‘ชินวรณ์’ จี้ 'อดิศัย' ลาออก พร้อมเรียกร้องครูที่ได้รับผลกระทบ ฟ้องอดิศัยต่อ ด้าน ‘ประกอบ’ เผย รมว.ศึกษา ใช้ช่องทางกฎหมายเอาเปรียบครู เลี่ยงจ่ายเงินวิทยฐานะ
ตามที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง กรณีนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.) และนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการ ก.ค. เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ ขัดต่อมาตรา 75 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 ใน 6 สำนวนตั้งแต่ปี 2547 นั้น เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้เพิกถอนประกาศคณะกรรมการข้าราชการครู เรื่องรับสมัครข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ลงวันที่ 8 มี.ค.2547 และประกาศคณะกรรมการข้าราชการครูเรื่อง รับสมัครข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท. สังกัด สพฐ. ลงวันที่ 8 มี.ค.2547 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีประกาศ
วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านการศึกษา ศาสนา และการกีฬาของพรรค แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า จากคำพิพากษาดังกล่าวสอดรับกับที่พรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอดิศัยว่าจงใจที่จะกระทำการโดยผิดกฎหมายและทำให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติ ทำให้ข้าราชการครูเสียขวัญและกำลังใจ บางคนต้องสูญเสียโอกาสที่ควรจะเป็นจากการกระทำของนายอดิศัย นอกจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยังได้มอบหมายให้ตนไปยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 303 ซึ่งประธานวุฒิสภาได้ดำเนินการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 305 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนและนายสนั่น สุธากูล ได้ไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช. และยืนยันข้อกล่าวหาชัดเจนว่านายอดิศัยจงใจที่จะกระทำการโดยผิดกฎหมาย และครั้งนั้นนายอดิศัยก็ได้ตอบในสภาว่าถ้าตนกระทำการโดยผิดกฎหมาย ก็จะพิจารณาตัวเอง ซึ่งบัดนี้คำพิพากษาที่ออกมาเท่ากับยืนยันคำอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านแล้ว ดังนั้นตนเห็นว่านายอดิศัยสมควรที่จะพิจารณาตัวเอง โดยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
“วันนี้ในชั้นต้นคำพิพากษาได้ยืนยันชัดเจนว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณได้กระทำผิดกฎมายแล้ว ถึงแม้ว่าขณะนี้ ป.ป.ช.ที่จะต้องดำเนินการในการถอดถอนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ผมคิดว่าท่านอดิศัยสมควรที่จะพิจารณาตัวเอง โดยการออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ชอบโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และไม่ชอบโดยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย” นายชินวรณ์กล่าว
ทั้งนี้นายชินวรณ์ ยังเรียกร้องให้ข้าราชการครูที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือได้รับผลกระทบกับการแต่งตั้ง ผอ.สพท. และรอง ผอ.สพท. รวมทั้งได้รับความเดือดร้อนจากการออกกฎ ก.ค.ฉบับที่ 25 (พ.ศ.2547) รวมตัวกันเพื่อฟ้องนายอดิศัยฐานละเมิดในการที่ทำให้เสียหาย
ด้านนายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านการศึกษา ศาสนา และการกีฬาของพรรค กล่าวว่า เมื่อศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาดังกล่าว ก็หมายความว่าผอ.สพท. และรอง ผอ.สพท.ต้องหมดสภาพไป พรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามที่จะชี้ให้เห็นว่าการกระทำครั้งที่แล้วไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่รมว.ศึกษาฯ และนายกฯก็ไม่ฟัง จนกระทั่งเรื่องขึ้นสู่ศาล และในที่สุดก็มีคำพิพากษาชั้นต้นแล้วว่าผิดกฎหมาย แต่ขณะนี้นายอดิศัยกำลังจะละเมิดสิทธิของข้าราชการครูทั่วประเทศ โดยเฉพาะตำแหน่งอาจารย์ 2 ระดับ 7 ซึ่งกฎหมายให้ปรับเปลี่ยนเข้าโครงสร้างใหม่ในตำแหน่งผู้ชำนาญการ รับเงินวิทยฐานะ 3,500 บาทต่อเดือน โดยเจตนารมณ์ของกฎหมาย เมื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่แล้ว ก็ให้ก.ค.ไปออกระเบียบวิธีปฏิบัติ โดยไม่จำเป็นต้องประเมินเข้าสู่โครงสร้างได้ทันที นั่นหมายความว่า อาจารย์ 2 ระดับ 7 ทั่วประเทศ หลังจากที่ ก.ค.ได้กำหนดระเบียบการเสร็จแล้วก็เข้าโครงสร้างครูชำนาญการได้รับเงินวิทยฐานะ 3,500 บาท แต่บัดนี้ทางรัฐมนตรีอดิศัยพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ครูทั้งประเทศได้รับอานิสงค์จากระเบียบนี้ คือพยายามที่จะให้มีการประเมิน อาจารย์ 2 ระดับ 7 เข้าสู่วิทยฐานะใหม่ คือ ครูชำนาญการ ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ตนจึงอยากเรียกร้องให้เพื่อนครูทั่วประเทศได้คิดเรื่องนี้ และถ้าเกิดรัฐมนตรียังดื้อดึงที่จะทำการประเมินครูเข้าสู่ตำแหน่งผู้ชำนาญการ ตนคิดว่าต้องเกิดการฟ้องร้องอีก และเชื่อว่ารัฐมนตรีก็ต้องมีความผิด เพราะจงใจที่จะทำผิดกฎหมาย พยายามที่จะใช้ช่องทางกฎหมายเอาเปรียบเพื่อนครูของเรา
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2548--จบ--
ตามที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง กรณีนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.) และนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เลขาธิการ ก.ค. เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ ขัดต่อมาตรา 75 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 ใน 6 สำนวนตั้งแต่ปี 2547 นั้น เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้เพิกถอนประกาศคณะกรรมการข้าราชการครู เรื่องรับสมัครข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ลงวันที่ 8 มี.ค.2547 และประกาศคณะกรรมการข้าราชการครูเรื่อง รับสมัครข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรอง ผอ.สพท. สังกัด สพฐ. ลงวันที่ 8 มี.ค.2547 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีประกาศ
วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านการศึกษา ศาสนา และการกีฬาของพรรค แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า จากคำพิพากษาดังกล่าวสอดรับกับที่พรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายอดิศัยว่าจงใจที่จะกระทำการโดยผิดกฎหมายและทำให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติ ทำให้ข้าราชการครูเสียขวัญและกำลังใจ บางคนต้องสูญเสียโอกาสที่ควรจะเป็นจากการกระทำของนายอดิศัย นอกจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยังได้มอบหมายให้ตนไปยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 303 ซึ่งประธานวุฒิสภาได้ดำเนินการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 305 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนและนายสนั่น สุธากูล ได้ไปให้ปากคำกับ ป.ป.ช. และยืนยันข้อกล่าวหาชัดเจนว่านายอดิศัยจงใจที่จะกระทำการโดยผิดกฎหมาย และครั้งนั้นนายอดิศัยก็ได้ตอบในสภาว่าถ้าตนกระทำการโดยผิดกฎหมาย ก็จะพิจารณาตัวเอง ซึ่งบัดนี้คำพิพากษาที่ออกมาเท่ากับยืนยันคำอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านแล้ว ดังนั้นตนเห็นว่านายอดิศัยสมควรที่จะพิจารณาตัวเอง โดยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
“วันนี้ในชั้นต้นคำพิพากษาได้ยืนยันชัดเจนว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณได้กระทำผิดกฎมายแล้ว ถึงแม้ว่าขณะนี้ ป.ป.ช.ที่จะต้องดำเนินการในการถอดถอนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ผมคิดว่าท่านอดิศัยสมควรที่จะพิจารณาตัวเอง โดยการออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ชอบโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และไม่ชอบโดยการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย” นายชินวรณ์กล่าว
ทั้งนี้นายชินวรณ์ ยังเรียกร้องให้ข้าราชการครูที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือได้รับผลกระทบกับการแต่งตั้ง ผอ.สพท. และรอง ผอ.สพท. รวมทั้งได้รับความเดือดร้อนจากการออกกฎ ก.ค.ฉบับที่ 25 (พ.ศ.2547) รวมตัวกันเพื่อฟ้องนายอดิศัยฐานละเมิดในการที่ทำให้เสียหาย
ด้านนายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานด้านการศึกษา ศาสนา และการกีฬาของพรรค กล่าวว่า เมื่อศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาดังกล่าว ก็หมายความว่าผอ.สพท. และรอง ผอ.สพท.ต้องหมดสภาพไป พรรคประชาธิปัตย์ได้พยายามที่จะชี้ให้เห็นว่าการกระทำครั้งที่แล้วไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่รมว.ศึกษาฯ และนายกฯก็ไม่ฟัง จนกระทั่งเรื่องขึ้นสู่ศาล และในที่สุดก็มีคำพิพากษาชั้นต้นแล้วว่าผิดกฎหมาย แต่ขณะนี้นายอดิศัยกำลังจะละเมิดสิทธิของข้าราชการครูทั่วประเทศ โดยเฉพาะตำแหน่งอาจารย์ 2 ระดับ 7 ซึ่งกฎหมายให้ปรับเปลี่ยนเข้าโครงสร้างใหม่ในตำแหน่งผู้ชำนาญการ รับเงินวิทยฐานะ 3,500 บาทต่อเดือน โดยเจตนารมณ์ของกฎหมาย เมื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่แล้ว ก็ให้ก.ค.ไปออกระเบียบวิธีปฏิบัติ โดยไม่จำเป็นต้องประเมินเข้าสู่โครงสร้างได้ทันที นั่นหมายความว่า อาจารย์ 2 ระดับ 7 ทั่วประเทศ หลังจากที่ ก.ค.ได้กำหนดระเบียบการเสร็จแล้วก็เข้าโครงสร้างครูชำนาญการได้รับเงินวิทยฐานะ 3,500 บาท แต่บัดนี้ทางรัฐมนตรีอดิศัยพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ครูทั้งประเทศได้รับอานิสงค์จากระเบียบนี้ คือพยายามที่จะให้มีการประเมิน อาจารย์ 2 ระดับ 7 เข้าสู่วิทยฐานะใหม่ คือ ครูชำนาญการ ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ตนจึงอยากเรียกร้องให้เพื่อนครูทั่วประเทศได้คิดเรื่องนี้ และถ้าเกิดรัฐมนตรียังดื้อดึงที่จะทำการประเมินครูเข้าสู่ตำแหน่งผู้ชำนาญการ ตนคิดว่าต้องเกิดการฟ้องร้องอีก และเชื่อว่ารัฐมนตรีก็ต้องมีความผิด เพราะจงใจที่จะทำผิดกฎหมาย พยายามที่จะใช้ช่องทางกฎหมายเอาเปรียบเพื่อนครูของเรา
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 มิ.ย. 2548--จบ--