ในเดือนกันยายน 2549 เครื่องชี้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า ในด้านอุปสงค์ การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ขณะที่ปริมาณการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกยังคงขยายตัวดีต่อเนื่องทำให้ดุลการค้าเกินดุล
ด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ขณะที่ผลผลิตภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้นทำให้รายได้เกษตรกรปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แม้ว่าราคาพืชผลชะลอตัวลง สำหรับการท่องเที่ยวชะลอลงเช่นเดียวกัน แต่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุลต่อเนื่องและฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์สูง ส่วนอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนและอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2549 เศรษฐกิจโดยรวมจากเครื่องชี้ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน โดย ด้านอุปสงค์ การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งจากราคาน้ำมันที่ลดลง และความเชื่อมั่นของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะต่อไปที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับมูลค่า การส่งออกที่ยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ปริมาณการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม (พืชผล) ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ขยายตัวชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เพราะไตรมาสก่อนขยายตัวจากฐานที่ต่ำในช่วงต้นปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เสถียรภาพเศรษฐกิจในไตรมาสนี้อยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงมากจากไตรมาสก่อน เช่นเดียวกับดุลบัญชีเดินสะพัดที่กลับเป็นเกินดุล เทียบกับที่ขาดดุลในไตรมาสก่อน ส่วนฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์มั่นคง
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 5.0 ชะลอลงจากเดือนก่อน ตามอุปสงค์ที่ลดลงในสินค้าหมวดสิ่งทอ เหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนการผลิตในหมวดเครื่องหนัง และหมวดเครื่องเรือน ลดลงตามความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง นอกจากนี้ ในเดือนนี้ยังมีการปิดซ่อมโรงงานปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม หมวดอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวดีตามการส่งออก หมวดเครื่องดื่มผลิตเพื่อสะสมสต็อก และหมวดอาหารเพิ่มขึ้น จากการผลิตน้ำมันพืช เพราะวัตถุดิบมีปริมาณมากและราคาถูกลง และจากการส่งออกสับปะรดกระป๋อง
สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 73.3 ลดลงจากร้อยละ 74.2 ในเดือนก่อน เนื่องจาก การปิดซ่อมโรงงานปิโตรเคมีและโรงงานกระดาษ
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.3 ใกล้เคียงกับ ไตรมาสก่อน โดยหมวดอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลักเป็นแรงผลักดันสำคัญ และหมวดที่ผลิตเพื่อขายในประเทศ เป็นหลักปรับตัวดีขึ้น แต่หมวดที่ผลิตเพื่อขายในประเทศและส่งออกชะลอลงมาก ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตใน ไตรมาสที่ 3 ปี 2549 อยู่ที่ร้อยละ 73.9 ใกล้เคียงกับร้อยละ 73.8 ในไตรมาสก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 2.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัว ของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวในอัตราที่สูง เนื่องจากฐานปีก่อนต่ำและการเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ในเดือนนี้ เช่นเดียวกับ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ที่ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี ดัชนี การลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.6 ตามเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรที่ขยายตัว เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัว เนื่องจากฐานสูงในเดือนเดียวกันปีก่อน สำหรับเครื่องชี้การลงทุนในหมวดก่อสร้างค่อนข้างทรงตัว โดยปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวดีเมื่อเทียบกับ ระยะเดียวกันปีก่อน แต่พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างยังมีแนวโน้มลดลง
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 2.0 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้ที่ขยายตัวดีได้แก่ ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย รวมถึงปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ก่อนหน้านี้ลดลงต่อเนื่อง กลับมาค่อนข้างทรงตัวจากราคาน้ำมันที่ลดลง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.6 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้ทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และหมวดก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 111.0 พันล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.6 โดยรายได้ภาษีลดลงร้อยละ 9.4 จากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดลงร้อยละ 8.9 เพราะฐานปีก่อนที่สูงจากการชำระภาษีเพิ่มเติม นอกจากนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มหดตัวลงถึงร้อยละ 24.6 จากฐานปีก่อนที่สูงเพราะมีการชำระภาษีย้อนหลังของกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าที่ซื้อขาย ไฟฟ้าระหว่างกันจำนวน 14.1 พันล้านบาท แต่ได้มีการขอคืนภาษีทั้งจำนวนในเดือนเดียวกัน ซึ่งเมื่อหักรายการพิเศษนี้ออกภาษีมูลค่าเพิ่มจะขยายตัวร้อยละ 8.2 และรายได้รัฐบาลจะขยายตัวร้อยละ 6.0 สำหรับรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 จากการนำส่งรายได้ให้รัฐงวดแรกของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นสำคัญ ดุลเงินสดรัฐบาลเกินดุลเงินสด 69.8 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 138.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2549 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,581.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 7.3 สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณเล็กน้อย แต่เมื่อหักการถอนคืนภาษี และการโอนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ท้องถิ่นแล้ว ทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,339.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.9 ต่ำกว่า ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (1,360 พันล้านบาท) ทั้งสิ้น 20.6 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้า เกินดุล 1.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยการส่งออก มีมูลค่าสูงถึง 11.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ขยายตัวร้อยละ 14.5 โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ในการผลิตสูงได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม การนำเข้ามีมูลค่า 10.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 9.1 ตามการนำเข้าสินค้าในหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โลหะ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรรวม ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และเครื่องจักร ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุล 227 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตาม การชะลอลงของรายรับจากการท่องเที่ยวที่ชะลอลงจากเดือนก่อน จากการที่นักท่องเที่ยวชะลอดูสถานการณ์ทางการเมือง ในประเทศ ขณะที่รายจ่ายผลประโยชน์จากการลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เนื่องจากเป็นช่วงตกงวดการส่งกลับกำไร และเงินปันผล ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 2.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 อยู่ที่ระดับ 61.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 4.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ดุลการค้า เกินดุล 1.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่า 34.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3 การนำเข้ามีมูลค่า 33.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 ดุลบริการ รายได้และเงินโอน เกินดุล 0.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 2.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 3.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 จากราคาในหมวดพลังงาน ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง(ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลง 2.50 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลง 3.00 บาท) และราคาในหมวดอาหารสด ที่อัตราการขยายตัวชะลอลงเล็กน้อย ตามราคาเนื้อสัตว์และผักและผลไม้ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.9 แต่เมื่อปรับฤดูกาลและเทียบกับเดือนก่อน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 0.1 จากค่ารถโดยสารในต่างจังหวัดและสินค้าที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดที่ปรับเพิ่มขึ้น
ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 โดยเป็นผลจากการชะลอลงในทุกหมวด โดยเฉพาะราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ลดลง
สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2549 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิต เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.6 1.9 และ 6.2 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน เงินฝากธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 8.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนชะลอลงจาก เดือนก่อน ส่วนหนึ่งเพื่อลดภาระการนำส่งเงินให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จากการปิดงวดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์รายใหม่ เงินฝากขยายตัวร้อยละ 5.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับสิทธิเรียกร้องจากภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ 1/ ขยายตัวร้อยละ 5.7 ชะลอลงจากเดือนสิงหาคมเช่นกันตามการลดลงของสินเชื่อที่ให้แก่สถาบันการเงินอื่นและการชะลอตัวของสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจ ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ รวมทั้งการตัดสินเชื่อออกจากบัญชีและการโอนสินเชื่อไปยัง AMC สิทธิเรียกร้องฯ ขยายตัวร้อยละ 5.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 อยู่ที่ระดับ 786.6 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนปริมาณเงิน M2 M2a M3 และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money)2/ ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ในอัตราร้อยละ 8.4 6.5 7.5 และ 7.9 ตามลำดับ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมาถึงช่วงวันที่ 1 - 20 ตุลาคม 2549 ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันทรงตัว เนื่องจากไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 6 กันยายนและ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา
7. ค่าเงินบาท ในเดือนกันยายน 2549 เฉลี่ยอยู่ที่ 37.43 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือน สิงหาคมที่ 37.64 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แต่เคลื่อนไหวผันผวนเป็นบางช่วง ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของเดือนค่าเงินบาทแตะระดับที่แข็งที่สุดในรอบ 6 ปีครึ่งที่ 37.20 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดเหตุการณ์ปฎิรูปการปกครองในวันที่ 19 กันยายน ค่าเงินบาทอ่อนลงไปถึงระดับ 37.95 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติกังวลต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์ แต่เมื่อสถานการณ์มีความชัดเจนขึ้น ค่าเงินบาทก็กลับแข็งค่าขึ้นอีกครั้งมาอยู่ที่ 37.54 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ณ สิ้นเดือน
ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 37.69 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเฉลี่ย 38.13 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสก่อน
ระหว่างวันที่ 1-20 ตุลาคม 2549 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงสิ้นเดือนกันยายน โดยเฉลี่ย อยู่ที่ 37.49 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ขณะที่ผลผลิตภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้นทำให้รายได้เกษตรกรปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แม้ว่าราคาพืชผลชะลอตัวลง สำหรับการท่องเที่ยวชะลอลงเช่นเดียวกัน แต่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุลต่อเนื่องและฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์สูง ส่วนอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนและอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2549 เศรษฐกิจโดยรวมจากเครื่องชี้ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน โดย ด้านอุปสงค์ การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งจากราคาน้ำมันที่ลดลง และความเชื่อมั่นของทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะต่อไปที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น เช่นเดียวกับมูลค่า การส่งออกที่ยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ปริมาณการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ด้านอุปทาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรม (พืชผล) ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย สำหรับภาคบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ขยายตัวชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เพราะไตรมาสก่อนขยายตัวจากฐานที่ต่ำในช่วงต้นปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เสถียรภาพเศรษฐกิจในไตรมาสนี้อยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงมากจากไตรมาสก่อน เช่นเดียวกับดุลบัญชีเดินสะพัดที่กลับเป็นเกินดุล เทียบกับที่ขาดดุลในไตรมาสก่อน ส่วนฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในเกณฑ์มั่นคง
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 5.0 ชะลอลงจากเดือนก่อน ตามอุปสงค์ที่ลดลงในสินค้าหมวดสิ่งทอ เหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ส่วนการผลิตในหมวดเครื่องหนัง และหมวดเครื่องเรือน ลดลงตามความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง นอกจากนี้ ในเดือนนี้ยังมีการปิดซ่อมโรงงานปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม หมวดอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวดีตามการส่งออก หมวดเครื่องดื่มผลิตเพื่อสะสมสต็อก และหมวดอาหารเพิ่มขึ้น จากการผลิตน้ำมันพืช เพราะวัตถุดิบมีปริมาณมากและราคาถูกลง และจากการส่งออกสับปะรดกระป๋อง
สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 73.3 ลดลงจากร้อยละ 74.2 ในเดือนก่อน เนื่องจาก การปิดซ่อมโรงงานปิโตรเคมีและโรงงานกระดาษ
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.3 ใกล้เคียงกับ ไตรมาสก่อน โดยหมวดอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลักเป็นแรงผลักดันสำคัญ และหมวดที่ผลิตเพื่อขายในประเทศ เป็นหลักปรับตัวดีขึ้น แต่หมวดที่ผลิตเพื่อขายในประเทศและส่งออกชะลอลงมาก ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตใน ไตรมาสที่ 3 ปี 2549 อยู่ที่ร้อยละ 73.9 ใกล้เคียงกับร้อยละ 73.8 ในไตรมาสก่อน
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 2.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัว ของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวในอัตราที่สูง เนื่องจากฐานปีก่อนต่ำและการเปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ในเดือนนี้ เช่นเดียวกับ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ที่ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี ดัชนี การลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.6 ตามเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรที่ขยายตัว เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัว เนื่องจากฐานสูงในเดือนเดียวกันปีก่อน สำหรับเครื่องชี้การลงทุนในหมวดก่อสร้างค่อนข้างทรงตัว โดยปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวดีเมื่อเทียบกับ ระยะเดียวกันปีก่อน แต่พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างยังมีแนวโน้มลดลง
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2549 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 2.0 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้ที่ขยายตัวดีได้แก่ ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย รวมถึงปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ที่ก่อนหน้านี้ลดลงต่อเนื่อง กลับมาค่อนข้างทรงตัวจากราคาน้ำมันที่ลดลง ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.6 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยเครื่องชี้ทั้งในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และหมวดก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 111.0 พันล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.6 โดยรายได้ภาษีลดลงร้อยละ 9.4 จากภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดลงร้อยละ 8.9 เพราะฐานปีก่อนที่สูงจากการชำระภาษีเพิ่มเติม นอกจากนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่มหดตัวลงถึงร้อยละ 24.6 จากฐานปีก่อนที่สูงเพราะมีการชำระภาษีย้อนหลังของกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าที่ซื้อขาย ไฟฟ้าระหว่างกันจำนวน 14.1 พันล้านบาท แต่ได้มีการขอคืนภาษีทั้งจำนวนในเดือนเดียวกัน ซึ่งเมื่อหักรายการพิเศษนี้ออกภาษีมูลค่าเพิ่มจะขยายตัวร้อยละ 8.2 และรายได้รัฐบาลจะขยายตัวร้อยละ 6.0 สำหรับรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 จากการนำส่งรายได้ให้รัฐงวดแรกของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นสำคัญ ดุลเงินสดรัฐบาลเกินดุลเงินสด 69.8 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 138.5 พันล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับทั้งปีงบประมาณ 2549 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บรวม 1,581.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 7.3 สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณเล็กน้อย แต่เมื่อหักการถอนคืนภาษี และการโอนภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ท้องถิ่นแล้ว ทำให้รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวม 1,339.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.9 ต่ำกว่า ประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (1,360 พันล้านบาท) ทั้งสิ้น 20.6 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้า เกินดุล 1.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เกินดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยการส่งออก มีมูลค่าสูงถึง 11.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ขยายตัวร้อยละ 14.5 โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ในการผลิตสูงได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม การนำเข้ามีมูลค่า 10.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 9.1 ตามการนำเข้าสินค้าในหมวดเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โลหะ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรรวม ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และเครื่องจักร ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุล 227 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตาม การชะลอลงของรายรับจากการท่องเที่ยวที่ชะลอลงจากเดือนก่อน จากการที่นักท่องเที่ยวชะลอดูสถานการณ์ทางการเมือง ในประเทศ ขณะที่รายจ่ายผลประโยชน์จากการลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เนื่องจากเป็นช่วงตกงวดการส่งกลับกำไร และเงินปันผล ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 1.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงิน เกินดุล 2.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 อยู่ที่ระดับ 61.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 4.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 ดุลการค้า เกินดุล 1.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่า 34.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.3 การนำเข้ามีมูลค่า 33.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 ดุลบริการ รายได้และเงินโอน เกินดุล 0.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 2.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ดุลการชำระเงินเกินดุล 3.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 จากราคาในหมวดพลังงาน ตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง(ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลง 2.50 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลง 3.00 บาท) และราคาในหมวดอาหารสด ที่อัตราการขยายตัวชะลอลงเล็กน้อย ตามราคาเนื้อสัตว์และผักและผลไม้ สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเท่ากับเดือนก่อนที่ร้อยละ 1.9 แต่เมื่อปรับฤดูกาลและเทียบกับเดือนก่อน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 0.1 จากค่ารถโดยสารในต่างจังหวัดและสินค้าที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดที่ปรับเพิ่มขึ้น
ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.8 โดยเป็นผลจากการชะลอลงในทุกหมวด โดยเฉพาะราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ลดลง
สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2549 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน และดัชนีราคาผู้ผลิต เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.6 1.9 และ 6.2 ตามลำดับ
6. ภาวะการเงิน เงินฝากธนาคารพาณิชย์ในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 8.3 จากระยะเดียวกันปีก่อนชะลอลงจาก เดือนก่อน ส่วนหนึ่งเพื่อลดภาระการนำส่งเงินให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ จากการปิดงวดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์รายใหม่ เงินฝากขยายตัวร้อยละ 5.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน สำหรับสิทธิเรียกร้องจากภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ 1/ ขยายตัวร้อยละ 5.7 ชะลอลงจากเดือนสิงหาคมเช่นกันตามการลดลงของสินเชื่อที่ให้แก่สถาบันการเงินอื่นและการชะลอตัวของสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจ ทั้งนี้ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่ รวมทั้งการตัดสินเชื่อออกจากบัญชีและการโอนสินเชื่อไปยัง AMC สิทธิเรียกร้องฯ ขยายตัวร้อยละ 5.5 จากระยะเดียวกันปีก่อน
ฐานเงิน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 อยู่ที่ระดับ 786.6 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนปริมาณเงิน M2 M2a M3 และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money)2/ ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ในอัตราร้อยละ 8.4 6.5 7.5 และ 7.9 ตามลำดับ
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนกันยายน 2549 ต่อเนื่องมาถึงช่วงวันที่ 1 - 20 ตุลาคม 2549 ทั้งอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันทรงตัว เนื่องจากไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 6 กันยายนและ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา
7. ค่าเงินบาท ในเดือนกันยายน 2549 เฉลี่ยอยู่ที่ 37.43 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือน สิงหาคมที่ 37.64 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แต่เคลื่อนไหวผันผวนเป็นบางช่วง ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของเดือนค่าเงินบาทแตะระดับที่แข็งที่สุดในรอบ 6 ปีครึ่งที่ 37.20 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดเหตุการณ์ปฎิรูปการปกครองในวันที่ 19 กันยายน ค่าเงินบาทอ่อนลงไปถึงระดับ 37.95 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติกังวลต่อความไม่แน่นอนของสถานการณ์ แต่เมื่อสถานการณ์มีความชัดเจนขึ้น ค่าเงินบาทก็กลับแข็งค่าขึ้นอีกครั้งมาอยู่ที่ 37.54 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ณ สิ้นเดือน
ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 เงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 37.69 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากค่าเฉลี่ย 38.13 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสก่อน
ระหว่างวันที่ 1-20 ตุลาคม 2549 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงสิ้นเดือนกันยายน โดยเฉลี่ย อยู่ที่ 37.49 บาทต่อดอลลาร์ สรอ.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--