กรุงเทพ--30 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเยือนกรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน (Kingdom of Bahrain) ในวันที่ 28 ตุลาคม 2549 ตามคำเชิญของกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน เพื่อหารือข้อราชการระหว่างกัน
รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ มีกำหนดเข้าเฝ้า H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน เพื่อหารือข้อราชการและถวายสารของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แด่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน (ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่) นอกจากนี้ ยังมีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะ H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Al Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน และเยี่ยมชมศูนย์ Thailand Business Center ซึ่งได้เปิดทำการเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549 ภายใต้พระราชูปถัมภ์ของนายกรัฐมนตรีบาห์เรน
ประเด็นที่สำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันได้แก่ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-บาห์เรน (High Joint Commission-HJC) ครั้งต่อไป ซึ่งได้มีการประชุมครั้งที่ 1 ไปเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2547 ที่กรุงมานามา การจัดทำเขตการค้าเสรีไทย- GCC (Gulf Cooperation Council) ความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue) ซึ่งบาห์เรนเป็นประเทศหลักในการผลักดันด้านความร่วมมือด้านพลังงาน (energy prime mover) และการเปิดสถานเอกอัครราชทูตบาห์เรนในประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2549
ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ จะได้หารือเกี่ยวกับการเสด็จเยือนประเทศไทยของ King Hamad bin Isa al Khalifa กษัตริย์บาห์เรนในปี 2550 ด้วย (นรม.บาห์เรนเสด็จฯ ร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อมิถุนายน 2549)
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไทยและบาห์เรนพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันอย่างรวดเร็ว มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูง การลงนามในความตกลงว่าด้วยการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจไทย-บาห์เรน การจัดตั้งศูนย์ Thai Business Center และการลงนามความตกลงด้านการบิน บริษัทน้ำมัน BAPCO กับ ปตทสผ. กำลังดำเนินความร่วมมือด้านน้ำมันระหว่างกัน บาห์เรนยังเป็นประเทศหนึ่งที่สนับสนุนท่าทีไทยอย่างแข็งขันใน OIC นอกจากนี้ ผู้นำระดับสูงของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายยังมีความใกล้ชิดคุ้นเคยกัน ผู้นำบาห์เรนและสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นสูงนิยมเดินทางมาพักผ่อนในไทย
ปัจจุบัน มีแรงงานไทยในบาห์เรนประมาณ 2,000 คน เป็นแรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือประมาณ 1,500 คน นอกจากนั้น เป็นคนไทยที่ประกอบกิจการร้านอาหารไทย ช่างทำผม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม จากการที่คนไทยสามารถเดินทางเข้าบาห์เรนได้โดยไม่มีวีซ่า ทำให้มีการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานผิดกฎหมาย และมีปัญหาหญิงไทยค้าประเวณี
บาห์เรนเป็นประเทศในกลุ่มอาหรับ/มุสลิมที่ดำเนินนโยบายสายกลาง เดิมเป็นรัฐบาห์เรน (State of Bahrain) และเปลี่ยนเป็นราชอาณาจักรบาห์เรน (Kingdom of Bahrain) เมื่อปี 2545 ภายใต้กษัตริย์ราชวงศ์ Al Khalifa
เศรษฐกิจของบาห์เรนขึ้นอยู่กับรายได้จากภาคน้ำมันคิดเป็นประมาณร้อยละ 75 ของรายได้ของประเทศอย่างไรก็ตาม จากการมีปริมาณน้ำมันสำรองไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศ GCC อื่นๆ บาห์เรนจึงพยายามเพิ่มการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และหันมาเพิ่มการลงทุนในด้านการกลั่นน้ำมัน การขยายฐานทางเศรษฐกิจ และฐานรายได้เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน การพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคที่มิใช่น้ำมัน เช่น การผลิตอะลูมิเนียม และการพัฒนาให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและธุรกิจการเงินของภูมิภาค เป็นต้น
บาห์เรนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางธุรกิจบริการ การเงินการธนาคาร และการกระจายสินค้าและส่งออกต่อของภูมิภาคอ่าวอาหรับ มีนโยบายส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ การลดการควบคุมและกำกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยภาครัฐ รวมทั้งภาคโทรคมนาคม และการผลิตกระแสไฟฟ้า การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
หลังเสร็จสิ้นการเยือน รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ จะออกเดินทางจากกรุงมานามา วันที่ 29 ตุลาคม 2549 ไปกรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในเรื่องประชาธิปไตยภายใต้กรอบสหประชาชาติ (Sixth International Conference on New or Restored Democracies -ICNRD 6 )
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
นายสวนิต คงสิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเยือนกรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน (Kingdom of Bahrain) ในวันที่ 28 ตุลาคม 2549 ตามคำเชิญของกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน เพื่อหารือข้อราชการระหว่างกัน
รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ มีกำหนดเข้าเฝ้า H.H. Shaikh Khalifa bin Salman Al Khalifa นายกรัฐมนตรีบาห์เรน เพื่อหารือข้อราชการและถวายสารของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี แด่นายกรัฐมนตรีบาห์เรน (ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่) นอกจากนี้ ยังมีกำหนดเข้าเยี่ยมคารวะ H.E. Shaikh Khalid bin Ahmed Al Khalifa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน และเยี่ยมชมศูนย์ Thailand Business Center ซึ่งได้เปิดทำการเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2549 ภายใต้พระราชูปถัมภ์ของนายกรัฐมนตรีบาห์เรน
ประเด็นที่สำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันได้แก่ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงาน การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-บาห์เรน (High Joint Commission-HJC) ครั้งต่อไป ซึ่งได้มีการประชุมครั้งที่ 1 ไปเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2547 ที่กรุงมานามา การจัดทำเขตการค้าเสรีไทย- GCC (Gulf Cooperation Council) ความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue) ซึ่งบาห์เรนเป็นประเทศหลักในการผลักดันด้านความร่วมมือด้านพลังงาน (energy prime mover) และการเปิดสถานเอกอัครราชทูตบาห์เรนในประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2549
ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ จะได้หารือเกี่ยวกับการเสด็จเยือนประเทศไทยของ King Hamad bin Isa al Khalifa กษัตริย์บาห์เรนในปี 2550 ด้วย (นรม.บาห์เรนเสด็จฯ ร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อมิถุนายน 2549)
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไทยและบาห์เรนพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันอย่างรวดเร็ว มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูง การลงนามในความตกลงว่าด้วยการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจไทย-บาห์เรน การจัดตั้งศูนย์ Thai Business Center และการลงนามความตกลงด้านการบิน บริษัทน้ำมัน BAPCO กับ ปตทสผ. กำลังดำเนินความร่วมมือด้านน้ำมันระหว่างกัน บาห์เรนยังเป็นประเทศหนึ่งที่สนับสนุนท่าทีไทยอย่างแข็งขันใน OIC นอกจากนี้ ผู้นำระดับสูงของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายยังมีความใกล้ชิดคุ้นเคยกัน ผู้นำบาห์เรนและสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นสูงนิยมเดินทางมาพักผ่อนในไทย
ปัจจุบัน มีแรงงานไทยในบาห์เรนประมาณ 2,000 คน เป็นแรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือประมาณ 1,500 คน นอกจากนั้น เป็นคนไทยที่ประกอบกิจการร้านอาหารไทย ช่างทำผม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า อย่างไรก็ตาม จากการที่คนไทยสามารถเดินทางเข้าบาห์เรนได้โดยไม่มีวีซ่า ทำให้มีการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานผิดกฎหมาย และมีปัญหาหญิงไทยค้าประเวณี
บาห์เรนเป็นประเทศในกลุ่มอาหรับ/มุสลิมที่ดำเนินนโยบายสายกลาง เดิมเป็นรัฐบาห์เรน (State of Bahrain) และเปลี่ยนเป็นราชอาณาจักรบาห์เรน (Kingdom of Bahrain) เมื่อปี 2545 ภายใต้กษัตริย์ราชวงศ์ Al Khalifa
เศรษฐกิจของบาห์เรนขึ้นอยู่กับรายได้จากภาคน้ำมันคิดเป็นประมาณร้อยละ 75 ของรายได้ของประเทศอย่างไรก็ตาม จากการมีปริมาณน้ำมันสำรองไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศ GCC อื่นๆ บาห์เรนจึงพยายามเพิ่มการสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และหันมาเพิ่มการลงทุนในด้านการกลั่นน้ำมัน การขยายฐานทางเศรษฐกิจ และฐานรายได้เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน การพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคที่มิใช่น้ำมัน เช่น การผลิตอะลูมิเนียม และการพัฒนาให้ประเทศเป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและธุรกิจการเงินของภูมิภาค เป็นต้น
บาห์เรนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางธุรกิจบริการ การเงินการธนาคาร และการกระจายสินค้าและส่งออกต่อของภูมิภาคอ่าวอาหรับ มีนโยบายส่งเสริมการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ การลดการควบคุมและกำกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยภาครัฐ รวมทั้งภาคโทรคมนาคม และการผลิตกระแสไฟฟ้า การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
หลังเสร็จสิ้นการเยือน รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ จะออกเดินทางจากกรุงมานามา วันที่ 29 ตุลาคม 2549 ไปกรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในเรื่องประชาธิปไตยภายใต้กรอบสหประชาชาติ (Sixth International Conference on New or Restored Democracies -ICNRD 6 )
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-