เครื่องชี้เศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคม 2548 ด้านอุปสงค์ในประเทศอ่อนตัวลงจากเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนหดตัวลงเล็กน้อย และดัชนีการลงทุนภาคเอกชนชะลอลง สอดคล้องกับการนำเข้าที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ภาคต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยการส่งออกเร่งตัวจากเดือนก่อน
ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักเร่งตัวจากเดือนก่อนหน้า ตามการเร่งตัวขึ้นของราคายางพารา มันสำปะหลัง และข้าวเป็นสำคัญ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนตัวลง สำหรับในภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า
เสถียรภาพเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลในเดือนนี้ เนื่องจากการปรับตัวดีขึ้นของทั้งดุลการค้าและ ดุลบริการ ฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานเพิ่มขึ้นมากจากราคา น้ำมันที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคม 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.7 ชะลอลงจากร้อยละ 9.4 ในเดือนก่อน โดยหลายหมวดอุตสาหกรรมมีการผลิตลดลง ที่สำคัญ เช่น หมวดเครื่องหนัง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนไปผลิตสินค้าคุณภาพ สูงขึ้น หมวดเครื่องดื่มและหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก มีการหยุดผลิตบางส่วนชั่วคราวในบางโรงงาน ประกอบกับหมวด ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง การผลิตชะลอลงมากตามอุปสงค์รถยนต์นั่งอันเป็นผลจากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และหมวดอาหารยังคงขยายตัวดีตามการส่งออก และหมวดเคมีภัณฑ์มีการเร่งผลิตเพื่อสะสมสต็อก อันเป็นผลจากความกังวลต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิต ในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 70.8 ลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ลดลงร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากที่ขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.9 ในเดือนมิถุนายน โดยเป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน มูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ส่วนปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ปริมาณจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.8 โดยเป็นผลจากการชะลอตัวของการลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และหมวด ก่อสร้าง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลง อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าบางรายการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
3. ภาคการคลัง ในเดือนกรกฎาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.8 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาษีร้อยละ 8.2 และรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ทั้งนี้ ในรอบ 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 1.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.8 อนึ่ง ฐานะดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้ ขาดดุล 20 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งจากการโอนรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 338 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่ขาดดุล 1,854 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่าทั้งสิ้น 9,349 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.8 สินค้าออกที่ ขยายตัวดีต่อเนื่อง ได้แก่ แผงวงจรรวมและชิ้นส่วนที่ปรับตัวดีขึ้นตามวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ส่วนการนำเข้าคิดเป็นมูลค่า 9,687 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.4 ชะลอลงมากจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 34.6 โดยเป็นผลจากการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนที่ชะลอลง สำหรับการนำเข้าน้ำมันดิบคิดเป็นมูลค่า 1,530 ล้านดอลลาร์สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่นำเข้าสูงถึง 2,014 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 507 ล้านดอลลาร์สรอ.จากรายได้สุทธิจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและรายจ่ายผลประโยชน์จากการลงทุนที่ลดลงเป็นสำคัญ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล169 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 268 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 อยู่ที่ระดับ 48.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 3.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่รัฐบาลยกเลิกการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.3 เร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของทั้งราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่ม โดยราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจาก ผลผลิตออกน้อยและตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนราคาในหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มที่สูงขึ้นมาก ได้แก่ ราคาหมวด ยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาค่าโดยสาร ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบใน ตลาดโลกซึ่งปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 ตามราคาอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน ค่าโดยสารเกือบทุกประเภท ราคาในหมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล รวมทั้งค่าเช่าบ้าน
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.6 จากการเพิ่มขึ้นของราคาในทุกหมวด ทั้งหมวด ผลผลิตเกษตรกรรม หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองซึ่งเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ และหมวดผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติกและผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น
6. ภาวะการเงิน ในเดือนกรกฎาคม 2548 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการควบรวมระหว่างบริษัทเงินทุนไทยเพิ่มทรัพย์และบริษัทเงินทุนทิสโก้และยกระดับเป็นธนาคารทิสโก้ และการโอนสินทรัพย์และหนี้สินระหว่างบริษัทเงินทุนธนชาติและธนาคารธนชาตตามนโยบาย One Presence ซึ่งหากหักเงินฝากที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการควบรวมดังกล่าวออก เงินฝากในเดือนกรกฎาคม 2548 ขยายตัวร้อยละ 2.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาคธุรกิจเป็นสำคัญ
สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวมการถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ในเดือนกรกฎาคม 2548 ขยายตัวร้อยละ 6.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนจากการควบรวมและโอนสินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงิน ดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ หากหักสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการควบรวมดังกล่าวออก สินเชื่อในเดือนกรกฎาคมขยายตัวร้อยละ 4.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมิถุนายนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.2 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ให้แก่ ภาคครัวเรือนเป็นสำคัญ
ปริมาณเงิน M2 เร่งตัวขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ 4.5 ที่สำคัญเป็นผลจากการควบรวมและยกระดับบริษัทเงินทุนเป็นธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ปริมาณเงิน M2a และ M3 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อย
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินโน้มสูงขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน โดยเฉลี่ยทั้งเดือนอยู่ที่ร้อยละ 2.55 และ 2.57 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นการปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. เป็นสำคัญ
7. เงินบาท ค่าเงินบาทในเดือนกรกฎาคม 2548 เฉลี่ยอยู่ที่ 41.76 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม เงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วตามค่าเงินในภูมิภาคหลังจีนและมาเลเซียประกาศปรับระบบ อัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ 21 กรกฎาคม
ในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2548 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.18 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. โดยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจาก ช่วงปลายเดือนก่อนจากที่ตลาดคาดว่าค่าเงินหยวนของจีนและริงกิตมาเลเซียจะแข็งขึ้นต่อเนื่อง จึงได้ทยอยเข้ามาถือเงินภูมิภาคบางสกุล ประกอบกับมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์ และการแถลงตัวเลขดุลการค้าเบื้องต้นโดยกระทรวงพาณิชย์ เดือนกรกฎาคม ขาดดุลลดลง อย่างไรก็ดี เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนเป็นบางช่วงโดยมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมัน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรจากพืชผลหลักเร่งตัวจากเดือนก่อนหน้า ตามการเร่งตัวขึ้นของราคายางพารา มันสำปะหลัง และข้าวเป็นสำคัญ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ตามอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนตัวลง สำหรับในภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า
เสถียรภาพเศรษฐกิจ ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลในเดือนนี้ เนื่องจากการปรับตัวดีขึ้นของทั้งดุลการค้าและ ดุลบริการ ฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานเพิ่มขึ้นมากจากราคา น้ำมันที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคม 2548 มีดังนี้
1. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.7 ชะลอลงจากร้อยละ 9.4 ในเดือนก่อน โดยหลายหมวดอุตสาหกรรมมีการผลิตลดลง ที่สำคัญ เช่น หมวดเครื่องหนัง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนไปผลิตสินค้าคุณภาพ สูงขึ้น หมวดเครื่องดื่มและหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก มีการหยุดผลิตบางส่วนชั่วคราวในบางโรงงาน ประกอบกับหมวด ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง การผลิตชะลอลงมากตามอุปสงค์รถยนต์นั่งอันเป็นผลจากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และหมวดอาหารยังคงขยายตัวดีตามการส่งออก และหมวดเคมีภัณฑ์มีการเร่งผลิตเพื่อสะสมสต็อก อันเป็นผลจากความกังวลต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิต ในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 70.8 ลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ลดลงร้อยละ 0.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากที่ขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.9 ในเดือนมิถุนายน โดยเป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน มูลค่าสินค้าอุปโภคบริโภคนำเข้า ณ ราคาคงที่ และปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ส่วนปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ปริมาณจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.8 โดยเป็นผลจากการชะลอตัวของการลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และหมวด ก่อสร้าง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลง อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าบางรายการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
3. ภาคการคลัง ในเดือนกรกฎาคม 2548 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.8 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาษีร้อยละ 8.2 และรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ทั้งนี้ ในรอบ 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2548 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวม 1.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.8 อนึ่ง ฐานะดุลเงินสดรัฐบาลในเดือนนี้ ขาดดุล 20 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งจากการโอนรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้าขาดดุล 338 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่ขาดดุล 1,854 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่าทั้งสิ้น 9,349 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 16.8 สินค้าออกที่ ขยายตัวดีต่อเนื่อง ได้แก่ แผงวงจรรวมและชิ้นส่วนที่ปรับตัวดีขึ้นตามวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ส่วนการนำเข้าคิดเป็นมูลค่า 9,687 ล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 22.4 ชะลอลงมากจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 34.6 โดยเป็นผลจากการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนที่ชะลอลง สำหรับการนำเข้าน้ำมันดิบคิดเป็นมูลค่า 1,530 ล้านดอลลาร์สรอ. ลดลงจากเดือนก่อนที่นำเข้าสูงถึง 2,014 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน เกินดุล 507 ล้านดอลลาร์สรอ.จากรายได้สุทธิจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและรายจ่ายผลประโยชน์จากการลงทุนที่ลดลงเป็นสำคัญ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล169 ล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 268 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 อยู่ที่ระดับ 48.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 3.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่รัฐบาลยกเลิกการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.3 เร่งตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของทั้งราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่ม โดยราคาในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจาก ผลผลิตออกน้อยและตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนราคาในหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มที่สูงขึ้นมาก ได้แก่ ราคาหมวด ยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิง และราคาค่าโดยสาร ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบใน ตลาดโลกซึ่งปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 ตามราคาอาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน ค่าโดยสารเกือบทุกประเภท ราคาในหมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล รวมทั้งค่าเช่าบ้าน
ดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.6 จากการเพิ่มขึ้นของราคาในทุกหมวด ทั้งหมวด ผลผลิตเกษตรกรรม หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมืองซึ่งเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ และหมวดผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติกและผลิตภัณฑ์อาหาร เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น
6. ภาวะการเงิน ในเดือนกรกฎาคม 2548 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 4.1 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการควบรวมระหว่างบริษัทเงินทุนไทยเพิ่มทรัพย์และบริษัทเงินทุนทิสโก้และยกระดับเป็นธนาคารทิสโก้ และการโอนสินทรัพย์และหนี้สินระหว่างบริษัทเงินทุนธนชาติและธนาคารธนชาตตามนโยบาย One Presence ซึ่งหากหักเงินฝากที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการควบรวมดังกล่าวออก เงินฝากในเดือนกรกฎาคม 2548 ขยายตัวร้อยละ 2.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินฝากภาคธุรกิจเป็นสำคัญ
สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ (รวมการถือครองหลักทรัพย์ของภาคเอกชน) ในเดือนกรกฎาคม 2548 ขยายตัวร้อยละ 6.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนจากการควบรวมและโอนสินทรัพย์และหนี้สินของสถาบันการเงิน ดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ หากหักสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการควบรวมดังกล่าวออก สินเชื่อในเดือนกรกฎาคมขยายตัวร้อยละ 4.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นเล็กน้อยจากเดือนมิถุนายนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4.2 โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ให้แก่ ภาคครัวเรือนเป็นสำคัญ
ปริมาณเงิน M2 เร่งตัวขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ 4.5 ที่สำคัญเป็นผลจากการควบรวมและยกระดับบริษัทเงินทุนเป็นธนาคารพาณิชย์ ขณะที่ปริมาณเงิน M2a และ M3 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเล็กน้อย
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินโน้มสูงขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วัน โดยเฉลี่ยทั้งเดือนอยู่ที่ร้อยละ 2.55 และ 2.57 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นการปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. เป็นสำคัญ
7. เงินบาท ค่าเงินบาทในเดือนกรกฎาคม 2548 เฉลี่ยอยู่ที่ 41.76 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม เงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วตามค่าเงินในภูมิภาคหลังจีนและมาเลเซียประกาศปรับระบบ อัตราแลกเปลี่ยนในวันที่ 21 กรกฎาคม
ในช่วงวันที่ 1-25 สิงหาคม 2548 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 41.18 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. โดยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจาก ช่วงปลายเดือนก่อนจากที่ตลาดคาดว่าค่าเงินหยวนของจีนและริงกิตมาเลเซียจะแข็งขึ้นต่อเนื่อง จึงได้ทยอยเข้ามาถือเงินภูมิภาคบางสกุล ประกอบกับมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์ และการแถลงตัวเลขดุลการค้าเบื้องต้นโดยกระทรวงพาณิชย์ เดือนกรกฎาคม ขาดดุลลดลง อย่างไรก็ดี เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนเป็นบางช่วงโดยมีปัจจัยลบจากราคาน้ำมัน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--