เศรษฐกิจโดยรวมเดือนมิถุนายน 2549 ชะลอตัวจากเดือนก่อน ทั้งจากเครื่องชี้ภาคการผลิตและเครื่องชี้การใช้จ่ายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ดุลการค้าขาดดุลลดลง ขณะที่ดุลบริการเกินดุล ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลในเดือนนี้
ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรจากการขายพืชผลสำคัญชะลอตัวลงจากเดือนก่อน เป็นผลมาจากทั้งด้านผลผลิตและราคาที่ชะลอตัว เช่นเดียวกับ การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามการชะลอตัวของหมวดอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดยานยนต์เป็นสำคัญ ด้านภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีจากระยะเดียวกันปีก่อน
เสถียรภาพเศรษฐกิจในเดือนนี้ แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดปรับลดลงจากเดือนก่อน ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรับลดลง สำหรับฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำ
สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2549 เศรษฐกิจชะลอตัวจากไตรมาสก่อน โดยด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน ส่วนภาคเกษตร (พืชผล) และภาคบริการขยายตัวดีใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ด้านอุปสงค์ เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปีก่อน อย่างไรก็ดี การส่งออกขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ได้รับแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย ขณะที่ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ส่วนฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ดี
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่2 ของปี 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ชะลอลงจากเดือนก่อน โดย หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ยังขยายตัวดี จากการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและสับปะรดกระป๋องและความต้องการในประเทศช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก หมวดอิเล็กทรอนิกส์ ชะลอตัวจากฐานสูงในปีก่อน อย่างไรก็ดี อุปสงค์จากต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วน หมวดยานยนต์ ชะลอตัวลงมาก ตามอุปสงค์ในประเทศ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า หดตัวเพราะการเร่งระบายสต็อกและการส่งออกลดลงในสินค้าบางประเภท
อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 75.2 ลดลงจากร้อยละ 76.5 ในเดือนก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (ที่ปรับฤดูกาลแล้ว) อยู่ที่ร้อยละ 75.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 75.4 ในเดือนก่อน
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน หมวดอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลักชะลอลงมากกว่าหมวดอื่น อัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 อยู่ที่ร้อยละ 73.4 ลดลงจากร้อยละ 75.2 ในไตรมาสก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ชะลอตัวจากเดือนก่อนและทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องชี้ในกลุ่มยานพาหนะที่ลดลงทั้งปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ตาม ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่และมูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ยังคงขยายตัว ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 0.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่หดตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี มูลค่านำเข้าสินค้าทุนยังคงขยายตัว ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง
สำหรับดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 ขยายตัวร้อยละ 0.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 ขยายตัวร้อยละ 0.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวลงค่อนข้างมาก ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างยังหดตัวต่อเนื่อง
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 119.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ10.9 ตามรายได้ที่มิใช่ภาษีเป็นสำคัญ จากการนำส่งรายได้เงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษจากผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม 7.8 พันล้านบาท ขณะที่ รายได้ภาษีขยายตัวร้อยละ 10.7 ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ยกเว้นภาษีจากฐานการบริโภคที่ขยายตัวร้อยละ 13.5 ตามการขยายตัวของภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากการผลิตรถยนต์ที่เร่งตัวขึ้นในเดือนก่อน และน้ำมันที่เป็นผลจากฐานเดือนเดียวกันปีก่อนมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ภาษีจากฐานรายได้ แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่ไม่มีการนำส่งรายได้ในเดือนนี้ แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลยังขยายตัวดี สำหรับดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้เกินดุล จำนวน 93.5 พันล้านบาท
ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2549 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.8โดยรายได้ภาษี และรายได้ที่มิใช่ภาษีขยายตัวร้อยละ 11.0 และ 9.8 ตามลำดับ รัฐบาลเกินดุลเงินสดทั้งสิ้น 97.9 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 0.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. การส่งออก มีมูลค่าสูงถึง 10.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 โดยสินค้าออกสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์เหล็กและผลิตภัณฑ์เคมี รวมทั้งการส่งออกสินค้าเกษตร ที่ราคายังอยู่ในเกณฑ์สูง การนำเข้า มีมูลค่า 11.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เป็นการขยายตัวทุกหมวด ยกเว้นหมวดยานพาหนะและชิ้นส่วน และหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ปรับตัวจากที่ขาดดุลในเดือนก่อน 0.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นเกินดุล 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายได้ท่องเที่ยวที่ดีต่อเนื่องและการส่งกลับกำไรและเงินปันผลภาคเอกชนที่ลดลง ดุลบัญชีเดินสะพัด ในเดือนนี้เกินดุล 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อยู่ที่ระดับ 58.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ยอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิ จำนวน 4.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 ดุลการค้า ขาดดุล 1.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่า 30.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3 การนำเข้ามีมูลค่า 32.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ดุลบริการ รายได้และเงินโอน เกินดุล 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุล 1.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 1.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.9 ตามราคาในหมวดอาหารสดที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดยเฉพาะราคาผักสด ส่วนราคาในหมวดพลังงานเร่งตัวขึ้นเล็กน้อย ตามการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าร้อยละ 3 ขณะที่ราคาน้ำมันขายปลีกปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.7 โดยราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นในหมวดอาหารบริโภคในและนอกบ้าน เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และค่าตรวจรักษาและของใช้ส่วนตัว ขณะที่ราคาค่าโดยสารสาธารณะชะลอตัว
ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 10.7 ตามการชะลอตัวของราคาหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และผลผลิตเกษตรกรรมเป็นสำคัญ
สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2549 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิต เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.0 2.8 และ 10.3 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงินในเดือนมิถุนายน 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 11.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากเดือนก่อน 166.0 พันล้านบาท เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ต้องการลดยอดเงินฝากเพื่อลดภาระเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯในเดือนนี้ ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์รายใหม่ เงินฝากขยายตัวร้อยละ 7.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับสิทธิเรียกร้องจากภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ 1/ ขยายตัวร้อยละ 8.6 เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งจากฐานของปีที่แล้วที่ต่ำกว่าปกติ อย่างไรก็ดี ยอดคงค้างสิทธิเรียกร้องฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์ ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ รวมทั้งการตัดสินเชื่อออกจากบัญชีและการโอนสินเชื่อไปยัง AMC แล้ว สิทธิเรียกร้องฯ ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อที่ให้แก่ภาคครัวเรือนขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อยู่ที่ระดับ 776.6 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน หรือลดลงจากเดือนก่อน 19.1 พันล้านบาท แนวโน้มการชะลอตัวของฐานเงิน สอดคล้องกับการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ ส่วนปริมาณเงิน M2 M2a M3 และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) 2/ ขยายตัวร้อยละ 11.4 8.0 9.0 และ 9.4 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยสูงขึ้นจากเดือนก่อน ตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 5 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2549
สำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน โน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนประมาณร้อยละ 0.50 ต่อปี มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.67 และ 4.70 ต่อปี ตามลำดับ ตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง ๆ ละร้อยละ 0.25 ต่อปี ในเดือนเมษายนและมิถุนายน 2549
ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2549 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน เนื่องจากในเดือนนี้ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
7. ค่าเงินบาทในเดือนมิถุนายน 2549 เฉลี่ยอยู่ที่ 38.35 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในเดือนก่อน โดยเคลื่อนไหวอย่างค่อนข้างมีเสถียรภาพอยู่ในช่วง 38.10 — 38.50 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งจากแรงซื้อและขายเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในระดับที่สมดุล ส่วนหนึ่งเพราะภาวะที่นักลงทุนต่างชาติต้องการลดความเสี่ยงจากการถือครองสินค้าโภคภัณฑ์และสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ (Risk aversion) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมได้คลี่คลายลง
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 38.13 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเฉลี่ย 39.32 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสก่อน โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในเดือนเมษายนสอดคล้องกับค่าเงินภูมิภาค กอปรกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ได้อ่อนค่าลงชั่วคราวในเดือนพฤษภาคมจากภาวะ Risk aversion ของนักลงทุนต่างชาติ ก่อนกลับมาเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นในเดือนมิถุนายน
ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2549 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 38.04 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เพราะความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลง จากการคาดการณ์ของตลาดว่าวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรจากการขายพืชผลสำคัญชะลอตัวลงจากเดือนก่อน เป็นผลมาจากทั้งด้านผลผลิตและราคาที่ชะลอตัว เช่นเดียวกับ การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามการชะลอตัวของหมวดอิเล็กทรอนิกส์ และหมวดยานยนต์เป็นสำคัญ ด้านภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยรวมขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีจากระยะเดียวกันปีก่อน
เสถียรภาพเศรษฐกิจในเดือนนี้ แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดปรับลดลงจากเดือนก่อน ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรับลดลง สำหรับฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำ
สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2549 เศรษฐกิจชะลอตัวจากไตรมาสก่อน โดยด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน ส่วนภาคเกษตร (พืชผล) และภาคบริการขยายตัวดีใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ด้านอุปสงค์ เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปีก่อน อย่างไรก็ดี การส่งออกขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ได้รับแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย ขณะที่ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ส่วนฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ดี
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่2 ของปี 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ชะลอลงจากเดือนก่อน โดย หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ยังขยายตัวดี จากการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและสับปะรดกระป๋องและความต้องการในประเทศช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก หมวดอิเล็กทรอนิกส์ ชะลอตัวจากฐานสูงในปีก่อน อย่างไรก็ดี อุปสงค์จากต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วน หมวดยานยนต์ ชะลอตัวลงมาก ตามอุปสงค์ในประเทศ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า หดตัวเพราะการเร่งระบายสต็อกและการส่งออกลดลงในสินค้าบางประเภท
อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 75.2 ลดลงจากร้อยละ 76.5 ในเดือนก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (ที่ปรับฤดูกาลแล้ว) อยู่ที่ร้อยละ 75.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 75.4 ในเดือนก่อน
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน หมวดอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลักชะลอลงมากกว่าหมวดอื่น อัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 อยู่ที่ร้อยละ 73.4 ลดลงจากร้อยละ 75.2 ในไตรมาสก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ชะลอตัวจากเดือนก่อนและทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องชี้ในกลุ่มยานพาหนะที่ลดลงทั้งปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ตาม ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่และมูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ยังคงขยายตัว ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 0.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่หดตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี มูลค่านำเข้าสินค้าทุนยังคงขยายตัว ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง
สำหรับดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 ขยายตัวร้อยละ 0.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากไตรมาสก่อน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 ขยายตัวร้อยละ 0.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวลงค่อนข้างมาก ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างยังหดตัวต่อเนื่อง
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 119.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ10.9 ตามรายได้ที่มิใช่ภาษีเป็นสำคัญ จากการนำส่งรายได้เงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษจากผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม 7.8 พันล้านบาท ขณะที่ รายได้ภาษีขยายตัวร้อยละ 10.7 ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ยกเว้นภาษีจากฐานการบริโภคที่ขยายตัวร้อยละ 13.5 ตามการขยายตัวของภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากการผลิตรถยนต์ที่เร่งตัวขึ้นในเดือนก่อน และน้ำมันที่เป็นผลจากฐานเดือนเดียวกันปีก่อนมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ภาษีจากฐานรายได้ แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่ไม่มีการนำส่งรายได้ในเดือนนี้ แต่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลยังขยายตัวดี สำหรับดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้เกินดุล จำนวน 93.5 พันล้านบาท
ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2549 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.8โดยรายได้ภาษี และรายได้ที่มิใช่ภาษีขยายตัวร้อยละ 11.0 และ 9.8 ตามลำดับ รัฐบาลเกินดุลเงินสดทั้งสิ้น 97.9 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 0.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. การส่งออก มีมูลค่าสูงถึง 10.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 โดยสินค้าออกสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานพาหนะและชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์เหล็กและผลิตภัณฑ์เคมี รวมทั้งการส่งออกสินค้าเกษตร ที่ราคายังอยู่ในเกณฑ์สูง การนำเข้า มีมูลค่า 11.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เป็นการขยายตัวทุกหมวด ยกเว้นหมวดยานพาหนะและชิ้นส่วน และหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ปรับตัวจากที่ขาดดุลในเดือนก่อน 0.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นเกินดุล 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายได้ท่องเที่ยวที่ดีต่อเนื่องและการส่งกลับกำไรและเงินปันผลภาคเอกชนที่ลดลง ดุลบัญชีเดินสะพัด ในเดือนนี้เกินดุล 0.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อยู่ที่ระดับ 58.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ยอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิ จำนวน 4.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 ดุลการค้า ขาดดุล 1.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่า 30.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3 การนำเข้ามีมูลค่า 32.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ดุลบริการ รายได้และเงินโอน เกินดุล 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุล 1.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 1.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.9 ตามราคาในหมวดอาหารสดที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดยเฉพาะราคาผักสด ส่วนราคาในหมวดพลังงานเร่งตัวขึ้นเล็กน้อย ตามการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าร้อยละ 3 ขณะที่ราคาน้ำมันขายปลีกปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.7 โดยราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นในหมวดอาหารบริโภคในและนอกบ้าน เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และค่าตรวจรักษาและของใช้ส่วนตัว ขณะที่ราคาค่าโดยสารสาธารณะชะลอตัว
ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ 10.7 ตามการชะลอตัวของราคาหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และผลผลิตเกษตรกรรมเป็นสำคัญ
สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2549 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิต เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.0 2.8 และ 10.3 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงินในเดือนมิถุนายน 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 11.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากเดือนก่อน 166.0 พันล้านบาท เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ต้องการลดยอดเงินฝากเพื่อลดภาระเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯในเดือนนี้ ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์รายใหม่ เงินฝากขยายตัวร้อยละ 7.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับสิทธิเรียกร้องจากภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ 1/ ขยายตัวร้อยละ 8.6 เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งจากฐานของปีที่แล้วที่ต่ำกว่าปกติ อย่างไรก็ดี ยอดคงค้างสิทธิเรียกร้องฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทบริหารสินทรัพย์ ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ รวมทั้งการตัดสินเชื่อออกจากบัญชีและการโอนสินเชื่อไปยัง AMC แล้ว สิทธิเรียกร้องฯ ขยายตัวร้อยละ 6.9 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อที่ให้แก่ภาคครัวเรือนขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2549 อยู่ที่ระดับ 776.6 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน หรือลดลงจากเดือนก่อน 19.1 พันล้านบาท แนวโน้มการชะลอตัวของฐานเงิน สอดคล้องกับการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ ส่วนปริมาณเงิน M2 M2a M3 และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) 2/ ขยายตัวร้อยละ 11.4 8.0 9.0 และ 9.4 ตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันเฉลี่ยสูงขึ้นจากเดือนก่อน ตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 5 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2549
สำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน โน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนประมาณร้อยละ 0.50 ต่อปี มาเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.67 และ 4.70 ต่อปี ตามลำดับ ตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง ๆ ละร้อยละ 0.25 ต่อปี ในเดือนเมษายนและมิถุนายน 2549
ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2549 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน เนื่องจากในเดือนนี้ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
7. ค่าเงินบาทในเดือนมิถุนายน 2549 เฉลี่ยอยู่ที่ 38.35 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในเดือนก่อน โดยเคลื่อนไหวอย่างค่อนข้างมีเสถียรภาพอยู่ในช่วง 38.10 — 38.50 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งจากแรงซื้อและขายเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในระดับที่สมดุล ส่วนหนึ่งเพราะภาวะที่นักลงทุนต่างชาติต้องการลดความเสี่ยงจากการถือครองสินค้าโภคภัณฑ์และสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ (Risk aversion) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมได้คลี่คลายลง
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 38.13 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเฉลี่ย 39.32 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสก่อน โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในเดือนเมษายนสอดคล้องกับค่าเงินภูมิภาค กอปรกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ได้อ่อนค่าลงชั่วคราวในเดือนพฤษภาคมจากภาวะ Risk aversion ของนักลงทุนต่างชาติ ก่อนกลับมาเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นในเดือนมิถุนายน
ระหว่างวันที่ 1-24 กรกฎาคม 2549 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 38.04 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เพราะความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลง จากการคาดการณ์ของตลาดว่าวัฏจักรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--