วันนี้ (10 ก.ย.49) เวลา 14.00 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะเดินทางไปที่ประเทศฟินเลนด์เพื่อประชุมผู้นำอาเซียนว่า “สื่อไทยไม่เป็นกลาง” เมื่อวานนี้ (9 ก.ย.49) ว่า สื่อมวลชนทำงานตามหน้าที่โดยปกติมาโดยตลอด โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองหรือพรรคการเมือง การดำเนินของรัฐบาล ตนคิดว่าสื่อมวลชนก็มีสิทธิ์เห็นได้ว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนทำหน้าที่โดยปกติมาโดยตลอด แต่ในช่วง 2 ปีหลังภายใต้รัฐบาลทักษิณ 2 เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล บทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณมากขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณกลับบอกว่า สื่อไม่เป็นกลาง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่าตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณมาบอกว่าสื่อว่าไม่เป็นกลาง พ.ต.ท.ทักษิณควรจะพิจารณาตัวเองว่าได้ทำในสิ่งที่เหมาะสม มีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้สื่อมวลชนรายงานข่าวดี การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณต้องมีความโปร่งใส แต่ถ้าพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีความอึมครึม มีความไม่โปร่งใส ตนคิดว่าการจะไปโทษว่าสื่อไม่เป็นกลางเป็นเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มคนขับรถแท็กซี่เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เนื่องจากอุปกรณ์ที่คนขับแท็กซี่ได้รับติดตั้งจากโครงการแท็กซี่เอื้ออาทรไม่ได้มาตรฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ความผิดพลาดจากโครงการแท็กซี่เอื้ออาทรนี้เป็นอีกกรณีที่เกิดขึ้นในหลายโครงการเอื้ออาทรที่ผ่านมา ตนคิดว่าสาเหตุที่โครงการนี้ล้มเหลวเพราะรัฐบาลมุ่งหวังจะได้คะแนนเสียงเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้เข้าไปดูแลขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการเหล่านี้อย่างแท้จริง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า โครงการแท็กซี่เอื้ออาทรมีการกำหนดให้ติดอุปกรณ์ 3 ชิ้นในรถ รวมทั้งจอโฆษณา เครื่องรูดบัตรเครดิต เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับจีพีอาร์เอส ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่า อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใดๆ แต่ก่อให้เกิดภาระด้านการเงินกับคนขับแท็กซี่ถึง 63,000 บาท ตนคิดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้โครงการนี้เป็นเป็นประโยชน์กับคนขับแท็กซี่อย่างจริงจัง
“เห็นได้ว่า นอกจากปัญหาอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ก่อให้เกิดภาระทางการเงินยังเกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างกฎกระทรวงกับมติคณะรัฐมนตรีไม่ได้รองรับกับการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ ปรากฎว่าผู้ประกอบการที่ถูกบังคับให้ติดตั้งอุปกรณ์ เมื่อไปต่อทะเบียนมิเตอร์ที่กรมขนส่งทางบกกลับได้รับคำตอบว่าจะต้องถอดอุปกรณ์เหล่านี้ทิ้ง”รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เอาใจใส่ ไม่ได้ให้ความจริงใจทำให้นโยบายนี้นำไปสู่การปฏิบัติได้ ผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ไปแล้วขอให้รัฐบาลเข้าไปเยียวยาและแก้ไขเพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ขอให้รัฐบาลเร่งรัดปรับปรุงโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ก.ย. 2549--จบ--
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่าตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แทนที่ พ.ต.ท.ทักษิณมาบอกว่าสื่อว่าไม่เป็นกลาง พ.ต.ท.ทักษิณควรจะพิจารณาตัวเองว่าได้ทำในสิ่งที่เหมาะสม มีความโปร่งใสมากน้อยแค่ไหน ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้สื่อมวลชนรายงานข่าวดี การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณต้องมีความโปร่งใส แต่ถ้าพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีความอึมครึม มีความไม่โปร่งใส ตนคิดว่าการจะไปโทษว่าสื่อไม่เป็นกลางเป็นเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มคนขับรถแท็กซี่เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เนื่องจากอุปกรณ์ที่คนขับแท็กซี่ได้รับติดตั้งจากโครงการแท็กซี่เอื้ออาทรไม่ได้มาตรฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ความผิดพลาดจากโครงการแท็กซี่เอื้ออาทรนี้เป็นอีกกรณีที่เกิดขึ้นในหลายโครงการเอื้ออาทรที่ผ่านมา ตนคิดว่าสาเหตุที่โครงการนี้ล้มเหลวเพราะรัฐบาลมุ่งหวังจะได้คะแนนเสียงเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้เข้าไปดูแลขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการเหล่านี้อย่างแท้จริง
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า โครงการแท็กซี่เอื้ออาทรมีการกำหนดให้ติดอุปกรณ์ 3 ชิ้นในรถ รวมทั้งจอโฆษณา เครื่องรูดบัตรเครดิต เครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับจีพีอาร์เอส ปัจจุบันพิสูจน์แล้วว่า อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใดๆ แต่ก่อให้เกิดภาระด้านการเงินกับคนขับแท็กซี่ถึง 63,000 บาท ตนคิดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้โครงการนี้เป็นเป็นประโยชน์กับคนขับแท็กซี่อย่างจริงจัง
“เห็นได้ว่า นอกจากปัญหาอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ก่อให้เกิดภาระทางการเงินยังเกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างกฎกระทรวงกับมติคณะรัฐมนตรีไม่ได้รองรับกับการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ ปรากฎว่าผู้ประกอบการที่ถูกบังคับให้ติดตั้งอุปกรณ์ เมื่อไปต่อทะเบียนมิเตอร์ที่กรมขนส่งทางบกกลับได้รับคำตอบว่าจะต้องถอดอุปกรณ์เหล่านี้ทิ้ง”รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เอาใจใส่ ไม่ได้ให้ความจริงใจทำให้นโยบายนี้นำไปสู่การปฏิบัติได้ ผู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ไปแล้วขอให้รัฐบาลเข้าไปเยียวยาและแก้ไขเพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ขอให้รัฐบาลเร่งรัดปรับปรุงโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ก.ย. 2549--จบ--