นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัย แจ้งว่าในปัจจุบันราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้ประชาชนเริ่มเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันมาเป็นก๊าซไม่ว่าจะเป็น NGV หรือ LPG ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในการทำประกันภัยรถทั้งที่ใช้น้ำมันและใช้ก๊าซ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับการทำประกันภัยรถยนต์ ดังนี้
1. การกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ มีปัจจัยที่นำมาใช้ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย ได้แก่ ประเภทรถ ลักษณะการใช้รถ อายุรถยนต์ อายุผู้ขับขี่ (กรณีกรมธรรม์ระบุชื่อผู้ขับขี่) จำนวนเงินเอาประกันภัย กลุ่มรถยนต์ และอุปกรณ์เพิ่มพิเศษ ( ถ้ามี) ไม่ได้นำปัจจัยในเรื่องการติดตั้งระบบก๊าซ NGV และ LPG มาใช้ในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย
2. การติดตั้งระบบก๊าซNGV และ LPG สำหรับการประกันภัยรถภาคสมัครใจประเภท 1 จะมีผลให้จำนวนเงินเอาประกันภัยตัวรถเพิ่มขึ้น เนื่องจากการประกันภัยประเภท 1 จะให้ความคุ้มครองรวมถึงอุปกรณ์ เครื่องตกแต่ง หรือสิ่งที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์ ฉะนั้น ในการกำหนดจำนวนเบี้ยประกันภัย จะต้องคิดรวมมูลค่าของอุปกรณ์ที่ติดตั้งดังกล่าวไว้ในจำนวนเงินเอาประกันภัยตัวรถด้วย
3. หากมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับระบบก๊าซ NGV และ LPG เจ้าของรถ มีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัททราบ เนื่องจากหากเจ้าของรถไม่ได้แจ้งการติดตั้งอุปกรณ์หลังจากการ รับประกันภัยแล้ว หากเกิดเหตุและรถคันเอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด ความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันภัยอาจไม่สมบูรณ์ ดังนี้
1) หากรถคันเอาประกันภัยเสียหายสิ้นเชิง บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ทำไว้เท่านั้น นั่นคือ จำนวนเงินที่ยังไม่รวมมูลค่าอุปกรณ์ของระบบก๊าซที่ติดตั้งเพิ่มเติม
2) หากอุปกรณ์ติดตั้งระบบก๊าซดังกล่าวได้รับความเสียหายจะไม่ได้รับความคุ้มครอง
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการติดตั้งระบบก๊าซดังกล่าวก่อนการรับประกันภัย ซึ่ง โดยหลักปฏิบัติแล้ว ถือว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งขึ้นมานี้ เป็นส่วนหนึ่งของตัวรถคันเอาประกันภัยอยู่แล้ว ในการประกันภัยประเภท 1 เมื่อเกิดเหตุ บริษัทฯจะต้องให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อบุคคลภายนอก และ ความเสียหายต่อตัวรถคันเอาประกันภัย ซึ่งรวมถึงความเสียหายและสูญหายของอุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มเติมนี้ด้วย
นางสาวพจนีย์ฯ กล่าวย้ำว่าการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัย ไม่ได้คำนึงถึงว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงชนิดใดในการขับเคลื่อน แต่จะพิจารณาจากประเภท และลักษณะการใช้รถเป็นสำคัญ แต่สิ่งสำคัญเจ้าของรถที่ต้องการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเป็นใช้ก๊าซไม่ว่า NGV หรือ LPG ก็ตาม ต้องมั่นใจว่าได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆจากร้านที่ได้มาตรฐาน เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยจากการใช้รถ นอกจากนี้ ขอให้เจ้าของรถที่มีการติดตั้งระบบก๊าซดังกล่าวได้มีการแจ้งข้อมูลให้บริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยรถของท่านทราบด้วย เพื่อสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการประกันภัยอย่างครบถ้วน และหากประชาชนท่านใดถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธการรับประกันภัยเนื่องจากการใช้ก๊าซ NGV หรือ LPG ก็ตาม โปรดแจ้งให้กรมการประกันภัยทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับหากมีบริษัทใดปฏิเสธการรับประกันภัย กรมการประกันภัยจะได้ลงโทษตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ต่อไป
หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถ สามารถสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่กรมการประกันภัย โทร. 0-2547-4524 หรือสายด่วนประกันภัย 1186
ที่มา: http://www.doi.go.th