วันนี้(20 เม.ย.49)นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าส่วนตัวเห็นว่า ผลการเลือกตั้งส.ว.ที่ผ่านมารู้สึกเสียดายที่ส.ว.ไม่เป็นอิสระและไม่ปลอดจากการเมืองตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่กำหนดเอาไว้ เพราะลักษณะการเข้ามาเป็นส.ว.ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา เพราะในที่สุดก็มีความผูกสัมพันธ์กับนักการเมืองและพรรคการเมือง ซึ่งจะส่งผลให้การทำหน้าที่ส.ว.ไม่เป็นอิสระ และจะทำให้การเลือกบุคคลที่จะมาดำรงในตำแหน่งในองค์กรอิสระทั้งหลายมีการบัญชาการของพรรคการเมืองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ
“ขอให้ประชาชนได้ติดตามสถานการณ์ต่อไปแม้ว่าจะมีส.ว.ที่มีชื่อในเรื่องของการตรวจสอบและความเป็นกลางก็มีเพียงส่วนน้อย แต่ก็มีหลายสิบคนที่เป็นคนดีเป็นความหวังของบ้านเมืองได้ แต่ก็น่าสงสารท่านเหล่านี้เนื่องจากเป็นเสียงข้างน้อย เหมือนครั้งที่แล้วมี60-70 คน ถูก 120 กว่าคนย่ำยีทุกวันคราวนี้ก็คงเกิดเหตุคล้ายแบบนั้นอีก” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่าตนขอฝากท่านเหล่านั้นว่าขณะนี้มีกระบวนการสกัดกั้นไม่ให้เข้าสภาโดยเห็นว่าหากใครเคยขึ้นเวทีพันธมิตรจะต้องถูกดำเนินการ ตนจึงขอฝากไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้วยอย่าเหยียบย่ำหัวใจประชาชนให้มากนักเลย ปล่อยให้ท่านเหล่านี้ได้เข้าไปทำหน้าที่ในเมื่อประชาชนได้เลือกคนเหล่านี้ไปแล้วเขาไม่ได้ทุจริตการเลือกตั้งหรือซื้อเสียงหรือจ้างวานใคร เพราะตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ให้มีกกต.เพื่อให้เข้าไปดูแลการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตด้วยความบริสุทธิ์ไม่ใช่ให้กกต.ไปเป็นเครื่องมือของรัฐบาลมาหาเรื่องคนที่เป็นตัวแทนโดยชอบธรรมของประชาชน
ต่อข้อถามที่ว่าการเลือกตั้งสว.ครั้งนี้ได้สะท้อนถึงการเลือกตั้งส.ส.ด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าหากรัฐบาลไม่มีทิฐิหรือดึงดันขอให้ลองพิจารณาดูด้วยสติจะเห็นว่าปฏิกิริยาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลยังหนักแน่นไม่สมควรที่จะละเลยหรือไม่พิจารณาถึง และเข้าใจว่าสิ่งที่จะทำต่อไปจะได้ไม่ต้องข่มขืนใจประชาชนอีก
ส่วนกรณีที่นายนิติภูมิ นวรัตน์ ว่าที่ส.ว.กทม.ระบุว่าได้รับการล๊อบบี้ให้ไปเข้ากลุ่มนั้น นายสุเทพกล่าวว่าส่วนตนเชื่อเช่นนั้นเพราะนายนิติภูมิเป็นที่ยอมรับของสังคมในการแสดงออกทั้งทางความคิดและความเห็นต่อสาธารณะ ฉะนั้นสิ่งที่เขาพูดเชื่อถือได้และตนก็ได้ยินมาด้วยตนเองว่าคนที่ชนะเลือกตั้งที่มาจากต่างจังหวัดเช่น ในภาคใต้ก็มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลนี้เริ่มติดต่อแล้วตั้งแต่ก่อนสมัครด้วยซ้ำไป เพราะทำโพล ออกมาพอทราบว่าผู้สมัครคนใดจะชนะก็เสนอให้5แสนหรือ1ล้านบาท ตนคิดว่ากระบวนการนี้ยังคงความชั่วร้ายไว้เหมือนเดิม ซึ่งก็คงส่งผลต่อความศรัทธาของประชาชนเพราะเดิมก็เสื่อมศรัทธาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามส.ว.น้ำดีก็คงต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเข้าไปต่อสู้กับกระบวนการที่แข็งแรง ก็ขอให้เตรียมตัวทำงานหนักได้
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่กกต.ประกาศรับสมัครส.ส.ใหม่ที่จ.สงขลาว่า เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่ากกต.ตั้งหน้าตั้งตาที่จะรับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดชีวิตจิตใจ ไม่น่าเชื่อว่ากกต.จะมีพฤติกรรมที่แล้วร้ายอย่างนี้ที่กล้าข่มเหงน้ำใจประชาชนจ.สงขลาเพราะไม่เคยเกิดขึ้นที่กกต.อยู่ๆก็ประกาศยกเลิกการสมัครรับเลือกตั้งแล้วประกาศฉุกเฉินให้ประกาศรับเลือกตั้งทันที แต่ก็ยังมีผู้สมัครที่เตรียมพร้อมไปสมัครด้วยทันทีเลย ถ้าไม่มีการเตรียมการไว้ก่อนไม่มีทางที่จะทำได้แบบนี้ได้ ทั้งนี้ไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากกกต.ต้องการให้ผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยไม่ต้องฝ่าด่าน20 เปอร์เซนต์ จึงพยายามที่จะให้มีพรรคตัวประกอบมาลงสมัคร เพราะกกต.ต้องการให้พรรคไทยรักไทยได้เป็นส.ส.ทั้ง7 เขต และการที่กกต.เขตในจ.สงขลาลาออกเนื่องจากทนรับพฤติกรรมของกกต.กลางทั้ง4 คนไม่ได้แล้ว เพราะน่าอับอายที่สุดไม่เกรงใจประชาชนไม่น่าเชื่อว่าจะร่วมแผ่นดินเดียวกันได้ ไม่มีสำนึกในความเป็นอิสระในการทำงานให้สมกับรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
“กกต.ขณะนี้พูดอะไรไม่น่าเชื่อถือแล้ว ชอบท้าทายประชาชนไม่หยุด ขอฝากไปถึงพล.ต.อ.วาสนา( เพิ่มลาภ ประธานกกต.)ที่เรียกร้องประชาชนว่าถ้าใครคิดว่าเขาผิดตรงไหนขอให้ประชาชนทุกเขตเลือกตั้งสามารถดำเนินการฟ้องร้องกกต. ผมขอให้ประชาชนฟ้องร้องตามที่พล.ต.อ.วาสนาท้าเลย”นายสุเทพกล่าวและว่าส่วนที่ตนทำหนังสือสอบถามไปยังกกต.ขณะนี้กกต.ตอบมาเพียงแค่เรื่องเดียวคือ เรื่องผู้สมัครเวียนเทียนที่ไปลงสมัครอีกเขตหนึ่งทั้งที่กกต.ยังไม่รับรอง โดยกกต.ยืนยันว่าที่ได้ดำเนินการไปนั้นถูกต้องแล้ว ดังนั้นจึงให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ แต่ยังมีปัญหาตรงที่ผู้เสียหายว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ หากเข้าข่ายก็จะดำเนินคดีทันที
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 เม.ย. 2549--จบ--
“ขอให้ประชาชนได้ติดตามสถานการณ์ต่อไปแม้ว่าจะมีส.ว.ที่มีชื่อในเรื่องของการตรวจสอบและความเป็นกลางก็มีเพียงส่วนน้อย แต่ก็มีหลายสิบคนที่เป็นคนดีเป็นความหวังของบ้านเมืองได้ แต่ก็น่าสงสารท่านเหล่านี้เนื่องจากเป็นเสียงข้างน้อย เหมือนครั้งที่แล้วมี60-70 คน ถูก 120 กว่าคนย่ำยีทุกวันคราวนี้ก็คงเกิดเหตุคล้ายแบบนั้นอีก” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวว่าตนขอฝากท่านเหล่านั้นว่าขณะนี้มีกระบวนการสกัดกั้นไม่ให้เข้าสภาโดยเห็นว่าหากใครเคยขึ้นเวทีพันธมิตรจะต้องถูกดำเนินการ ตนจึงขอฝากไปถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้วยอย่าเหยียบย่ำหัวใจประชาชนให้มากนักเลย ปล่อยให้ท่านเหล่านี้ได้เข้าไปทำหน้าที่ในเมื่อประชาชนได้เลือกคนเหล่านี้ไปแล้วเขาไม่ได้ทุจริตการเลือกตั้งหรือซื้อเสียงหรือจ้างวานใคร เพราะตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ให้มีกกต.เพื่อให้เข้าไปดูแลการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตด้วยความบริสุทธิ์ไม่ใช่ให้กกต.ไปเป็นเครื่องมือของรัฐบาลมาหาเรื่องคนที่เป็นตัวแทนโดยชอบธรรมของประชาชน
ต่อข้อถามที่ว่าการเลือกตั้งสว.ครั้งนี้ได้สะท้อนถึงการเลือกตั้งส.ส.ด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าหากรัฐบาลไม่มีทิฐิหรือดึงดันขอให้ลองพิจารณาดูด้วยสติจะเห็นว่าปฏิกิริยาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลยังหนักแน่นไม่สมควรที่จะละเลยหรือไม่พิจารณาถึง และเข้าใจว่าสิ่งที่จะทำต่อไปจะได้ไม่ต้องข่มขืนใจประชาชนอีก
ส่วนกรณีที่นายนิติภูมิ นวรัตน์ ว่าที่ส.ว.กทม.ระบุว่าได้รับการล๊อบบี้ให้ไปเข้ากลุ่มนั้น นายสุเทพกล่าวว่าส่วนตนเชื่อเช่นนั้นเพราะนายนิติภูมิเป็นที่ยอมรับของสังคมในการแสดงออกทั้งทางความคิดและความเห็นต่อสาธารณะ ฉะนั้นสิ่งที่เขาพูดเชื่อถือได้และตนก็ได้ยินมาด้วยตนเองว่าคนที่ชนะเลือกตั้งที่มาจากต่างจังหวัดเช่น ในภาคใต้ก็มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลนี้เริ่มติดต่อแล้วตั้งแต่ก่อนสมัครด้วยซ้ำไป เพราะทำโพล ออกมาพอทราบว่าผู้สมัครคนใดจะชนะก็เสนอให้5แสนหรือ1ล้านบาท ตนคิดว่ากระบวนการนี้ยังคงความชั่วร้ายไว้เหมือนเดิม ซึ่งก็คงส่งผลต่อความศรัทธาของประชาชนเพราะเดิมก็เสื่อมศรัทธาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามส.ว.น้ำดีก็คงต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเข้าไปต่อสู้กับกระบวนการที่แข็งแรง ก็ขอให้เตรียมตัวทำงานหนักได้
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่กกต.ประกาศรับสมัครส.ส.ใหม่ที่จ.สงขลาว่า เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่ากกต.ตั้งหน้าตั้งตาที่จะรับใช้ระบอบทักษิณอย่างสุดชีวิตจิตใจ ไม่น่าเชื่อว่ากกต.จะมีพฤติกรรมที่แล้วร้ายอย่างนี้ที่กล้าข่มเหงน้ำใจประชาชนจ.สงขลาเพราะไม่เคยเกิดขึ้นที่กกต.อยู่ๆก็ประกาศยกเลิกการสมัครรับเลือกตั้งแล้วประกาศฉุกเฉินให้ประกาศรับเลือกตั้งทันที แต่ก็ยังมีผู้สมัครที่เตรียมพร้อมไปสมัครด้วยทันทีเลย ถ้าไม่มีการเตรียมการไว้ก่อนไม่มีทางที่จะทำได้แบบนี้ได้ ทั้งนี้ไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นได้นอกจากกกต.ต้องการให้ผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยไม่ต้องฝ่าด่าน20 เปอร์เซนต์ จึงพยายามที่จะให้มีพรรคตัวประกอบมาลงสมัคร เพราะกกต.ต้องการให้พรรคไทยรักไทยได้เป็นส.ส.ทั้ง7 เขต และการที่กกต.เขตในจ.สงขลาลาออกเนื่องจากทนรับพฤติกรรมของกกต.กลางทั้ง4 คนไม่ได้แล้ว เพราะน่าอับอายที่สุดไม่เกรงใจประชาชนไม่น่าเชื่อว่าจะร่วมแผ่นดินเดียวกันได้ ไม่มีสำนึกในความเป็นอิสระในการทำงานให้สมกับรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
“กกต.ขณะนี้พูดอะไรไม่น่าเชื่อถือแล้ว ชอบท้าทายประชาชนไม่หยุด ขอฝากไปถึงพล.ต.อ.วาสนา( เพิ่มลาภ ประธานกกต.)ที่เรียกร้องประชาชนว่าถ้าใครคิดว่าเขาผิดตรงไหนขอให้ประชาชนทุกเขตเลือกตั้งสามารถดำเนินการฟ้องร้องกกต. ผมขอให้ประชาชนฟ้องร้องตามที่พล.ต.อ.วาสนาท้าเลย”นายสุเทพกล่าวและว่าส่วนที่ตนทำหนังสือสอบถามไปยังกกต.ขณะนี้กกต.ตอบมาเพียงแค่เรื่องเดียวคือ เรื่องผู้สมัครเวียนเทียนที่ไปลงสมัครอีกเขตหนึ่งทั้งที่กกต.ยังไม่รับรอง โดยกกต.ยืนยันว่าที่ได้ดำเนินการไปนั้นถูกต้องแล้ว ดังนั้นจึงให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ แต่ยังมีปัญหาตรงที่ผู้เสียหายว่าจะฟ้องร้องหรือไม่ หากเข้าข่ายก็จะดำเนินคดีทันที
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 เม.ย. 2549--จบ--