‘อภิสิทธิ์’ หารือทูตอาเซียน 9 ประเทศ ยันปชป.พร้อมร่วมมือทางเศรษฐกิจ ชูนโยบายร่วมมือบนพื้นฐานความจริงและให้เกียรติกัน ชี้ถ้าจับมือกันแน่นจะมีศักยภาพในการแข่งขันสูง เชื่อศาลจะคลี่คลายวิกฤตการเมืองได้
วันนี้(19มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับทูตานุทูตอาเซียน 9 ประเทศที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการให้ข้อมูลการเมืองไทย โดยภายหลังการประชุมนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้หารือถึงความร่วมมือในระดับอาเซียน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์มองเห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน กับอินเดีย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันกันอยู่สูงขึ้น และกลุ่มประเทศอาเซียนมีศักยภาพสูง ถ้ารวมตัวกันแน่นก็จะเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน ทั้งในแง่ประชากร และรายได้ ในที่หารือจึงอยากเห็นความร่วมมือตรงนี้ มีความกระชับมากขึ้น
นอกจากนี้ในเรื่องของปัญหาในภูมิภาคยังเชื่อมั่นว่ายังสามารถที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือต่างๆได้ ทั้งนี้ส่วนสถานการณ์การเมืองไทยในที่ประชุมคิดว่าน่าจะคลี่คลายไปได้ โดยเฉพาะถ้าหากบทบาทในการคลี่คลายวิกฤติของศาลได้รับการตอบสนองจากกกต.ทุกอย่างก็น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทางคณะทูตานุทูตได้มีการสอบถามว่าปัญหาการเมืองน่าจะยุติหรือคลี่คลายลงเมื่อใด ขณะเดียวกันก็จะสอบถามความคิดเห็นของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับเรื่องกรอบนโยบาย ซึ่งตนได้ชี้แจงแนวทางของพรรคที่เชื่อในเรื่องของการดำเนินนโยบายในการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะทำให้นโยบายต่างๆเมื่อดำเนินไปแล้วได้รับการยอมรับและขับเคลื่อนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเจรจาการค้า หรือการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยจะเน้นเรื่องความโปร่งใส และการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ความมั่นใจแต่คณะทูตว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการร่วมมือกัน คือการเป็นมิตรประเทศและความร่วมมือต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งตนคิดว่าหากกลุ่มประเทศอาเซียนจะทำอะไร แล้วมีการปรึกษาหารือกันก่อน มีความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความรู้สึกที่เกิดช่องว่างของความไม่เข้าใจกัน ปัญหาต่างๆ ก็จะแก้ไขได้ง่าย รวมไปถึงปัญหาที่บางทีเรามองว่าเป็นเรื่องภายใน แต่วันนี้เมื่อโลกเป็นอย่างนี้ ปัญหาใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นก็กระทบทั้งภูมิภาคและทั้งโลก ซึ่งก็ต้องยอมรับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยกับทูตมาเลเซีย ถึงปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้และคิดว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มพูนความเข้าใจระหว่างกันและกันในทุกระดับ ซึ่งได้เสนอไปว่านอกเหนือไปจากการทำความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลแล้ว สภา พรรคการเมือง และภาคธุรกิจก็ต้องพยายามทำความเข้าใจระหว่างกันด้วย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยังจะมีการพบปะกับทูตในภูมิภาคอื่นๆ ด้วย เพราะขณะนี้สิ่งที่ตนพยายามทำคือการได้พบปะกับทุก ๆ กลุ่ม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 มิ.ย. 2549--จบ--
วันนี้(19มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับทูตานุทูตอาเซียน 9 ประเทศที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการให้ข้อมูลการเมืองไทย โดยภายหลังการประชุมนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้หารือถึงความร่วมมือในระดับอาเซียน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์มองเห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน กับอินเดีย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันกันอยู่สูงขึ้น และกลุ่มประเทศอาเซียนมีศักยภาพสูง ถ้ารวมตัวกันแน่นก็จะเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เช่นกัน ทั้งในแง่ประชากร และรายได้ ในที่หารือจึงอยากเห็นความร่วมมือตรงนี้ มีความกระชับมากขึ้น
นอกจากนี้ในเรื่องของปัญหาในภูมิภาคยังเชื่อมั่นว่ายังสามารถที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือต่างๆได้ ทั้งนี้ส่วนสถานการณ์การเมืองไทยในที่ประชุมคิดว่าน่าจะคลี่คลายไปได้ โดยเฉพาะถ้าหากบทบาทในการคลี่คลายวิกฤติของศาลได้รับการตอบสนองจากกกต.ทุกอย่างก็น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทางคณะทูตานุทูตได้มีการสอบถามว่าปัญหาการเมืองน่าจะยุติหรือคลี่คลายลงเมื่อใด ขณะเดียวกันก็จะสอบถามความคิดเห็นของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับเรื่องกรอบนโยบาย ซึ่งตนได้ชี้แจงแนวทางของพรรคที่เชื่อในเรื่องของการดำเนินนโยบายในการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะทำให้นโยบายต่างๆเมื่อดำเนินไปแล้วได้รับการยอมรับและขับเคลื่อนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเจรจาการค้า หรือการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ โดยจะเน้นเรื่องความโปร่งใส และการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ความมั่นใจแต่คณะทูตว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการร่วมมือกัน คือการเป็นมิตรประเทศและความร่วมมือต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งตนคิดว่าหากกลุ่มประเทศอาเซียนจะทำอะไร แล้วมีการปรึกษาหารือกันก่อน มีความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความรู้สึกที่เกิดช่องว่างของความไม่เข้าใจกัน ปัญหาต่างๆ ก็จะแก้ไขได้ง่าย รวมไปถึงปัญหาที่บางทีเรามองว่าเป็นเรื่องภายใน แต่วันนี้เมื่อโลกเป็นอย่างนี้ ปัญหาใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นก็กระทบทั้งภูมิภาคและทั้งโลก ซึ่งก็ต้องยอมรับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยกับทูตมาเลเซีย ถึงปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้และคิดว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มพูนความเข้าใจระหว่างกันและกันในทุกระดับ ซึ่งได้เสนอไปว่านอกเหนือไปจากการทำความเข้าใจระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลแล้ว สภา พรรคการเมือง และภาคธุรกิจก็ต้องพยายามทำความเข้าใจระหว่างกันด้วย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยังจะมีการพบปะกับทูตในภูมิภาคอื่นๆ ด้วย เพราะขณะนี้สิ่งที่ตนพยายามทำคือการได้พบปะกับทุก ๆ กลุ่ม
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 มิ.ย. 2549--จบ--