เศรษฐกิจโดยรวมเดือนเมษายน 2549 ด้านอุปสงค์ชะลอตัวจากเดือนก่อนทั้งเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุน ภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม การส่งออกและรายได้รัฐบาลยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี
ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาพืชผลที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ขณะที่ผลผลิตเกษตร ขยายตัวต่อเนื่อง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศเป็นสำคัญ สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมขยายตัวในเกณฑ์ดีจากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในเดือนเดียวกันปีก่อน
เสถียรภาพเศรษฐกิจในเดือนนี้มีแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มมากขึ้น โดยทั้งอัตรา เงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับเพิ่มสูงขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาขาดดุลในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี และอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนเมษายน 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2549 ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยขยายตัวจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 7.2 ทั้งนี้ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวดีตามอุปสงค์จากต่างประเทศ ในขณะที่บางหมวดชะลอลงที่สำคัญ ได้แก่ หมวดยานยนต์ตามอุปสงค์ในประเทศ หมวดอาหารตามวัตถุดิบอ้อยที่มีน้อยในช่วงปลายฤดูการผลิต หมวดที่การผลิตหดตัว ได้แก่ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และหมวดยาสูบ เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศชะลอตัว ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 71.3 ลดลงจากร้อยละ 80.5 ในเดือนก่อน อันเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลเป็นสำคัญ
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.8 ชะลอตัวจากร้อยละ 3.7 ในเดือนก่อน โดยเครื่องชี้การบริโภคเกือบทุกตัวชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ยกเว้นปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ที่ขยายตัวสูงกว่าเดือนก่อน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ 2.2 ในเดือนก่อน เนื่องจากการชะลอตัวของการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร อย่างไรก็ตาม มูลค่า การจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ณ ราคาคงที่ ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างหดตัวต่อเนื่อง ตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
3. ภาคการคลังเดือนเมษายน 2549 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 127.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.7 ตามการนำส่งรายได้รัฐพาณิชย์เป็นสำคัญ ขณะที่รายได้ภาษีขยายตัวร้อยละ 3.3 ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า จากการชะลอตัวของภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นสำคัญ สำหรับดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้เกินดุลเป็น เดือนแรกในปีงบประมาณ 2549 จำนวน 10.6 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศเดือนเมษายน 2549 ดุลการค้าขาดดุล 520 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกที่ขยายตัว ในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 คิดเป็นมูลค่า 9,122 ล้านดอลลาร์ สรอ. สินค้าออกสำคัญที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน ยานพาหนะและชิ้นส่วน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 9,642 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.1 สินค้านำเข้าที่ลดลงที่สำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะและชิ้นส่วน เครื่องจักร เหล็กและเคมีภัณฑ์ ส่วนการนำเข้าเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ขยายตัวสูงทั้งราคาและปริมาณ ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 238 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่เกินดุล 298 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายจ่าย ผลประโยชน์การลงทุนและรายจ่ายท่องเที่ยวขาออกที่เพิ่มขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุล 283 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 811 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2549 อยู่ที่ระดับ 57.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 5.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 6.0 ตามราคาในหมวดอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ซึ่งเพิ่มขึ้นมาก ส่วนราคาในหมวดพลังงานชะลอลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ตามราคาน้ำมัน เชื้อเพลิงในประเทศ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารบริโภคนอกบ้าน ค่าโดยสารสาธารณะ และการสื่อสาร ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ดัชนีราคาผู้ผลิตเร่งขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.7 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวด ผลผลิตเกษตรกรรมเป็นสำคัญ
6. ภาวะการเงินในเดือนเมษายน 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 93.0 พันล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ 12.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการแข่งขันระดมเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มข้น โดยมีการเสนอผลิตภัณฑ์พิเศษและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อจูงใจผู้ฝากเงิน สำหรับสิทธิเรียกร้องจาก ภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์1/ ขยายตัวร้อยละ 7.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่และบวกกลับผลของการตัดหนี้สูญสินเชื่อออกจากบัญชีและการโอนทางบัญชีกับ AMC แล้ว ขยายตัวร้อยละ 6.5 ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
ฐานเงินขยายตัวร้อยละ 6.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวร้อยละ 12.9 9.1 และ 9.3 ตามลำดับ และอยู่ในแนวโน้มที่ขยายตัวเร่งขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2548 สำหรับปริมาณเงินตามความหมายกว้าง2/ (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 9.5 สอดคล้องกับการเร่งตัวของปริมาณเงินอื่นๆ โดยเป็นการเร่งตัวของ เงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะเงินฝากประเภทมีระยะเวลา
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่าง ธนาคารระยะ 1 วันปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนในขนาดที่ใกล้เคียงกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2549
ในช่วงวันที่ 1-26 พฤษภาคม 2549 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ ใกล้เคียงกับระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 4.75 ต่อปี
7. ค่าเงินบาทในเดือนเมษายน 2549 โน้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดทั้งเดือน และทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบกว่า 6 ปีที่ระดับ 37.47 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในช่วงปลายเดือน โดยมีปัจจัยหลักจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายลง ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์ไทยจำนวนมาก เมื่อพิจารณาตลอดทั้งเดือน ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 37.99 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยของเดือนก่อนร้อยละ 2.5
ระหว่างวันที่ 1-26 พฤษภาคม 2549 ค่าเงินบาทเริ่มปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินสกุลหลักที่ไม่ใช่ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากนักลงทุนต้องการลดความเสี่ยง จึงลดการลงทุนใน Emerging Markets ลงบ้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาพืชผลที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ขณะที่ผลผลิตเกษตร ขยายตัวต่อเนื่อง ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศเป็นสำคัญ สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมขยายตัวในเกณฑ์ดีจากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในเดือนเดียวกันปีก่อน
เสถียรภาพเศรษฐกิจในเดือนนี้มีแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มมากขึ้น โดยทั้งอัตรา เงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับเพิ่มสูงขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาขาดดุลในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี และอัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนเมษายน 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2549 ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยขยายตัวจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 7.2 ทั้งนี้ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ยังขยายตัวดีตามอุปสงค์จากต่างประเทศ ในขณะที่บางหมวดชะลอลงที่สำคัญ ได้แก่ หมวดยานยนต์ตามอุปสงค์ในประเทศ หมวดอาหารตามวัตถุดิบอ้อยที่มีน้อยในช่วงปลายฤดูการผลิต หมวดที่การผลิตหดตัว ได้แก่ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก และหมวดยาสูบ เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศชะลอตัว ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 71.3 ลดลงจากร้อยละ 80.5 ในเดือนก่อน อันเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลเป็นสำคัญ
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 0.8 ชะลอตัวจากร้อยละ 3.7 ในเดือนก่อน โดยเครื่องชี้การบริโภคเกือบทุกตัวชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ยกเว้นปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ที่ขยายตัวสูงกว่าเดือนก่อน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากร้อยละ 2.2 ในเดือนก่อน เนื่องจากการชะลอตัวของการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร อย่างไรก็ตาม มูลค่า การจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ณ ราคาคงที่ ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างหดตัวต่อเนื่อง ตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
3. ภาคการคลังเดือนเมษายน 2549 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 127.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.7 ตามการนำส่งรายได้รัฐพาณิชย์เป็นสำคัญ ขณะที่รายได้ภาษีขยายตัวร้อยละ 3.3 ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า จากการชะลอตัวของภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นสำคัญ สำหรับดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้เกินดุลเป็น เดือนแรกในปีงบประมาณ 2549 จำนวน 10.6 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศเดือนเมษายน 2549 ดุลการค้าขาดดุล 520 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกที่ขยายตัว ในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 คิดเป็นมูลค่า 9,122 ล้านดอลลาร์ สรอ. สินค้าออกสำคัญที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน ยานพาหนะและชิ้นส่วน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 9,642 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.1 สินค้านำเข้าที่ลดลงที่สำคัญ ได้แก่ ยานพาหนะและชิ้นส่วน เครื่องจักร เหล็กและเคมีภัณฑ์ ส่วนการนำเข้าเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ขยายตัวสูงทั้งราคาและปริมาณ ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนเกินดุล 238 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่เกินดุล 298 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายจ่าย ผลประโยชน์การลงทุนและรายจ่ายท่องเที่ยวขาออกที่เพิ่มขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุล 283 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 811 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2549 อยู่ที่ระดับ 57.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 5.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 6.0 ตามราคาในหมวดอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะราคาผักและผลไม้ซึ่งเพิ่มขึ้นมาก ส่วนราคาในหมวดพลังงานชะลอลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ตามราคาน้ำมัน เชื้อเพลิงในประเทศ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 2.9 เป็นผลจากราคาสินค้าในหมวดอาหารบริโภคนอกบ้าน ค่าโดยสารสาธารณะ และการสื่อสาร ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน
ดัชนีราคาผู้ผลิตเร่งขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.7 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวด ผลผลิตเกษตรกรรมเป็นสำคัญ
6. ภาวะการเงินในเดือนเมษายน 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 93.0 พันล้านบาท ขยายตัวถึงร้อยละ 12.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการแข่งขันระดมเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงเข้มข้น โดยมีการเสนอผลิตภัณฑ์พิเศษและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อจูงใจผู้ฝากเงิน สำหรับสิทธิเรียกร้องจาก ภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์1/ ขยายตัวร้อยละ 7.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่และบวกกลับผลของการตัดหนี้สูญสินเชื่อออกจากบัญชีและการโอนทางบัญชีกับ AMC แล้ว ขยายตัวร้อยละ 6.5 ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
ฐานเงินขยายตัวร้อยละ 6.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงิน M2 M2a และ M3 ขยายตัวร้อยละ 12.9 9.1 และ 9.3 ตามลำดับ และอยู่ในแนวโน้มที่ขยายตัวเร่งขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2548 สำหรับปริมาณเงินตามความหมายกว้าง2/ (Broad Money) ขยายตัวร้อยละ 9.5 สอดคล้องกับการเร่งตัวของปริมาณเงินอื่นๆ โดยเป็นการเร่งตัวของ เงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะเงินฝากประเภทมีระยะเวลา
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่าง ธนาคารระยะ 1 วันปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อนในขนาดที่ใกล้เคียงกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2549
ในช่วงวันที่ 1-26 พฤษภาคม 2549 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ ใกล้เคียงกับระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 4.75 ต่อปี
7. ค่าเงินบาทในเดือนเมษายน 2549 โน้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดทั้งเดือน และทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบกว่า 6 ปีที่ระดับ 37.47 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในช่วงปลายเดือน โดยมีปัจจัยหลักจากสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายลง ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์ไทยจำนวนมาก เมื่อพิจารณาตลอดทั้งเดือน ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 37.99 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยของเดือนก่อนร้อยละ 2.5
ระหว่างวันที่ 1-26 พฤษภาคม 2549 ค่าเงินบาทเริ่มปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินสกุลหลักที่ไม่ใช่ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากนักลงทุนต้องการลดความเสี่ยง จึงลดการลงทุนใน Emerging Markets ลงบ้าง
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--