กรุงเทพ--1 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับนายออสการ์ มาอูรตุอา เด โรมาญา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปรู เพื่อร่วมแสวงหาหนทางและวิถีทางในการกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเปรูให้เพิ่มยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองต่างแสดงความพึงพอใจต่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งมีการพัฒนาและกระชับแน่นขึ้นมาโดยตลอดนับแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองได้กำหนดสาขาความร่วมมือในอนาคตที่มีศักยภาพหลายสาขา เช่น สาขาพลังงาน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเปรูแสดงความยินดีที่นักลงทุนไทยสนใจที่จะเข้าไปสำรวจแหล่งน้ำมันในเปรู ซึ่งยังมีพื้นที่ที่ไม่ได้มีการสำรวจอีกมาก
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้แจ้งเกี่ยวกับความสนใจของฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมประมูลสัมปทานป่าไม้ซึ่งรัฐบาลเปรูอนุญาตให้เป็นระยะเวลา 50 ปี เนื่องจากบริษัทไทยมีศักยภาพในการนำไม้จากป่าของเปรูมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยใช้ประโยชน์จากการที่เปรูได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
โดยที่ประเทศไทยมีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจโรงแรมและการบริการ รัฐมนตรีต่างประเทศเปรู จึงกล่าวเชิญชวนให้ไทยไปลงในทุนด้านการก่อสร้างและการบริหารธุรกิจโรงแรมระดับโลกที่เปรู และเนื่องจากเปรูจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (APEC) ในปี 2551 ธุรกิจด้านการโรงแรมจึงศักยภาพสูง นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารจัดการท่าเรือและท่าอากาศยาน ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงได้ตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้สำหรับบริษัทไทยที่จะไปดำเนินธุรกิจในสาขานี้ที่เปรู
สาขาความร่วมมือที่มีศักยภาพอีกสาขาหนึ่ง ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากเปรูไม่มีอุตสาหกรรมท้องถิ่น เปรูจึงจะเป็นตลาดส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยได้อย่างดี ซึ่งอุตสาหกรรมนี้กำลังมีการขยายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสองฝ่ายเสร็จสิ้นลงในระยะอันใกล้
ในเรื่องการนำเข้าข้าวไทย ฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่ายเปรูช่วยเร่งรัดกระบวนการประกาศในกรอบ WTO เกี่ยวกับมาตรการสุขอนามัยสำหรับการนำเข้าข้าวไทยในเปรู
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองต่างเห็นถึงคุณประโยชน์ของการทำงานร่วมกันและการเสริม ซึ่งกันและกันทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเปรูซึ่งขณะนี้กำลังมีการพัฒนายิ่งขึ้น และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่แนบแน่นจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับภาคเอกชนของทั้งสองประเทศได้อย่างกว้างขวางต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับนายออสการ์ มาอูรตุอา เด โรมาญา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปรู เพื่อร่วมแสวงหาหนทางและวิถีทางในการกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับเปรูให้เพิ่มยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองต่างแสดงความพึงพอใจต่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งมีการพัฒนาและกระชับแน่นขึ้นมาโดยตลอดนับแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองได้กำหนดสาขาความร่วมมือในอนาคตที่มีศักยภาพหลายสาขา เช่น สาขาพลังงาน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเปรูแสดงความยินดีที่นักลงทุนไทยสนใจที่จะเข้าไปสำรวจแหล่งน้ำมันในเปรู ซึ่งยังมีพื้นที่ที่ไม่ได้มีการสำรวจอีกมาก
รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้แจ้งเกี่ยวกับความสนใจของฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมประมูลสัมปทานป่าไม้ซึ่งรัฐบาลเปรูอนุญาตให้เป็นระยะเวลา 50 ปี เนื่องจากบริษัทไทยมีศักยภาพในการนำไม้จากป่าของเปรูมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป โดยใช้ประโยชน์จากการที่เปรูได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
โดยที่ประเทศไทยมีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจโรงแรมและการบริการ รัฐมนตรีต่างประเทศเปรู จึงกล่าวเชิญชวนให้ไทยไปลงในทุนด้านการก่อสร้างและการบริหารธุรกิจโรงแรมระดับโลกที่เปรู และเนื่องจากเปรูจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (APEC) ในปี 2551 ธุรกิจด้านการโรงแรมจึงศักยภาพสูง นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านการบริหารจัดการท่าเรือและท่าอากาศยาน ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงได้ตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้สำหรับบริษัทไทยที่จะไปดำเนินธุรกิจในสาขานี้ที่เปรู
สาขาความร่วมมือที่มีศักยภาพอีกสาขาหนึ่ง ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากเปรูไม่มีอุตสาหกรรมท้องถิ่น เปรูจึงจะเป็นตลาดส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยได้อย่างดี ซึ่งอุตสาหกรรมนี้กำลังมีการขยายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสองฝ่ายเสร็จสิ้นลงในระยะอันใกล้
ในเรื่องการนำเข้าข้าวไทย ฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่ายเปรูช่วยเร่งรัดกระบวนการประกาศในกรอบ WTO เกี่ยวกับมาตรการสุขอนามัยสำหรับการนำเข้าข้าวไทยในเปรู
รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองต่างเห็นถึงคุณประโยชน์ของการทำงานร่วมกันและการเสริม ซึ่งกันและกันทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเปรูซึ่งขณะนี้กำลังมีการพัฒนายิ่งขึ้น และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่แนบแน่นจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับภาคเอกชนของทั้งสองประเทศได้อย่างกว้างขวางต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-