พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 25 - 31 ม.ค. 2549

ข่าวทั่วไป Wednesday January 25, 2006 14:00 —กรมอุตุนิยมวิทยา

          พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร  
วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 11/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค.49
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง โดยมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า บริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ส่วนภาคใต้จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ สำหรับคลื่นลมโดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัด สุราษฎร์ธานีลงไปมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. ความกดอากาศสูงที่ปกคลุม ประเทศไทยตอนบนจะอ่อนกำลังลง ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า คลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. ชาวเรือที่เดินเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ควรระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือเนื่องจากทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีหมอกเพิ่มมากขึ้น หลายพื้นที่ในตอนเช้า ขอให้ผู้เดินทางและผู้ขับขี่ยานพาหนะระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
มีหมอกหลายพื้นที่ และอากาศหนาวในตอนเช้าอุณหภูมิจะลดลงประมาณ 2 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 26-28 ม.ค.อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-10 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า ลมอ่อน 6-12 กม./ชม.
มีหมอกหลายพื้นที่ และอากาศหนาวในตอนเช้าอุณหภูมิจะลดลงประมาณ 2 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 26-28 ม.ค.อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-10 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 29-31 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. เกษตรกร ไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะจะเปียกชื้นเนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้ ส่วนผู้ที่ปลูกลิ้นจี่ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ดอกร่วงหล่น
ตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น และมีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิสูงขึ้น และมีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. เกษตรกรควรดูแลสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหารที่ให้ เพราะเมื่ออุณหภูมิของน้ำลดลงสัตว์จะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย รวมทั้งควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยด้วย
กลาง
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 28 -31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 28 -31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกหลายพื้นที่ในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้มีหมอก ในตอนเช้า ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะด้วย สำหรับมะม่วงที่กำลังออกดอกและ ติดผลอ่อน ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะโรคราแป้ง ซึ่งจะทำให้ดอกและผลอ่อนร่วงหล่น
ตะวันออก
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้นในตอนเช้า ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรดูแลสัตว์เลี้ยงให้ได้รับความอบอุ่นอย่างเพียงพอด้วย และเนื่องจากระยะนี้อากาศแห้ง สำหรับไม้ผลที่ปลูกใหม่ เกษตรกรควรดูแลให้น้ำและคลุมโคนต้นเพื่อสงวนความชื้นในดิน รวมทั้งควรทำร่มเงาเพื่อพรางแสงแดดด้วย
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30% ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทางฝั่งตะวันออกอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30% ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 28-31 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้มีฝนตกน้อย เกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปีควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชโดยเฉพาะเพลี้ย ชนิดต่างๆ ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักควรดูแลให้น้ำ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ