หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์น้อมรับพระกระแสรับสั่ง วอนทุกฝ่ายช่วยกันทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม แนะ ให้สรรหา กกต.เพิ่ม 2 คน แทนที่จะสรรหาใหม่ทั้ง 5 คน ระบุจะทำให้เกิดการเผชิญหน้า แนะทุกฝ่ายให้ยอมรับแนวทางศาล
วันนี้ (22 ก.ค. 49 ) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ว่า อยากให้ทุกฝ่ายยึดตรงนี้ และอะไรที่จะทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ซึ่งเดิมศาลก็แนะนำชัดเจนแล้วว่าให้มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะให้มีการสรรหา กกต.มาเพิ่ม 2 คน เพื่อให้ครบ 5 คน ตนก็คิดว่าถ้าสรรหาเพิ่ม 2 คนได้ทัน ก็แปลว่าสรรหาทั้ง 5 คนได้ทัน เพราะไม่ได้แตกต่างกัน เมื่อเป็นเช่นนี้คิดว่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากกว่า และน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“ข้อเสนอของนายกฯ เป็นการทำให้เกิดการเผชิญหน้าที่ไม่จบสิ้น เพราะก่อนหน้านี้ศาลก็มีมติชัดเจนว่าจะไม่มีการสรรหา กกต.เพิ่ม หากจะสรรหาก็จะต้องเป็นการสรรหาใหม่ทั้งหมด 5 คน ทำไมพรรคไทยรักไทยกับ กกต.ยังมาตั้งเงื่อนไขกับศาลอีก ผมคิดว่าทุกคนยอมรับแนวทางของศาล นั่นแหละคือความสมานฉันท์ที่เกิดจากการกระทำ ไม่ใช่คำพูด ทุกคนเขาเสียสละแล้ว ถามว่าทำไมคนแค่ 3 คน จะเสียสละลาออกเพื่อความสมานฉันท์ไม่ได้ ทำไมจะเสียสละเพื่อให้ทุกอย่างมันราบรื่นไม่ได้ และทำไมพรรคไทยรักไทยจะต้องยึดมั่นอยู่กับบุคคลทั้ง 3 คนนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า หากความคิดเห็นในเรื่องนี้ยังไม่ตรงกันจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้คือ ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสลงมาตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2549 พรรคก็ถือว่าทุกคนต้องน้อมรับ และหากเลือกตั้ง ก็ต้องส่งผู้สมัคร จึงอยากให้ กกต.ดูว่า ในส่วน กกต.เองได้ทำอะไรที่เป็นการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสหรือแนวทางของศาลที่ได้รับมอบหมายให้มาคลี่คลายวิกฤติ
ส่วนกรณีที่ กกต.ยืนยันมาตลอดว่าจะไม่ลาออก เพราะมั่นใจการทำงานที่ผ่านมาไม่มีอะไรบกพร่อง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้ กกต.ไปทบทวน เวลานี้ทุกฝ่ายพยายามปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด กกต.จะรู้สึกอย่างไรก็ตาม แต่เป็นที่ชัดเจนว่าถ้าพูดถึงสภาฯ ชุดที่แล้ว ซึ่งมี 4 พรรค ก็มีอย่างน้อย 3 พรรคการเมืองที่ไม่สบายใจกับการทำงานของ กกต.ชุดนี้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.ระบุว่าการที่พรรคการเมืองส่งผู้สมัคร สก. สข. แสดงว่ายอมรับ กกต.มากขึ้นว่า การส่งผู้สมัคร สก. สข. ไม่เกี่ยวกับการยอมรับ กกต. มากขึ้น แต่เพราะต้องการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา และพรรคก็ขอย้ำอีกครั้งว่า กกต .ไม่ควรตีความว่าในลักษณะดังกล่าว
“ผมยืนยันเหมือนเดิมว่า กกต. ทั้ง 3 ท่าน ควรจะเปิดทางให้คนอื่นทำงานแทน ไม่ต้องตีความจากการกระทำ ผมพูดชัดเจนว่าพรรคคิดอย่างนี้ ดังนั้น กกต.ควรจะเปลี่ยน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะรณรงค์ให้มีการโนโหวตการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องสิทธิของทุกคนที่รณรงค์ในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ที่สุด แต่เท่าที่ตนฟังดูทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องดังกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2549--จบ--
วันนี้ (22 ก.ค. 49 ) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ว่า อยากให้ทุกฝ่ายยึดตรงนี้ และอะไรที่จะทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ซึ่งเดิมศาลก็แนะนำชัดเจนแล้วว่าให้มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าจะให้มีการสรรหา กกต.มาเพิ่ม 2 คน เพื่อให้ครบ 5 คน ตนก็คิดว่าถ้าสรรหาเพิ่ม 2 คนได้ทัน ก็แปลว่าสรรหาทั้ง 5 คนได้ทัน เพราะไม่ได้แตกต่างกัน เมื่อเป็นเช่นนี้คิดว่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากกว่า และน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“ข้อเสนอของนายกฯ เป็นการทำให้เกิดการเผชิญหน้าที่ไม่จบสิ้น เพราะก่อนหน้านี้ศาลก็มีมติชัดเจนว่าจะไม่มีการสรรหา กกต.เพิ่ม หากจะสรรหาก็จะต้องเป็นการสรรหาใหม่ทั้งหมด 5 คน ทำไมพรรคไทยรักไทยกับ กกต.ยังมาตั้งเงื่อนไขกับศาลอีก ผมคิดว่าทุกคนยอมรับแนวทางของศาล นั่นแหละคือความสมานฉันท์ที่เกิดจากการกระทำ ไม่ใช่คำพูด ทุกคนเขาเสียสละแล้ว ถามว่าทำไมคนแค่ 3 คน จะเสียสละลาออกเพื่อความสมานฉันท์ไม่ได้ ทำไมจะเสียสละเพื่อให้ทุกอย่างมันราบรื่นไม่ได้ และทำไมพรรคไทยรักไทยจะต้องยึดมั่นอยู่กับบุคคลทั้ง 3 คนนี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า หากความคิดเห็นในเรื่องนี้ยังไม่ตรงกันจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้คือ ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสลงมาตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2549 พรรคก็ถือว่าทุกคนต้องน้อมรับ และหากเลือกตั้ง ก็ต้องส่งผู้สมัคร จึงอยากให้ กกต.ดูว่า ในส่วน กกต.เองได้ทำอะไรที่เป็นการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสหรือแนวทางของศาลที่ได้รับมอบหมายให้มาคลี่คลายวิกฤติ
ส่วนกรณีที่ กกต.ยืนยันมาตลอดว่าจะไม่ลาออก เพราะมั่นใจการทำงานที่ผ่านมาไม่มีอะไรบกพร่อง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้ กกต.ไปทบทวน เวลานี้ทุกฝ่ายพยายามปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด กกต.จะรู้สึกอย่างไรก็ตาม แต่เป็นที่ชัดเจนว่าถ้าพูดถึงสภาฯ ชุดที่แล้ว ซึ่งมี 4 พรรค ก็มีอย่างน้อย 3 พรรคการเมืองที่ไม่สบายใจกับการทำงานของ กกต.ชุดนี้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.ระบุว่าการที่พรรคการเมืองส่งผู้สมัคร สก. สข. แสดงว่ายอมรับ กกต.มากขึ้นว่า การส่งผู้สมัคร สก. สข. ไม่เกี่ยวกับการยอมรับ กกต. มากขึ้น แต่เพราะต้องการน้อมรับกระแสพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา และพรรคก็ขอย้ำอีกครั้งว่า กกต .ไม่ควรตีความว่าในลักษณะดังกล่าว
“ผมยืนยันเหมือนเดิมว่า กกต. ทั้ง 3 ท่าน ควรจะเปิดทางให้คนอื่นทำงานแทน ไม่ต้องตีความจากการกระทำ ผมพูดชัดเจนว่าพรรคคิดอย่างนี้ ดังนั้น กกต.ควรจะเปลี่ยน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะรณรงค์ให้มีการโนโหวตการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ตุลาคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องสิทธิของทุกคนที่รณรงค์ในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ที่สุด แต่เท่าที่ตนฟังดูทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องดังกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2549--จบ--