อดีตประธานคณะอนุกรรมาธิการทหารสนับสนุนแนวคิดป๋า ย้ำทหารเป็นของชาติและพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศชาติและราชบัลลังก์ด้วยชีวิต พบมีทหารบางกลุ่มเคลื่อนไหว แต่ส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติด้วยดี
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณและประสิทธิภาพกองทัพในการป้องกันประเทศ คณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎรแสดงความชื่นชมและสนับสนุนแนวคิดของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ว่าด้วยสำนึก หน้าที่และภารกิจของทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ประธานองคมนตรีระบุว่าทหารเป็นของชาติและพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศโดยไม่ย่อท้อไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหรือฐานะใดอย่างที่กล่าวไว้ว่า “The old soldiers never die”
นายพีระพันธุ์ ระบุว่าจากการที่คลุกคลีอยู่กับวงการทหารมาอย่างยาวนานพบว่าทหารมีความสำนึกในหน้าที่ของตนเองและพร้อมที่จะเสียสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่อรักษาแผ่นดินทำให้ประชาชนคนไทยพ้นจากภยันตรายที่คุกคามประเทศมาทุกยุคทุกสมัย ความผาสุกร่มเย็นในชาติเกิดจากการเสียสละของทหาร
“การเป็นทหารมีความพิเศษในตัวเอง ไม่ใช่เป็นเพียงอาชีพ แต่เป็นกลุ่มคนที่ประเทศชาติ ประชาชนฝากให้คุ้มครองชีวิตและความสงบสุขให้ ทหารเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับค่าตอบแทนน้อย ทำงานหนัก และเหนืออื่นใดคือเป็นกลุ่มผู้ที่เตรียมพร้อมแม้กระทั่งชีวิตก็สามารถสละให้กับการป้องกันชาติและราชบัลลังก์ได้ ฯพณฯประธานองคมนตรี ท่านเป็นชายชาติทหารโดยแท้ ท่านเข้าใจในจิตใจและสำนึกของทหาร ท่านอุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติและราชบัลลังก์จนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง สมควรที่เราจะนำแนวความคิดของท่านไปเผยแพร่เป็นแบบอย่างต่อทหารรุ่นต่อๆไปอย่างจริงจัง” นายพีระพันธุ์กล่าว
นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงรายงานความเคลื่อนไหวกดดันจากการเมืองในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพว่าเป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการโดยรอบคอบและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์ของคนใดหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องของการรักษาความมั่นคงของชาติและราชบัลลังก์ตามยุทธศาสตร์ที่กองทัพเคยวางเอาไว้ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
“จากการติดตามยุทธศาสตร์และนโยบายความมั่นคงของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ผมพบว่าประเทศของเราได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศไว้อย่างมีแบบแผนโดยมุ่งการรักษาความมั่นคงของประเทศและประชาชนเป็นเป้าหมาย ไม่ใช่ความมั่นคงของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือผู้นำคนใดคนหนึ่งหรือคณะหนึ่ง การจัดและบริหารการบังคับบัญชากำลังพลจึงจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของภารกิจเหล่านี้ ซึ่งทหารก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งและควรจะมีการต่อเนื่องไม่ใช่ภารกิจทางการเมืองหรือการจัดตั้งกองกำลังส่วนตัวโดยถือรุ่นถือเหล่า แต่ต้องถือเอาภารกิจเป็นหลัก”นายพีระพันธุ์กล่าว
เขากล่าวอีกว่าสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้มีความอ่อนไหวมาก เกิดการแบ่งฝ่ายและประจันหน้ากัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับการที่ทหารมีความอดทน ไม่ผันแปรไปตามปัจจัยแห่งอำนาจ และยังคงเกียรติยศของทหารตามที่ พล.ท.สพรั่งกัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวไว้ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ของตนเองในฐานะทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและของชาติไทย ส่วนกระแสการปฏิวัตินั้นทราบว่าอาจจะมีการพูดคุยกันบ้างของทหารบางกลุ่ม แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนนัก จึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ค. 2549--จบ--
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณางบประมาณและประสิทธิภาพกองทัพในการป้องกันประเทศ คณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎรแสดงความชื่นชมและสนับสนุนแนวคิดของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ว่าด้วยสำนึก หน้าที่และภารกิจของทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ประธานองคมนตรีระบุว่าทหารเป็นของชาติและพระเจ้าอยู่หัว มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของประเทศโดยไม่ย่อท้อไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหรือฐานะใดอย่างที่กล่าวไว้ว่า “The old soldiers never die”
นายพีระพันธุ์ ระบุว่าจากการที่คลุกคลีอยู่กับวงการทหารมาอย่างยาวนานพบว่าทหารมีความสำนึกในหน้าที่ของตนเองและพร้อมที่จะเสียสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่อรักษาแผ่นดินทำให้ประชาชนคนไทยพ้นจากภยันตรายที่คุกคามประเทศมาทุกยุคทุกสมัย ความผาสุกร่มเย็นในชาติเกิดจากการเสียสละของทหาร
“การเป็นทหารมีความพิเศษในตัวเอง ไม่ใช่เป็นเพียงอาชีพ แต่เป็นกลุ่มคนที่ประเทศชาติ ประชาชนฝากให้คุ้มครองชีวิตและความสงบสุขให้ ทหารเป็นกลุ่มบุคคลที่ได้รับค่าตอบแทนน้อย ทำงานหนัก และเหนืออื่นใดคือเป็นกลุ่มผู้ที่เตรียมพร้อมแม้กระทั่งชีวิตก็สามารถสละให้กับการป้องกันชาติและราชบัลลังก์ได้ ฯพณฯประธานองคมนตรี ท่านเป็นชายชาติทหารโดยแท้ ท่านเข้าใจในจิตใจและสำนึกของทหาร ท่านอุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติและราชบัลลังก์จนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง สมควรที่เราจะนำแนวความคิดของท่านไปเผยแพร่เป็นแบบอย่างต่อทหารรุ่นต่อๆไปอย่างจริงจัง” นายพีระพันธุ์กล่าว
นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงรายงานความเคลื่อนไหวกดดันจากการเมืองในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพว่าเป็นสิ่งที่จะต้องดำเนินการโดยรอบคอบและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์ของคนใดหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องของการรักษาความมั่นคงของชาติและราชบัลลังก์ตามยุทธศาสตร์ที่กองทัพเคยวางเอาไว้ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
“จากการติดตามยุทธศาสตร์และนโยบายความมั่นคงของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ผมพบว่าประเทศของเราได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศไว้อย่างมีแบบแผนโดยมุ่งการรักษาความมั่นคงของประเทศและประชาชนเป็นเป้าหมาย ไม่ใช่ความมั่นคงของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือผู้นำคนใดคนหนึ่งหรือคณะหนึ่ง การจัดและบริหารการบังคับบัญชากำลังพลจึงจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมายของภารกิจเหล่านี้ ซึ่งทหารก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งและควรจะมีการต่อเนื่องไม่ใช่ภารกิจทางการเมืองหรือการจัดตั้งกองกำลังส่วนตัวโดยถือรุ่นถือเหล่า แต่ต้องถือเอาภารกิจเป็นหลัก”นายพีระพันธุ์กล่าว
เขากล่าวอีกว่าสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้มีความอ่อนไหวมาก เกิดการแบ่งฝ่ายและประจันหน้ากัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับการที่ทหารมีความอดทน ไม่ผันแปรไปตามปัจจัยแห่งอำนาจ และยังคงเกียรติยศของทหารตามที่ พล.ท.สพรั่งกัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวไว้ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ของตนเองในฐานะทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและของชาติไทย ส่วนกระแสการปฏิวัตินั้นทราบว่าอาจจะมีการพูดคุยกันบ้างของทหารบางกลุ่ม แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนนัก จึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.ค. 2549--จบ--