ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.เชื่อมั่นสถานการณ์การเมืองไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่า
การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวต่อไป แม้ว่าแนวโน้ม
การลงทุนจะชะลอลง หรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะชะลอลงตามที่หลายหน่วยงานคาดการณ์ เนื่องจาก
แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่ ในขณะที่การส่งออกก็ยังขยายตัวดี โดยในส่วนของจีดีพีที่หลายฝ่ายประเมินว่าน่าจะปรับตัว
ลดลงจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง เช่น กรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมอร์แกนสแตนเลย์ ลดการคาดการณ์
จีดีพีของไทยลงจาก 5.4% เหลือ 4.9% นั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละสถาบัน และโดยปกติบริษัทต่างชาติก็จะพิจารณา
เฉพาะในส่วนที่มีผลต่อตนเอง เข่น เรื่องของนโยบายการลงทุน โดยไม่ได้พิจารณาถึงผลประโยชน์หลักของประเทศไทย
นอกจากนี้ ในอดีตไทยเคยผ่านเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองจนถึงจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจมาแล้ว จึงเชื่อว่าปัญหา
ดังกล่าวไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก นอกจากนี้ นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
กล่าวว่า ปัญหาทางการเมืองในขณะนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของ ธพ.ไทย โดยขณะนี้ยังไม่เห็น
สัญญาณของความไม่มั่นใจของ ธพ.จนทำให้มีการชะลอการปล่อยสินเชื่อในโครงการลงทุนและการใช้จ่าย และยังไม่
พบว่าจะก่อให้เกิดปัญหาหนี้ของภาคเอกชน แต่ยอมรับว่าในสถานการณ์ที่มีความผันผวน ธพ.อาจต้องพิจารณาการปล่อยสิน
เชื่อให้รอบคอบมากขึ้น (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
2. ก.คลังเชื่อมั่นการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธ.กลางญี่ปุ่นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ธ.กลางญี่ปุ่นเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
หลังใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบมาโดยตลอดว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะเงินฝืดและเศรษฐกิจ
ถดถอยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ในปี 48 ไทยส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นประมาณ 14% ของการส่งออกทั้งหมด โดย สศค.ประเมินว่าหากเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นขยายตัวขึ้น 1% ต่อปี จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.2% ต่อปี ดุลการค้าจะขาดดุลน้อยลงประมาณ
200 ล.ดอลลาร์ สรอ.ต่อปี (ไทยโพสต์)
3. ราคาขายปลีกน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นตามตลาดโลก แหล่งข่าวจากบริษัทผู้ค้าน้ำมัน เปิดเผยว่า
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ค้าน้ำมันยังคงต้องติดตามราคาอย่าง
ใกล้ชิด เนื่องจากค่าการตลาดในขณะนี้อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติเฉลี่ยที่ประมาณ 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ค้า
น้ำมันจะขอรอดูสถานการณ์ราคาช่วงปิดตลาดในวันที่ 14 มี.ค.นี้อีกครั้ง ซึ่งหากราคาตลาดโลกยังปรับเพิ่มขึ้นอีก ผู้ค้า
น้ำมันก็จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกในประเทศทั้งเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 40 สตางค์ ทั้งนี้ หากมีการปรับ
ราคาน้ำมันขึ้นจริง จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 ปรับขึ้นที่ 27.14 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ปรับขึ้นเป็น
25.64 บาท และน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 25.89 บาทต่อลิตร (ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในขณะที่ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14 มี.ค.49 ก.พาณิชย์ของ สรอ.
รายงานยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 ลดลงร้อยละ 1.3 จากเดือนก่อน ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่า
จะลดลงร้อยละ 0.8 ต่อเดือน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ในเดือน ม.ค.49 ซึ่งนับเป็นอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดใน
รอบมากกว่า 4 ปี โดยคาดว่าเป็นผลมาจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลงหลังจากใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากในเดือน
ม.ค.49 ในขณะที่รายงานอีกฉบับแสดงให้เห็นว่ายอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งใช้วัดดุลการค้าของ สรอ.กับประเทศ
อื่น ๆ ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 224.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะขาดดุลบัญชี
เดินสะพัดจำนวน 217.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และส่งผลให้ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของทั้งปี 48 เพิ่มขึ้นมาอยู่
ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 804.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเท่ากับร้อยละ 6.4 ของผลผลิตรวมในประเทศ
หรือ GDP จากร้อยละ 5.7 ของ GDP ในปี 47 (รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. เดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย รายงานจากกรุงนิวยอร์ก
ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 14 มี.ค.49 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. ในเดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อนหน้า เนื่อง
จากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมสินค้าที่มีราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่น อาหาร
และน้ำมัน จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของเดือน ม.ค.49 และยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ
แนวโน้มในระยะนี้ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานดูเหมือนจะยังทรงตัวอยู่ ซึ่งคาดว่า ธ.กลาง สรอ. กำลังติดตามดู
อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการเพิ่มขึ้นของการใช้แรงงานและทรัพยากรในการผลิต ส่งผล
กระทบต่อดัชนีราคาผู้บริโภค อนึ่ง ก.แรงงาน สรอ. จะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค สรอ. ในวันพฤหัสบดีนี้(รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 14 มี.ค.49 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.48 เพิ่มแข็งแกร่งกว่า
ที่คาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน (ไม่นับรวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน) เพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการ
ก่อนหน้านี้ว่าลดลงร้อยละ 0.7 ซึ่งนักวิเคราะห์ของ Bank of America กล่าวว่า ตัวเลขขายปลีกนับเป็นปัจจัยสำคัญ
ในการคำนวณตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนและตัวเลขผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศ ทำให้มีการคาดคะเน
ว่าการที่ตัวเลขขายปลีกเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้อาจทำให้ตัวเลขที่ทบทวนใหม่ของ GDP ในไตรมาสที่ 4 ปี 48 ถูก
ปรับให้สูงขึ้นด้วยจากที่เมื่อเดือน ก.พ. มีการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวว่า อยู่ในภาวะชะงักงัน และการบริโภคภาคเอกชน
ลดลงมากกว่าร้อยละ 0.6 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับยอดขายปลีกที่ทบทวนแล้วเมื่อเทียบต่อปีในเดือน ธ.ค.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับที่รายงานเบื้องต้นก่อนหน้านี้ว่าลดลงร้อยละ 0.9 ในขณะที่ตัวเลขของ เดือน ม.ค.49
กลับถูกปรับลดลงจากที่รายงานเมื่อต้นเดือน มี.ค.ว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เหลือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8 อนึ่ง ยอดขาย
ปลีกที่นับรวมถึงยอดขายรถยนต์และน้ำมันในเดือน ธ.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.7 เทียบต่อเดือน ขณะที่เมื่อเทียบต่อปีเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 0.2 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าอัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ. จะยังคงอยู่ที่ร้อยละ 3.4 รายงานจากโซล
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 49 ผลการสำรวจของรอยเตอร์ชี้ว่า ในเดือน ก.พ. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้จะยังคงอยู่ที่
ร้อยละ 3.4 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศ นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า
อัตราการว่างงานมีแนวโน้มที่จะต่ำลงอีกในเดือนหน้า สนับสนุนว่าการบริโภคในประเทศของเกาหลีใต้ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่
ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในเอเซีย ฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ตัวเลขอัตราการว่างงานที่ได้ปรับฤดูกาลแล้วมีทิศทางที่ลดลง
นับตั้งแต่ที่เคยทำสถิติสูงสุดร้อยละ 4.0 ในเดือน ก.ย. ที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบมากกว่า 4 ปี โดย Leslie Khoo
นักวิเคราะห์จาก Forecast Pte ให้ความเห็นว่ามีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้นจะส่งผลให้ภาคบริการ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเขาเชื่อว่าสถานการณ์ตลาดแรงงานจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่
ของเกาหลีใต้นำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขการจ้าง
งานอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 7.30 น ตามเวลาท้องถิ่น(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 มี.ค. 49 14 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ง
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.166 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9493/39.2445 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.53438 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 738.63/ 11.02 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,200/10,300 10,100/10,200 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 59.21 58 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49 26.74*/25.49** 26.74*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49
--ประกาศมา ณ วันที่ 15 มีนาคม 2549/ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.เชื่อมั่นสถานการณ์การเมืองไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่า
การธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวต่อไป แม้ว่าแนวโน้ม
การลงทุนจะชะลอลง หรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะชะลอลงตามที่หลายหน่วยงานคาดการณ์ เนื่องจาก
แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่ ในขณะที่การส่งออกก็ยังขยายตัวดี โดยในส่วนของจีดีพีที่หลายฝ่ายประเมินว่าน่าจะปรับตัว
ลดลงจากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง เช่น กรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมอร์แกนสแตนเลย์ ลดการคาดการณ์
จีดีพีของไทยลงจาก 5.4% เหลือ 4.9% นั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละสถาบัน และโดยปกติบริษัทต่างชาติก็จะพิจารณา
เฉพาะในส่วนที่มีผลต่อตนเอง เข่น เรื่องของนโยบายการลงทุน โดยไม่ได้พิจารณาถึงผลประโยชน์หลักของประเทศไทย
นอกจากนี้ ในอดีตไทยเคยผ่านเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองจนถึงจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจมาแล้ว จึงเชื่อว่าปัญหา
ดังกล่าวไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก นอกจากนี้ นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
กล่าวว่า ปัญหาทางการเมืองในขณะนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อของ ธพ.ไทย โดยขณะนี้ยังไม่เห็น
สัญญาณของความไม่มั่นใจของ ธพ.จนทำให้มีการชะลอการปล่อยสินเชื่อในโครงการลงทุนและการใช้จ่าย และยังไม่
พบว่าจะก่อให้เกิดปัญหาหนี้ของภาคเอกชน แต่ยอมรับว่าในสถานการณ์ที่มีความผันผวน ธพ.อาจต้องพิจารณาการปล่อยสิน
เชื่อให้รอบคอบมากขึ้น (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์)
2. ก.คลังเชื่อมั่นการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธ.กลางญี่ปุ่นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ธ.กลางญี่ปุ่นเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
หลังใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบมาโดยตลอดว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจากภาวะเงินฝืดและเศรษฐกิจ
ถดถอยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ในปี 48 ไทยส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นประมาณ 14% ของการส่งออกทั้งหมด โดย สศค.ประเมินว่าหากเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นขยายตัวขึ้น 1% ต่อปี จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.2% ต่อปี ดุลการค้าจะขาดดุลน้อยลงประมาณ
200 ล.ดอลลาร์ สรอ.ต่อปี (ไทยโพสต์)
3. ราคาขายปลีกน้ำมันมีแนวโน้มปรับขึ้นตามตลาดโลก แหล่งข่าวจากบริษัทผู้ค้าน้ำมัน เปิดเผยว่า
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ค้าน้ำมันยังคงต้องติดตามราคาอย่าง
ใกล้ชิด เนื่องจากค่าการตลาดในขณะนี้อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติเฉลี่ยที่ประมาณ 1 บาทต่อลิตรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ค้า
น้ำมันจะขอรอดูสถานการณ์ราคาช่วงปิดตลาดในวันที่ 14 มี.ค.นี้อีกครั้ง ซึ่งหากราคาตลาดโลกยังปรับเพิ่มขึ้นอีก ผู้ค้า
น้ำมันก็จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกในประเทศทั้งเบนซินและดีเซลเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 40 สตางค์ ทั้งนี้ หากมีการปรับ
ราคาน้ำมันขึ้นจริง จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 ปรับขึ้นที่ 27.14 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ปรับขึ้นเป็น
25.64 บาท และน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็น 25.89 บาทต่อลิตร (ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 ลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในขณะที่ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ รายงานจากวอชิงตัน เมื่อ 14 มี.ค.49 ก.พาณิชย์ของ สรอ.
รายงานยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน ก.พ.49 ลดลงร้อยละ 1.3 จากเดือนก่อน ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่า
จะลดลงร้อยละ 0.8 ต่อเดือน หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 ในเดือน ม.ค.49 ซึ่งนับเป็นอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุดใน
รอบมากกว่า 4 ปี โดยคาดว่าเป็นผลมาจากผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลงหลังจากใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากในเดือน
ม.ค.49 ในขณะที่รายงานอีกฉบับแสดงให้เห็นว่ายอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งใช้วัดดุลการค้าของ สรอ.กับประเทศ
อื่น ๆ ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 224.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสสุดท้ายปี 48 สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะขาดดุลบัญชี
เดินสะพัดจำนวน 217.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และส่งผลให้ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของทั้งปี 48 เพิ่มขึ้นมาอยู่
ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 804.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือเท่ากับร้อยละ 6.4 ของผลผลิตรวมในประเทศ
หรือ GDP จากร้อยละ 5.7 ของ GDP ในปี 47 (รอยเตอร์)
2. คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. เดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย รายงานจากกรุงนิวยอร์ก
ประเทศ สรอ. เมื่อวันที่ 14 มี.ค.49 สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า
ดัชนีราคาผู้บริโภคของ สรอ. ในเดือน ก.พ.49 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อนหน้า เนื่อง
จากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมสินค้าที่มีราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่น อาหาร
และน้ำมัน จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของเดือน ม.ค.49 และยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ
แนวโน้มในระยะนี้ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานดูเหมือนจะยังทรงตัวอยู่ ซึ่งคาดว่า ธ.กลาง สรอ. กำลังติดตามดู
อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและการเพิ่มขึ้นของการใช้แรงงานและทรัพยากรในการผลิต ส่งผล
กระทบต่อดัชนีราคาผู้บริโภค อนึ่ง ก.แรงงาน สรอ. จะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค สรอ. ในวันพฤหัสบดีนี้(รอยเตอร์)
3. ยอดขายปลีกของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.48 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 14 มี.ค.49 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า ยอดขายปลีกของเยอรมนีในเดือน ธ.ค.48 เพิ่มแข็งแกร่งกว่า
ที่คาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อเดือน (ไม่นับรวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน) เพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการ
ก่อนหน้านี้ว่าลดลงร้อยละ 0.7 ซึ่งนักวิเคราะห์ของ Bank of America กล่าวว่า ตัวเลขขายปลีกนับเป็นปัจจัยสำคัญ
ในการคำนวณตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนและตัวเลขผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศ ทำให้มีการคาดคะเน
ว่าการที่ตัวเลขขายปลีกเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้อาจทำให้ตัวเลขที่ทบทวนใหม่ของ GDP ในไตรมาสที่ 4 ปี 48 ถูก
ปรับให้สูงขึ้นด้วยจากที่เมื่อเดือน ก.พ. มีการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวว่า อยู่ในภาวะชะงักงัน และการบริโภคภาคเอกชน
ลดลงมากกว่าร้อยละ 0.6 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับยอดขายปลีกที่ทบทวนแล้วเมื่อเทียบต่อปีในเดือน ธ.ค.48
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบกับที่รายงานเบื้องต้นก่อนหน้านี้ว่าลดลงร้อยละ 0.9 ในขณะที่ตัวเลขของ เดือน ม.ค.49
กลับถูกปรับลดลงจากที่รายงานเมื่อต้นเดือน มี.ค.ว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เหลือเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.8 อนึ่ง ยอดขาย
ปลีกที่นับรวมถึงยอดขายรถยนต์และน้ำมันในเดือน ธ.ค.48 ลดลงร้อยละ 0.7 เทียบต่อเดือน ขณะที่เมื่อเทียบต่อปีเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 0.2 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าอัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ในเดือน ก.พ. จะยังคงอยู่ที่ร้อยละ 3.4 รายงานจากโซล
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 49 ผลการสำรวจของรอยเตอร์ชี้ว่า ในเดือน ก.พ. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้จะยังคงอยู่ที่
ร้อยละ 3.4 ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศ นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า
อัตราการว่างงานมีแนวโน้มที่จะต่ำลงอีกในเดือนหน้า สนับสนุนว่าการบริโภคในประเทศของเกาหลีใต้ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่
ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในเอเซีย ฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ตัวเลขอัตราการว่างงานที่ได้ปรับฤดูกาลแล้วมีทิศทางที่ลดลง
นับตั้งแต่ที่เคยทำสถิติสูงสุดร้อยละ 4.0 ในเดือน ก.ย. ที่อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบมากกว่า 4 ปี โดย Leslie Khoo
นักวิเคราะห์จาก Forecast Pte ให้ความเห็นว่ามีการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตมากขึ้นจะส่งผลให้ภาคบริการ
ขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเขาเชื่อว่าสถานการณ์ตลาดแรงงานจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่
ของเกาหลีใต้นำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขการจ้าง
งานอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ เวลา 7.30 น ตามเวลาท้องถิ่น(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 15 มี.ค. 49 14 มี.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ง
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.166 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9493/39.2445 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.53438 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 738.63/ 11.02 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,200/10,300 10,100/10,200 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 59.21 58 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 30 สตางค์ เมื่อ 4 มี.ค. 49 26.74*/25.49** 26.74*/25.49** 19.69/14.59 ปตท.
**ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 9 มี.ค. 49
--ประกาศมา ณ วันที่ 15 มีนาคม 2549/ธนาคารแห่งประเทศไทย--