แท็ก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
องอาจ คล้ามไพบูลย์
พรรคประชาธิปัตย์
ราชดำเนิน
น้ำท่วม
วันนี้ ( 2 ธ.ค. 49) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในวันที่ 5 ธันวาคม 2549 นี้เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยเสด็จจากพระตำหนักจิตรดารโหฐานผ่านถนนราชดำเนิน ดังนั้นทางพรรคประชาธิปัตย์จึงมีหนังสือเวียนไปถึงกรรมการบริหารพรรค อดีต ส.ส. สก. สข สาขาพรรคในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลใกล้เคียงให้มาร่วมตั้งแถวรับเสด็จสองฝั่งถนนราชดำเนินจากพระตำหนักจิตรดารโหฐานถึงวัดพระศรีรัตนศาสดารามและรอส่งเสด็จกลับพร้อมทั้งร่วมในพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพร ณ ท้องสนามหลวง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงนัดหมายสมาชิกพรรคที่จะไปพร้อมกัน ณ บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ถนนราชดำเนิน โดยขอให้ทุกท่านร่วมสวมเสื้อสีเหลืองพร้อมตราสัญลักษณ์ทุกท่าน
นอกจากนี้นายองอาจยังได้เสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งแม้ว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ได้เริ่มลดลง แต่บางพื้นที่ยังทรงตัวอยู่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าอีกในไม่ช้าสถานการณ์น้ำท่วมก็จะคลี่คลายลงไปแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังการเกิดปัญหาน้ำท่วม คือ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วม ในส่วนนี้พรรคประชาธิปัตย์โดยนายองอาจ ได้เรียกร้อง พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลที่จะให้ดำเนินการ โดยเสนอให้มีการประสานการทำงานแบบบูรณาการจากทุกกระทรวงทบวงกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเฉพาะพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เสียสละยอมให้น้ำเข้าไปท่วมขังอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง พื้นที่เหล่านี้ รัฐบาลควรให้การช่วยเหลือเป็นพิเศษ รวมทั้งพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกพืชผลราคาแพงและฟาร์มปศุสัตว์
ทั้งนี้นายองอาจยังมีข้อเสนอถึงรัฐบาลทั้งแบบการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการแก้ไขปัญหาพื้นฐานระยะยาว 5 ประการ ประการแรก คือ หลังน้ำลด รัฐบาลต้องเตรียมแก้ปัญหาภัยแล้งตามมา เพราะเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขั้นมาอย่างต่อเนื่องทุกครั้งเมื่อหลังเกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้น ประการที่ 2 รัฐบาลต้องจัดหาข้าวสารอาหารแห้งให้ประชาชนบางส่วนได้ยังชีพก่อนถึงฤดูกาลที่จะเกิดขึ้นต่อไปในช่วงต่อไป โดยขณะนี้ได้มีข้าวและพืชผลการเกษตรจากรัฐบาลชุดที่แล้วรับจำนำเอาไว้ มาแก้ไขเฉพาะหน้าให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ ประการที่ 3 คือ รัฐบาลต้องเตรียมพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์แจกจ่ายให้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ประการที่ 4 คือ การเร่งสร้างงานในพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มให้ชาวบ้านมีรายได้ในการเลี้ยงชีพ รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างงานในพื้นที่เหล่านี้ให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งเข้ามีรายได้เพื่อเลี้ยงชีพเพื่อจะได้ไม่มาเป็นขอทานในกรุงเทพมหานครหรือในเมืองใหญ่ๆอย่างที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ และประการสุดท้าย คือ อยากจะให้รัฐบาลจี้ไปที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ในเรื่องของการพักชำระหนี้กับเกษตรกรที่เดือดร้อน ส่วนการแก้ไขการแก้ปัญหาพื้นฐานระยะยาว คือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการใช้ทางน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่กระทำการกีดขวางทางน้ำการระบายน้ำต่างๆ นอกจากนั้นจะต้องเข้าไปดูแลป่าต้นน้ำ แหล่งน้ำทางน้ำรวมทั้งพื้นที่ชุ่มน้ำ และเรื่องของการเก็บกักน้ำ ที่กระทบกระเทือนกับบางพื้นที่ การใช้ที่ดินภาคเกษตรกับอุตสาหกรรม โดยนายองอาจเห็นว่ารัฐบาลอาจจะต้องเริ่มแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นปัญหาตามฤดูกาล และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งน่าจะมีการวางแผนป้องกันอุทกภัยทุกมิติอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะต้องมีการสังคายนาครั้งใหญ่
สำหรับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องประชาชนให้เวลาและกำลังใจแก่รัฐบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงภัยในพื้นที่ เพราะกลุ่มผู้ก่อการพยายามใช้จุดอ่อนต่าง ๆ โจมตีประชาชนทั้งครู นักเรียน และพระสงฆ์ อย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น
“เพราะฉะนั้น ผมคิดว่ามาถึงวันนี้เราคงจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันทั้งประเทศ ที่จะพร้อมให้เวลากับรัฐบาล ให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหาร่วมกัน”
สำหรับคดียุบพรรคการเมืองที่มีการสร้างกระแสว่าหากยุบพรรคไทยรักไทยแล้วต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามพร้อมกันด้วย เพื่อความเป็นธรรม นายองอาจเห็นว่าไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง แต่ว่าควรพิจารณาที่เหตุผลและพยานหลักฐาน ตลอดจนความสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้หรือไม่มากกว่า
“เพราะฉะนั้น ผมอยากจะฝากให้สังคมช่วยพิจารณาในเรื่องนี้นะครับว่า ขอให้การดำเนินคดียุบพรรคนั้นเป็นไปตามข้อเท็จจริงของการพิจารณาตามข้อกล่าวหา มากกว่าที่จะมีแนวคิดว่า ถ้ายุบพรรคใดพรรคหนึ่งแล้วต้องยุบอีกพรรคหนึ่งด้วยเพื่อความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นวิธีคิดแบบนั้นหรือแนวคิดแบบนั้น หรือกระแสที่กำลังสร้างกันให้เกิดขึ้นในขณะนี้นั้น น่าจะไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องหรือความคิดที่ถูกต้อง”
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม ที่ท้องสนามหลวงนั้นนายองอาจกล่าวว่ารัฐบาลควรเร่งตรวจสอบในเรื่องนี้เพราะมีการเปิดเผยว่ากลุ่มผู้ร่วมชุมนุมอาจจะถูกว่าจ้างจากกลุ่มอำนาจเก่าให้ทำการเคลื่อนไหว ซึ่งรัฐบาลสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก เนื่องจากผู้ที่ออกมาเปิดเผยนั้นเป็นใคร และผู้ที่ถูกพาดพิงเป็นใคร นายองอาจเชื่อว่า กลุ่มของผู้ชุมนุมจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธิ์ใจ และกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพราะโดนจ้างวานจากกลุ่มอำนาจเก่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ธ.ค. 2549--จบ--
นอกจากนี้นายองอาจยังได้เสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งแม้ว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ได้เริ่มลดลง แต่บางพื้นที่ยังทรงตัวอยู่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าอีกในไม่ช้าสถานการณ์น้ำท่วมก็จะคลี่คลายลงไปแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังการเกิดปัญหาน้ำท่วม คือ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วม ในส่วนนี้พรรคประชาธิปัตย์โดยนายองอาจ ได้เรียกร้อง พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลที่จะให้ดำเนินการ โดยเสนอให้มีการประสานการทำงานแบบบูรณาการจากทุกกระทรวงทบวงกรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเฉพาะพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เสียสละยอมให้น้ำเข้าไปท่วมขังอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง พื้นที่เหล่านี้ รัฐบาลควรให้การช่วยเหลือเป็นพิเศษ รวมทั้งพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกพืชผลราคาแพงและฟาร์มปศุสัตว์
ทั้งนี้นายองอาจยังมีข้อเสนอถึงรัฐบาลทั้งแบบการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการแก้ไขปัญหาพื้นฐานระยะยาว 5 ประการ ประการแรก คือ หลังน้ำลด รัฐบาลต้องเตรียมแก้ปัญหาภัยแล้งตามมา เพราะเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขั้นมาอย่างต่อเนื่องทุกครั้งเมื่อหลังเกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้น ประการที่ 2 รัฐบาลต้องจัดหาข้าวสารอาหารแห้งให้ประชาชนบางส่วนได้ยังชีพก่อนถึงฤดูกาลที่จะเกิดขึ้นต่อไปในช่วงต่อไป โดยขณะนี้ได้มีข้าวและพืชผลการเกษตรจากรัฐบาลชุดที่แล้วรับจำนำเอาไว้ มาแก้ไขเฉพาะหน้าให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ ประการที่ 3 คือ รัฐบาลต้องเตรียมพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์แจกจ่ายให้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ประการที่ 4 คือ การเร่งสร้างงานในพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มให้ชาวบ้านมีรายได้ในการเลี้ยงชีพ รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างงานในพื้นที่เหล่านี้ให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งเข้ามีรายได้เพื่อเลี้ยงชีพเพื่อจะได้ไม่มาเป็นขอทานในกรุงเทพมหานครหรือในเมืองใหญ่ๆอย่างที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ และประการสุดท้าย คือ อยากจะให้รัฐบาลจี้ไปที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ในเรื่องของการพักชำระหนี้กับเกษตรกรที่เดือดร้อน ส่วนการแก้ไขการแก้ปัญหาพื้นฐานระยะยาว คือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการใช้ทางน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่กระทำการกีดขวางทางน้ำการระบายน้ำต่างๆ นอกจากนั้นจะต้องเข้าไปดูแลป่าต้นน้ำ แหล่งน้ำทางน้ำรวมทั้งพื้นที่ชุ่มน้ำ และเรื่องของการเก็บกักน้ำ ที่กระทบกระเทือนกับบางพื้นที่ การใช้ที่ดินภาคเกษตรกับอุตสาหกรรม โดยนายองอาจเห็นว่ารัฐบาลอาจจะต้องเริ่มแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นปัญหาตามฤดูกาล และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งน่าจะมีการวางแผนป้องกันอุทกภัยทุกมิติอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะต้องมีการสังคายนาครั้งใหญ่
สำหรับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องประชาชนให้เวลาและกำลังใจแก่รัฐบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงภัยในพื้นที่ เพราะกลุ่มผู้ก่อการพยายามใช้จุดอ่อนต่าง ๆ โจมตีประชาชนทั้งครู นักเรียน และพระสงฆ์ อย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น
“เพราะฉะนั้น ผมคิดว่ามาถึงวันนี้เราคงจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันทั้งประเทศ ที่จะพร้อมให้เวลากับรัฐบาล ให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ผนึกกำลังกันแก้ไขปัญหาร่วมกัน”
สำหรับคดียุบพรรคการเมืองที่มีการสร้างกระแสว่าหากยุบพรรคไทยรักไทยแล้วต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ตามพร้อมกันด้วย เพื่อความเป็นธรรม นายองอาจเห็นว่าไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง แต่ว่าควรพิจารณาที่เหตุผลและพยานหลักฐาน ตลอดจนความสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้หรือไม่มากกว่า
“เพราะฉะนั้น ผมอยากจะฝากให้สังคมช่วยพิจารณาในเรื่องนี้นะครับว่า ขอให้การดำเนินคดียุบพรรคนั้นเป็นไปตามข้อเท็จจริงของการพิจารณาตามข้อกล่าวหา มากกว่าที่จะมีแนวคิดว่า ถ้ายุบพรรคใดพรรคหนึ่งแล้วต้องยุบอีกพรรคหนึ่งด้วยเพื่อความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นวิธีคิดแบบนั้นหรือแนวคิดแบบนั้น หรือกระแสที่กำลังสร้างกันให้เกิดขึ้นในขณะนี้นั้น น่าจะไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องหรือความคิดที่ถูกต้อง”
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม ที่ท้องสนามหลวงนั้นนายองอาจกล่าวว่ารัฐบาลควรเร่งตรวจสอบในเรื่องนี้เพราะมีการเปิดเผยว่ากลุ่มผู้ร่วมชุมนุมอาจจะถูกว่าจ้างจากกลุ่มอำนาจเก่าให้ทำการเคลื่อนไหว ซึ่งรัฐบาลสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ไม่ยาก เนื่องจากผู้ที่ออกมาเปิดเผยนั้นเป็นใคร และผู้ที่ถูกพาดพิงเป็นใคร นายองอาจเชื่อว่า กลุ่มของผู้ชุมนุมจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธิ์ใจ และกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพราะโดนจ้างวานจากกลุ่มอำนาจเก่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ธ.ค. 2549--จบ--