนการประเมินสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้องทำให้เข้าใจปัญหาผิด เพราะฉะนั้นวิธีการ หรือเครื่องมือที่พยายามสับเปลี่ยน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลก็ผิดพลาดมาตลอด จนบานปลายยากที่จะแก้ไข ท่านควรทบทวนตนเองว่าสิ่งที่ท่านทำมาถูกต้องหรือผิดพลาดมากน้อย และต้องยอมรับว่าท่านก็มีส่วนในการสร้างปัญหาขึ้นมาส่วนหนึ่งด้วย
กรณีสนามบินสุวรรณภูมิ นายองอาจกล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลจะต้องให้การเอาใจใส่ในเรื่องของความเชื่อมั่นที่จะมีต่อการใช้สนามบินนี้ เพราะสนามบินสุวรรรภูมิเป็นสนามบินที่สำคัญในภูมิภาค รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ความไม่เชื่อมั่นเกิดกับพี่น้องประชาชนและนานาชาติ พรรคประชาธิปัตย์จึงเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมดำเนินการอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ 1. รีบตรวจสอบและสะสางการทุจริตทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เกิดความโปร่งใส 2. รัฐบาลควรเผยแพร่ข้อเท็จจริงรวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ ในการสร้างความเชื่อมั่นกับพี่น้องระชาชนและนานาชาติ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในธุรกิจการบิน และการท่องเที่ยว
สำหรับท่าทีของรัฐบาลเกี่ยวกับสื่อมวลชน โฆษกรัฐบาล และงานของรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์มองว่ามี 2 ประเด็น ที่อยากจะแสดงความคิดเห็น 1. เรื่องการแย่งพื้นที่ข่าว ท่านนายกฯ และรัฐบาลกำลังพยายามใช้ยุทธวิธีในการแย่งชิงพื้นที่ข่าวทุกวิถีทาง ตนอยากเรียนว่ารัฐบาลทักษิณ 2 ก็ใช้พื้นที่ข่าวมากไม่ต่างจากรัฐบาลทักษิณ 1 เหตุผลที่รัฐบาลพยายามแย่งพื้นที่ข่าวเพราะรัฐบาลคิดว่าประชาชนมีควาเชื่อมั่น เชื่อถือ และศรัทธาลดลง รัฐบาลจึงคิดว่าถ้าเข้าไปแย่งชิงพื้นที่ได้มากขึ้นก็จะทำให้ความเชื่อมั่นนั้นเพิ่มมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์มองว่ารัฐบาลกำลังเข้าใจผิดและไม่ควรคำนึงถึงการแย่งชิงพื้นที่ แต่ควรคำนึงถึงพื้นฐานความจริงที่จะนำเสนอสื่อมวลชนมากกว่า ถ้ารัฐบาลไปทบทวนตนเองก็จะพบว่า นับตั้งแต่ทักษิณ 2 เป็นต้นมาความนิยม ความศรัทธาในรัฐบาลลดลง ในขณะที่พื้นที่ข่าวของรัฐบาลเท่าเดิม สื่อมวลชนก็เป็นคนเดิมๆ แต่ทำไมการนำเสนอข่าวสารของสื่อจึงเปลี่ยนแปลงไป เป็นเพราะรัฐบาลไม่พูดความจริง จึงทำให้ความเชื่อมั่นลดลง
2. กรณีที่รัฐบาลพยายามให้โฆษกรัฐบาลออกมาตอบโต้รายวัน เพราะจะทำให้สถานะรัฐบาลดีขึ้น เป็นความคิดที่ผิด เพราะรัฐบาลไม่ควรมีหน้าที่ออกมาตอบโต้รายวัน แต่รัฐบาลควรมีภาระหน้าที่ในการชี้แจงข้อเท็จจริง ในการนำเสนอข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลควรเป็นรัฐบาลที่ประสานความเข้าใจกับทุกส่วนมากกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ส.ค. 2548--จบ--
นายองอาจ ยังได้กล่าวถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรีจะเชิญ ส.ส.ภาคใต้ ของพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมหารือเรื่องปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทุกภาคส่วนหากข้อมูลที่พรรคฯมีจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นปัญหาระดับประเทศ ทุกฝ่ายควรจะร่วมมือกันแก้ไข ทั้งนี้หากรัฐบาลได้ข้อมูลแล้วควรนำไปพิจารณาเพื่อปฏิบัติให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะฝ่ายค้านไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการใดๆได้ นอกจากเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาเท่านั้น ทางพรรคฯจึงได้มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
สำหรับกรณีที่นายกฯกล่าวพาดพิงถึงบุคคลอื่นในการวิพากษ์วิจารณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนแผ่นเสียงตกร่องนั้น นายองอาจ กล่าวว่า นายกฯควรพิจารณาตนเองก่อนว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังบริหารจัดการเป็นอย่างไร เดินมาถูกทางหรือไม่ ก่อนที่กล่าวโทษคนอื่น ถ้าท่านทำอย่างนั้น ท่านก็จะเห็นว่าสิ่งที่ท่านดำเนินการบนการประเมินสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้องทำให้เข้าใจปัญหาผิด เพราะฉะนั้นวิธีการ หรือเครื่องมือที่พยายามสับเปลี่ยน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลก็ผิดพลาดมาตลอด จนบานปลายยากที่จะแก้ไข ท่านควรทบทวนตนเองว่าสิ่งที่ท่านทำมาถูกต้องหรือผิดพลาดมากน้อย และต้องยอมรับว่าท่านก็มีส่วนในการสร้างปัญหาขึ้นมาส่วนหนึ่งด้วย
กรณีสนามบินสุวรรณภูมิ นายองอาจกล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลจะต้องให้การเอาใจใส่ในเรื่องของความเชื่อมั่นที่จะมีต่อการใช้สนามบินนี้ เพราะสนามบินสุวรรรภูมิเป็นสนามบินที่สำคัญในภูมิภาค รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้ความไม่เชื่อมั่นเกิดกับพี่น้องประชาชนและนานาชาติ พรรคประชาธิปัตย์จึงเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมดำเนินการอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ 1. รีบตรวจสอบและสะสางการทุจริตทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เกิดความโปร่งใส 2. รัฐบาลควรเผยแพร่ข้อเท็จจริงรวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ ในการสร้างความเชื่อมั่นกับพี่น้องระชาชนและนานาชาติ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในธุรกิจการบิน และการท่องเที่ยว
สำหรับท่าทีของรัฐบาลเกี่ยวกับสื่อมวลชน โฆษกรัฐบาล และงานของรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์มองว่ามี 2 ประเด็น ที่อยากจะแสดงความคิดเห็น 1. เรื่องการแย่งพื้นที่ข่าว ท่านนายกฯ และรัฐบาลกำลังพยายามใช้ยุทธวิธีในการแย่งชิงพื้นที่ข่าวทุกวิถีทาง ตนอยากเรียนว่ารัฐบาลทักษิณ 2 ก็ใช้พื้นที่ข่าวมากไม่ต่างจากรัฐบาลทักษิณ 1 เหตุผลที่รัฐบาลพยายามแย่งพื้นที่ข่าวเพราะรัฐบาลคิดว่าประชาชนมีควาเชื่อมั่น เชื่อถือ และศรัทธาลดลง รัฐบาลจึงคิดว่าถ้าเข้าไปแย่งชิงพื้นที่ได้มากขึ้นก็จะทำให้ความเชื่อมั่นนั้นเพิ่มมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์มองว่ารัฐบาลกำลังเข้าใจผิดและไม่ควรคำนึงถึงการแย่งชิงพื้นที่ แต่ควรคำนึงถึงพื้นฐานความจริงที่จะนำเสนอสื่อมวลชนมากกว่า ถ้ารัฐบาลไปทบทวนตนเองก็จะพบว่า นับตั้งแต่ทักษิณ 2 เป็นต้นมาความนิยม ความศรัทธาในรัฐบาลลดลง ในขณะที่พื้นที่ข่าวของรัฐบาลเท่าเดิม สื่อมวลชนก็เป็นคนเดิมๆ แต่ทำไมการนำเสนอข่าวสารของสื่อจึงเปลี่ยนแปลงไป เป็นเพราะรัฐบาลไม่พูดความจริง จึงทำให้ความเชื่อมั่นลดลง
2. กรณีที่รัฐบาลพยายามให้โฆษกรัฐบาลออกมาตอบโต้รายวัน เพราะจะทำให้สถานะรัฐบาลดีขึ้น เป็นความคิดที่ผิด เพราะรัฐบาลไม่ควรมีหน้าที่ออกมาตอบโต้รายวัน แต่รัฐบาลควรมีภาระหน้าที่ในการชี้แจงข้อเท็จจริง ในการนำเสนอข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลควรเป็นรัฐบาลที่ประสานความเข้าใจกับทุกส่วนมากกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 ส.ค. 2548--จบ--