ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ผ่อนเกณฑ์ให้ ธพ.ให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ธพ. นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการด้าน
เสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกหนังสือเวียนถึง ธพ.ทุกแห่ง ยกเว้นกิจการวิเทศธนกิจ
ของสาขา ธพ.ต่างประเทศ เกี่ยวกับการผ่อนผันการให้สินเชื่อหรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง และการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของ
ธพ.ที่ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ ธพ.ด้วยมติเอกฉันท์ เพื่อให้ยืดหยุ่นในทางปฏิบัติ โดย ธพ.สามารถมอบอำนาจให้คณะกรรมการสินเชื่อ
หรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อหรือการลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องตามเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่ ธพ.กำหนด
โดยต้องนำสินเชื่อหรือการลงทุนนั้นเข้าขอรับสัตยาบันในการประชุมครั้งถัดไป และได้รับมติเป็นเอกฉันท์ทุกกรณี (ผู้จัดการรายวัน, แนวหน้า)
2. ธปท.เตรียมร่างกฎหมายต่าง ๆ ภายใต้การกำกับดูแลให้ ก.คลังพิจารณา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมร่างกฎหมายต่าง ๆ ภายใต้การกำกับดูแลให้ ก.คลังพิจารณา โดยกฎหมายที่เตรียม
เสนอ ได้แก่ พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝาก พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับการ
กำกับดูแลสถาบันการเงิน และยังเป็นเรื่องที่ค้างอยู่ที่ ธปท. จึงจำเป็นต้องดำเนินเรื่องให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายใน
การกำกับดูแลสถาบันการเงินผ่านเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสถาบันการเงินดีขึ้นทั้งสถาบันการและผู้บริโภคที่จะได้ใช้บริการที่ดีด้วย
นอกจากนี้ หากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน เชื่อว่าจะทำให้ระบบสถาบันการเงินมีการ
ครอบคลุมการกำกับดูแลในทุก ๆ ด้านอย่างเต็มที่ (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
3. กรมส่งเสริมการส่งออกกำหนดเป้าหมายการส่งออกไทยในปี 50 ขยายตัวร้อยละ 10-12 อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก
เปิดเผยว่า กรมกำหนดเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 50 ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 10-12 มูลค่า 140,000-143,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ลดลงจากปี 49 ที่คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ในระดับร้อยละ 15-17 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งภาวะราคาน้ำมัน แม้ว่า
สถานการณ์ปัจจุบันระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง แต่ก็ยังทรงตัวในระดับสูง และยังมีความผันผวนที่จะกลับปรับราคาสูงขึ้นได้อีก รวมถึง
สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก ทำให้ประเทศต่าง ๆ เข้ามาใช้นโยบายเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ดูแลเรื่องเงินเฟ้อเป็นผลให้เกิดการแข็งค่าของเงินบาทไทย
ทำให้ราคาสินค้าไทยส่งออกแพงขึ้น ประกอบกับปัจจัยการก่อการร้ายในประเทศต่าง ๆ และข้อกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (เอ็นทีบี) ที่ประเทศต่างๆ
จะใช้มากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, มติชน)
4. 21 โบรกเกอร์จากสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ปรับประมาณการผลการดำเนินงานงวดปีนี้ลงร้อยละ 3.30 จากการรวบรวมการ
ประมาณการตารางสรุปค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรสุทธิ บจ.ทั้งตลาด และรายหมวดอุตสาหกรรมของ 21 โบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของสมาคม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์พบว่า หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ณ 30 กันยายน 2549 ได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิลงร้อยละ
3.3 เหลือ 4.91 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไร 5.08 แสนล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในงวดปี 50 ได้ปรับลดประมาณการลง
ร้อยละ 4.41 โดยกำไรสุทธิจะเหลือ 5.09 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5.32 แสนล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นที่ระดับ 92.3 จากระดับ 85.4 ในเดือนก่อนหน้า รายงาน
จากนิวยอร์กเมื่อ 13 ต.ค.49 The University of Michigan เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.
(Consumer sentiment index) ในเดือน ต.ค.49 ว่าเพิ่มขึ้นที่ระดับ 92.3 จากระดับ 85.4 ในเดือนก่อนหน้า สูงกว่าการคาดการณ์ของ
นักเศรษฐศาสตร์จากวอลล์สตรีทซึ่งคาดว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 86.5 โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง สำหรับดัชนีความเชื่อมั่น
เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน (Current conditions index) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 106.1 จากระดับ 96.6 และดัชนีความคาดหวังของ
ผู้บริโภค (Consumer expectations index) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 83.4 จากระดับ 78.2 ในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ผลการสำรวจพบว่า
ผู้บริโภคต่างคาดหมายอัตราเงินเฟ้อในช่วงเวลา 1 ปีที่ระดับร้อยละ 2.9 ลดลงจากระดับร้อยละ 3.1 ในเดือนก่อนหน้า และคาดหมายอัตรา
เงินเฟ้อในช่วงเวลา 5 ปี ที่ระดับร้อยละ 3.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.0 ในเดือนก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน ก.ย.49 ลดลงจากผลของราคาน้ำมันที่ลดลง รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 13 ต.ค.49
ก.พาณิชย์ สรอ. รายงานยอดค้าปลีกลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.ย.49 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ในขณะที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์ก่อนหน้านี้
คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผลจากยอดขายของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงร้อยละ 9.3 ลดลงในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์
จากผลของราคาน้ำมันที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.50 ดอลลาร์ สรอ. ต่อแกลลอนเมื่อต้นเดือน ก.ย.49 จากราคาประมาณ 3.00 ดอลลาร์ สรอ.
ต่อแกลลอนเมื่อต้นเดือน ส.ค.49 โดยหากไม่รวมยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ต่อเดือน
(รอยเตอร์)
3. สินค้าคงคลังของธุรกิจใน สรอ. ในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 49
ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค. สินค้าคงคลังของธุรกิจเพิ่มขึ้น 1.36 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) หรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน ก.ค. มากกว่าที่ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
นั้นว่าสินค้าคงคลังของธุรกิจจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ทั้งนี้ยอดสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และอุปกรณ์การ
ทำสวนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ขณะที่สินค้าคงคลังในส่วนของสินค้าเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลับลดลง ทั้งนี้สินค้าคง
คลังของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากการที่ยอดขายชะลอลง สำหรับยอดขายของธุรกิจในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่
ระดับ 1.08 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.ค. ทั้งนี้สัดส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขาย
ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าใดในการขายสินค้าคงคลังต่อยอดขายในปัจจุบัน ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก.ค. คืออยู่ที่ระดับ
1.26 เดือน (รอยเตอร์)
4. คาดว่าการส่งออกของสิงคโปร์เดือน ก.ย.49 จะเติบโตสูงสุดในปีนี้ รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.49
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ในเดือน ก.ย.49 จะเพิ่มขึ้น
เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ที่ระดับร้อยละ 4.8 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 6.4 และร้อยละ 1 ในเดือน ส.ค. และ ก.ค.49 ตามลำดับ และจะ
เป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 ในเดือน ธ.ค. โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงที่เพิ่มขึ้น
มากและยอดขายสินค้าประเภทเวชภัณฑ์ฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่อ่อนตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ถ้าเปรียบเทียบข้อมูลกับปีก่อนคาดว่าการ
ส่งออกของสิงคโปร์ในเดือน ก.ย.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 อย่างไรก็ตาม ธ.กลางสิงคโปร์ยังเชื่อว่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะชะลอ
ตัวลงเนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจ สรอ. และคาดว่าเศรษฐกิจทั้งปีนี้จะเติบโตที่ระดับร้อยละ 6.5 — 7.5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ต.ค. 49 13 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.453 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.2734/37.5580 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 712.05/19.56 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,200/10,300 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.77 54.21 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 6 ต.ค. 49 25.59*/24.14* 25.59*/24.14* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ผ่อนเกณฑ์ให้ ธพ.ให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ธพ. นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการด้าน
เสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ออกหนังสือเวียนถึง ธพ.ทุกแห่ง ยกเว้นกิจการวิเทศธนกิจ
ของสาขา ธพ.ต่างประเทศ เกี่ยวกับการผ่อนผันการให้สินเชื่อหรือลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง และการให้สินเชื่อแก่ผู้ถือหุ้นของ
ธพ.ที่ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ ธพ.ด้วยมติเอกฉันท์ เพื่อให้ยืดหยุ่นในทางปฏิบัติ โดย ธพ.สามารถมอบอำนาจให้คณะกรรมการสินเชื่อ
หรือคณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อหรือการลงทุนในกิจการที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องตามเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อที่ ธพ.กำหนด
โดยต้องนำสินเชื่อหรือการลงทุนนั้นเข้าขอรับสัตยาบันในการประชุมครั้งถัดไป และได้รับมติเป็นเอกฉันท์ทุกกรณี (ผู้จัดการรายวัน, แนวหน้า)
2. ธปท.เตรียมร่างกฎหมายต่าง ๆ ภายใต้การกำกับดูแลให้ ก.คลังพิจารณา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.เตรียมร่างกฎหมายต่าง ๆ ภายใต้การกำกับดูแลให้ ก.คลังพิจารณา โดยกฎหมายที่เตรียม
เสนอ ได้แก่ พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ร.บ.สถาบันประกันเงินฝาก พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับการ
กำกับดูแลสถาบันการเงิน และยังเป็นเรื่องที่ค้างอยู่ที่ ธปท. จึงจำเป็นต้องดำเนินเรื่องให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายใน
การกำกับดูแลสถาบันการเงินผ่านเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสถาบันการเงินดีขึ้นทั้งสถาบันการและผู้บริโภคที่จะได้ใช้บริการที่ดีด้วย
นอกจากนี้ หากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน เชื่อว่าจะทำให้ระบบสถาบันการเงินมีการ
ครอบคลุมการกำกับดูแลในทุก ๆ ด้านอย่างเต็มที่ (ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
3. กรมส่งเสริมการส่งออกกำหนดเป้าหมายการส่งออกไทยในปี 50 ขยายตัวร้อยละ 10-12 อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก
เปิดเผยว่า กรมกำหนดเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 50 ขยายตัวที่ระดับร้อยละ 10-12 มูลค่า 140,000-143,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ลดลงจากปี 49 ที่คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ในระดับร้อยละ 15-17 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งภาวะราคาน้ำมัน แม้ว่า
สถานการณ์ปัจจุบันระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง แต่ก็ยังทรงตัวในระดับสูง และยังมีความผันผวนที่จะกลับปรับราคาสูงขึ้นได้อีก รวมถึง
สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก ทำให้ประเทศต่าง ๆ เข้ามาใช้นโยบายเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ดูแลเรื่องเงินเฟ้อเป็นผลให้เกิดการแข็งค่าของเงินบาทไทย
ทำให้ราคาสินค้าไทยส่งออกแพงขึ้น ประกอบกับปัจจัยการก่อการร้ายในประเทศต่าง ๆ และข้อกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (เอ็นทีบี) ที่ประเทศต่างๆ
จะใช้มากขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์, ไทยรัฐ, มติชน)
4. 21 โบรกเกอร์จากสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ปรับประมาณการผลการดำเนินงานงวดปีนี้ลงร้อยละ 3.30 จากการรวบรวมการ
ประมาณการตารางสรุปค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรสุทธิ บจ.ทั้งตลาด และรายหมวดอุตสาหกรรมของ 21 โบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของสมาคม
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์พบว่า หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ณ 30 กันยายน 2549 ได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิลงร้อยละ
3.3 เหลือ 4.91 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไร 5.08 แสนล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในงวดปี 50 ได้ปรับลดประมาณการลง
ร้อยละ 4.41 โดยกำไรสุทธิจะเหลือ 5.09 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5.32 แสนล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.ในเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นที่ระดับ 92.3 จากระดับ 85.4 ในเดือนก่อนหน้า รายงาน
จากนิวยอร์กเมื่อ 13 ต.ค.49 The University of Michigan เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สรอ.
(Consumer sentiment index) ในเดือน ต.ค.49 ว่าเพิ่มขึ้นที่ระดับ 92.3 จากระดับ 85.4 ในเดือนก่อนหน้า สูงกว่าการคาดการณ์ของ
นักเศรษฐศาสตร์จากวอลล์สตรีทซึ่งคาดว่าดัชนีจะเพิ่มขึ้นที่ระดับ 86.5 โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง สำหรับดัชนีความเชื่อมั่น
เกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน (Current conditions index) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 106.1 จากระดับ 96.6 และดัชนีความคาดหวังของ
ผู้บริโภค (Consumer expectations index) เพิ่มขึ้นที่ระดับ 83.4 จากระดับ 78.2 ในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ผลการสำรวจพบว่า
ผู้บริโภคต่างคาดหมายอัตราเงินเฟ้อในช่วงเวลา 1 ปีที่ระดับร้อยละ 2.9 ลดลงจากระดับร้อยละ 3.1 ในเดือนก่อนหน้า และคาดหมายอัตรา
เงินเฟ้อในช่วงเวลา 5 ปี ที่ระดับร้อยละ 3.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.0 ในเดือนก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของ สรอ.ในเดือน ก.ย.49 ลดลงจากผลของราคาน้ำมันที่ลดลง รายงานจากวอชิงตันเมื่อ 13 ต.ค.49
ก.พาณิชย์ สรอ. รายงานยอดค้าปลีกลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.ย.49 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ในขณะที่ผลสำรวจโดยรอยเตอร์ก่อนหน้านี้
คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผลจากยอดขายของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงร้อยละ 9.3 ลดลงในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์
จากผลของราคาน้ำมันที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.50 ดอลลาร์ สรอ. ต่อแกลลอนเมื่อต้นเดือน ก.ย.49 จากราคาประมาณ 3.00 ดอลลาร์ สรอ.
ต่อแกลลอนเมื่อต้นเดือน ส.ค.49 โดยหากไม่รวมยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยอดค้าปลีกในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ต่อเดือน
(รอยเตอร์)
3. สินค้าคงคลังของธุรกิจใน สรอ. ในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 49
ก.พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค. สินค้าคงคลังของธุรกิจเพิ่มขึ้น 1.36 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) หรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือน ก.ค. มากกว่าที่ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
นั้นว่าสินค้าคงคลังของธุรกิจจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ทั้งนี้ยอดสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และอุปกรณ์การ
ทำสวนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ขณะที่สินค้าคงคลังในส่วนของสินค้าเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลับลดลง ทั้งนี้สินค้าคง
คลังของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากการที่ยอดขายชะลอลง สำหรับยอดขายของธุรกิจในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นอยู่ที่
ระดับ 1.08 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.5 ในเดือน ก.ค. ทั้งนี้สัดส่วนสินค้าคงคลังต่อยอดขาย
ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าใดในการขายสินค้าคงคลังต่อยอดขายในปัจจุบัน ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก.ค. คืออยู่ที่ระดับ
1.26 เดือน (รอยเตอร์)
4. คาดว่าการส่งออกของสิงคโปร์เดือน ก.ย.49 จะเติบโตสูงสุดในปีนี้ รายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.49
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันของสิงคโปร์ในเดือน ก.ย.49 จะเพิ่มขึ้น
เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ที่ระดับร้อยละ 4.8 หลังจากที่ลดลงร้อยละ 6.4 และร้อยละ 1 ในเดือน ส.ค. และ ก.ค.49 ตามลำดับ และจะ
เป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 ในเดือน ธ.ค. โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงที่เพิ่มขึ้น
มากและยอดขายสินค้าประเภทเวชภัณฑ์ฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่อ่อนตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ถ้าเปรียบเทียบข้อมูลกับปีก่อนคาดว่าการ
ส่งออกของสิงคโปร์ในเดือน ก.ย.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 อย่างไรก็ตาม ธ.กลางสิงคโปร์ยังเชื่อว่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะชะลอ
ตัวลงเนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจ สรอ. และคาดว่าเศรษฐกิจทั้งปีนี้จะเติบโตที่ระดับร้อยละ 6.5 — 7.5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 16 ต.ค. 49 13 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.453 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.2734/37.5580 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12063 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 712.05/19.56 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,400/10,500 10,200/10,300 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.77 54.21 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 6 ต.ค. 49 25.59*/24.14* 25.59*/24.14* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--