นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้สรุปผลการประชุม Asia Tax Forum ครั้งที่ 3 ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพร่วมกับ International Tax and Investment Center (ITIC) และ Public Finance Institute of the Philippines Inc. (PFIP) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 — 24 มิถุนายน 2549 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพมหานคร ดังนี้
ในประเด็นภาพรวมภาษีทางอ้อม พบว่ารายได้จากภาษีทางอ้อม ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการทดแทนรายได้จากภาษีศุลกากรที่ลดลงจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยผู้แทนแต่ละประเทศได้รายงานสรุปพัฒนาการการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับภาษีสรรพสามิตมีประเด็นสำคัญคือ แม้ว่าความครอบคลุมของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตของสินค้าและบริการต่างๆ ในแต่ละประเทศจะหลากหลาย แต่ประเทศส่วนใหญ่ยังคงจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในสินค้าดั้งเดิม ได้แก่ สินค้าประเภทสุรา บุหรี่ และน้ำมัน โดยมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป และหลายประเทศใช้ภาษีสรรพสามิตมิใช่แค่เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ด้านรายได้ แต่เพื่อจำกัดการบริโภคและสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การปฏิรูประบบภาษีสรรพสามิตในประเทศต่างๆ จะอยู่ในรูปของการขยายฐานภาษี และการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดเก็บภาษี ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มมีประเด็นสำคัญคือ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มช้าทำให้เกิดอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ รวมทั้งความยากในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในภาคการเงิน เป็นต้น
ในการประชุมครั้งนี้ ดร.กนต์ธีร์ นุชสุวรรณ จากสำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้นำเสนอการศึกษาในหัวข้อ ทิศทางการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตที่เหมาะสม โดยใช้แบบจำลองของ Ahmad and Stern ซึ่งใช้ในการคำนวณตัวชี้วัดที่เรียกว่า Marginal Social Cost สำหรับสินค้าแต่ละชนิด โดยตัวชี้วัดดังกล่าวสามารถวัดประสิทธิภาพของระบบภาษีสรรพสามิต ณ โครงสร้างปัจจุบันได้ และหากว่าระบบภาษียังไม่มีประสิทธิภาพตัว ชี้วัดดังกล่าวยังสามารถกำหนดทิศทางโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่นำไปสู่ประสิทธิภาพของภาษีสูงสุด (Optimal Tax) โดยมุ่งเน้นที่สินค้าประเภทบาป เช่น ยาสูบ สุรา และการพนัน
ในประเด็นของการ Earmark หรือการจัดสรรรายได้ภาษีเพื่อนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์เฉพาะที่กำหนดไว้ ที่ประชุมเห็นว่าควรจะมีการ Earmark หากมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนเกิดขึ้นจากการ Earmark นั้น โดยควรรวมการ Earmark ที่มีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกัน และต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
สำหรับประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่ม Professor Richard M. Bird จาก University of Toronto ได้ให้ข้อสังเกตว่า VAT ยังเป็นระบบภาษีการบริโภคที่ดี เนื่องจากมีฐานภาษีกว้าง และเห็นว่าความสำเร็จของการนำ VAT มาใช้ในแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนั้นๆ ที่จะออกแบบวิธีการจัดเก็บที่เหมาะสมเพื่อให้ระบบภาษี VAT มีความสมบูรณ์มากที่สุด
ประเด็นสุดท้าย คือการนำ VAT มาใช้ในภาคธุรกิจการเงิน ที่ประชุมเห็นว่า การนำระบบภาษี VAT มาใช้ในภาคธุรกิจการเงินแม้จะมีความยาก แต่ถ้าจะมีการนำมาใช้ ควรออกแบบให้ง่ายในการจัดเก็บ มีอัตราภาษีที่ต่ำ และฐานภาษีกว้างเพื่อให้ก่อเกิดอุปสรรคต่อการทำธุรกิจในตลาดการเงินน้อยที่สุด
การประชุม Asia Tax Forum ครั้งที่ 3 ประสบผลสำเร็จด้วยดี และจะมีการจัดประชุม Asia Tax Forum ครั้งที่ 4 ในเดือนธันวาคม ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ ได้แก่ ผลกระทบของการเปิดเสรีทางการค้าต่อรายได้ภาษีทางอ้อม และการขยายผลการศึกษาเรื่องการจัดการภาษีสรรพสามิตที่เหมาะสมของ ดร.กันต์ธีร์ ให้ครอบคลุมภาษีสรรพสามิตของประเทศอื่นๆ เป็นต้น
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 63/2549 28 มิถุนายน 49--
ในประเด็นภาพรวมภาษีทางอ้อม พบว่ารายได้จากภาษีทางอ้อม ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการทดแทนรายได้จากภาษีศุลกากรที่ลดลงจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยผู้แทนแต่ละประเทศได้รายงานสรุปพัฒนาการการปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับภาษีสรรพสามิตมีประเด็นสำคัญคือ แม้ว่าความครอบคลุมของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตของสินค้าและบริการต่างๆ ในแต่ละประเทศจะหลากหลาย แต่ประเทศส่วนใหญ่ยังคงจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในสินค้าดั้งเดิม ได้แก่ สินค้าประเภทสุรา บุหรี่ และน้ำมัน โดยมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป และหลายประเทศใช้ภาษีสรรพสามิตมิใช่แค่เพียงเพื่อวัตถุประสงค์ด้านรายได้ แต่เพื่อจำกัดการบริโภคและสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การปฏิรูประบบภาษีสรรพสามิตในประเทศต่างๆ จะอยู่ในรูปของการขยายฐานภาษี และการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดเก็บภาษี ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มมีประเด็นสำคัญคือ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มช้าทำให้เกิดอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ รวมทั้งความยากในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในภาคการเงิน เป็นต้น
ในการประชุมครั้งนี้ ดร.กนต์ธีร์ นุชสุวรรณ จากสำนักนโยบายภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้นำเสนอการศึกษาในหัวข้อ ทิศทางการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตที่เหมาะสม โดยใช้แบบจำลองของ Ahmad and Stern ซึ่งใช้ในการคำนวณตัวชี้วัดที่เรียกว่า Marginal Social Cost สำหรับสินค้าแต่ละชนิด โดยตัวชี้วัดดังกล่าวสามารถวัดประสิทธิภาพของระบบภาษีสรรพสามิต ณ โครงสร้างปัจจุบันได้ และหากว่าระบบภาษียังไม่มีประสิทธิภาพตัว ชี้วัดดังกล่าวยังสามารถกำหนดทิศทางโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่นำไปสู่ประสิทธิภาพของภาษีสูงสุด (Optimal Tax) โดยมุ่งเน้นที่สินค้าประเภทบาป เช่น ยาสูบ สุรา และการพนัน
ในประเด็นของการ Earmark หรือการจัดสรรรายได้ภาษีเพื่อนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์เฉพาะที่กำหนดไว้ ที่ประชุมเห็นว่าควรจะมีการ Earmark หากมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนเกิดขึ้นจากการ Earmark นั้น โดยควรรวมการ Earmark ที่มีวัตถุประสงค์คล้ายคลึงกัน และต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
สำหรับประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่ม Professor Richard M. Bird จาก University of Toronto ได้ให้ข้อสังเกตว่า VAT ยังเป็นระบบภาษีการบริโภคที่ดี เนื่องจากมีฐานภาษีกว้าง และเห็นว่าความสำเร็จของการนำ VAT มาใช้ในแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนั้นๆ ที่จะออกแบบวิธีการจัดเก็บที่เหมาะสมเพื่อให้ระบบภาษี VAT มีความสมบูรณ์มากที่สุด
ประเด็นสุดท้าย คือการนำ VAT มาใช้ในภาคธุรกิจการเงิน ที่ประชุมเห็นว่า การนำระบบภาษี VAT มาใช้ในภาคธุรกิจการเงินแม้จะมีความยาก แต่ถ้าจะมีการนำมาใช้ ควรออกแบบให้ง่ายในการจัดเก็บ มีอัตราภาษีที่ต่ำ และฐานภาษีกว้างเพื่อให้ก่อเกิดอุปสรรคต่อการทำธุรกิจในตลาดการเงินน้อยที่สุด
การประชุม Asia Tax Forum ครั้งที่ 3 ประสบผลสำเร็จด้วยดี และจะมีการจัดประชุม Asia Tax Forum ครั้งที่ 4 ในเดือนธันวาคม ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ ได้แก่ ผลกระทบของการเปิดเสรีทางการค้าต่อรายได้ภาษีทางอ้อม และการขยายผลการศึกษาเรื่องการจัดการภาษีสรรพสามิตที่เหมาะสมของ ดร.กันต์ธีร์ ให้ครอบคลุมภาษีสรรพสามิตของประเทศอื่นๆ เป็นต้น
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 63/2549 28 มิถุนายน 49--