การค้าไทย-ออสเตรเลีย ขยายตัว ผู้ประกอบการควรเร่งประโยชน์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 27, 2006 15:19 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

            กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ คาดการค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลียปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหลัง 5 เดือนแรกปีนี้มูลค่าการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น  พร้อมชักชวนผู้ประกอบการไทยใช้สิทธิประโยชน์จากการเปิดการค้าเสรี  และส่งเสริมคนไทยเข้าไปทำงานในสาขาบริการให้มากขึ้น
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าในปีนี้คาดว่ามูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลียจะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก โดยมูลค่าการค้าระหว่างกันได้เพิ่มขึ้นมาโดยตลอดนับจากปี 2546 มูลค่าการค้า 3,727.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเป็น4,665.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2547 เพิ่มเป็น 6,434.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2548 และใน 5 เดือนแรกของปีนี้มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย อยู่ที่ 2,902.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขยายตัวถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการค้า 2,637.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ เนื่องจากมีการเข้ามาใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลียมากขึ้น ซึ่งข้อตกลงนี้ครอบคลุมทั้งการเปิดเสรีสินค้า บริการ และการลงทุน และความร่วมมืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้า มีการขจัดปัญหาอุปสรรคในการค้า และการลงทุน ทำให้ช่วยส่งเสริมและสร้างโอกาสทางการค้า และกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในการเร่งพัฒนาประสิทธิภาพของผู้ประกอบการ รวมถึงการเข้าทำตลาดในประเทศออสเตรเลียมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2548 ซึ่งความตกลงเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ทำให้การค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งด้านการส่งออกและนำเข้าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งความตกลงยังไม่มีผลใช้บังคับ
นอกจากนี้การเปิดเสรีการค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ยังช่วยให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรของไทยเข้าสู่ออสเตรเลียได้ง่ายขึ้น โดยสินค้าเกษตรที่ไทยให้ความสำคัญและสามารถเข้าตลาด ออสเตรเลียได้ คือ ลำไย ลิ้นจี่ มังคุด สับปะรด ปลาสวยงาม ส่วนสินค้าเกษตรที่อยู่ระหว่างดำเนินการ คือ ทุเรียน มะม่วง
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับออสเตรเลียในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ จำนวน 2,902.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออก 1,544.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9 จากมูลค่าส่งออกปีก่อนอยู่ที่ 1,180.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 1,358.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.8 จากปีก่อนนำเข้า 1,457.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยได้ดุลการค้า 186.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนไทยขาดดุลการค้า 277.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยสินค้าส่งออกสำคัญมี อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องปรับอากาศ อาหารทะเลกระป๋องและสำเร็จรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก
ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ด้ายและเส้นใย เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ถ่านหิน เคมีภัณฑ์ นมและผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ทั้งนี้ การนำเข้าทองคำมีอัตราลดลงถึงร้อยละ 49.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่นำเข้า 542.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเหลือ 275.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยควรใช้ประโยชน์จากความตกลง ซึ่งไทยจะได้เปรียบคู่แข่งในด้านภาษีที่ต่ำกว่าในการวางแผนขยายตลาดในออสเตรเลียและเร่งปรับตัวรองรับการค้าโลกเพื่อให้สินค้ามีการพัฒนาสามารถแข่งขันกับสินค้าของชาติอื่นๆ ในระดับสากลได้ต่อไป
นอกจากนี้คนไทยควรใช้สิทธิประโยชน์ในด้านสาขาบริการที่ออสเตรเลียเปิดเสรีให้ไทยเข้าไปตั้งกิจการ ให้บริการ และให้ทำงานได้ คือ บริการธุรกิจ เช่น วิชาชีพ (ที่ปรึกษากฎหมาย บัญชี ภาษี สถาปัตยกรรม วิศวกรรม ธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์) บริการก่อสร้าง บริการด้านการศึกษาทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และมหาวิทยาลัย ตลอดจนสถาบันสอนภาษาไทย สถาบันสอนทำอาหารไทย และสถาบันสอนนวดไทย บริการสุขภาพ บริการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัตตาคาร ซึ่งยินยอมให้พ่อครัวไทยเข้าไปทำงานได้
ประโยชน์จากการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ซึ่งมีทั้งการลดภาษีนำเข้าและการลด กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า และการเข้าไปทำงานของคนไทย ทำให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าในราคาที่ถูกลง การนำเข้าวัตถุดิบในราคาที่ถูกลง ต้นทุนการผลิตถูกลง แข่งได้ดีขึ้น ขายสินค้าได้มากขึ้นเป็น การเพิ่มช่องทางลงทุนในตลาดใหม่ แหล่งนำเข้าวัตถุดิบใหม่ และคนไทยได้รับความสะดวกในการเข้าไปทำงานมากกว่าชาติอื่น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ