นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้(4 ก.พ. 49)ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นว่า การชุมนุมของประชาชนที่ต้องการขับไล่นายกฯ มีหลายฝ่ายที่มีความวิตก ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มองว่าน่าจะไม่มีความรุนแรงใด เพราะการชุมนุมดังกล่าวได้ดำเนินการไปภายใต้กฎหมายและเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
อย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีจิตสำนึกในการมองผู้ชุมนุมว่า คือพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ หรือนายกรัฐมนตรี ขอให้มองว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปเพื่อเรียกร้องสิทธิความชอบธรรมของประชาชนชาวไทย
“ผมอยากย้ำไปยังรัฐบาลว่า รัฐบาลมีหน้าที่ทั้งพฤตินัย และ นิตินัย ในการรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นในแผ่นดิน” นายองอาจ กล่าว
ต่อกรณีการปราศรัยของนายกฯที่มีการให้คำมั่นสัญญาในเรื่องการปฏิรูปการเมืองนายองอาจ กล่าวว่า เป็นคำกล่าวที่ไม่มีหลักประกัน และเป็นคำกล่าวที่เกิดขึ้นจากความกดดันของบุคคลหลายฝ่ายในประเทศ โดยเฉพาะกรณี 3 พรรคการเมืองประกาศจุดยืนไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งครั้งนี้ และการปราศรัยดังกล่าวยังไม่ได้ตอบข้อสงสัยของสังคมในกรณีการซื้อขายหุ้น เพราะการปราศรัยดังกล่าวไม่ได้ชี้แจงอะไร และไม่สามารถสร้างความชัดเจนใด ๆ ได้เลย ส่วนกรณีที่นายกฯบอกว่าหากมีประชาชนมาใช้สิทธิเลือกพรรคไทยรักไทยน้อยกว่า 50 % นั้นพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่เป็นนายกฯนั้น ตนเห็นว่าเป็นคำพูดที่เป็นเหมือนการขอประชาชมติของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 214 เท่านั้น
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้คระกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ตรวจสอบการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย กรณีการปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เชิญชวนประชาชนว่าให้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ให้งดออกเสียง ว่าอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ตามที่เลขธิการการเลือกตั้งได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้
“การที่นายยกเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ และหากไม่ประสงค์ลงคะแนน ให้ลงว่างดออกเสียง ตรงนี้อยากถามไปยังกกต.ว่าจะมีความเห็นว่าอย่างไร การกระทำของนายกฯ เป็นความผิดเช่นเดียวกับที่เลขากกต.เคยพูดไว้หรือไม่” นายสาธิตกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 มี.ค. 2549--จบ--
อย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีจิตสำนึกในการมองผู้ชุมนุมว่า คือพี่น้องร่วมชาติ ไม่ใช่ศัตรูของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ หรือนายกรัฐมนตรี ขอให้มองว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นไปเพื่อเรียกร้องสิทธิความชอบธรรมของประชาชนชาวไทย
“ผมอยากย้ำไปยังรัฐบาลว่า รัฐบาลมีหน้าที่ทั้งพฤตินัย และ นิตินัย ในการรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นในแผ่นดิน” นายองอาจ กล่าว
ต่อกรณีการปราศรัยของนายกฯที่มีการให้คำมั่นสัญญาในเรื่องการปฏิรูปการเมืองนายองอาจ กล่าวว่า เป็นคำกล่าวที่ไม่มีหลักประกัน และเป็นคำกล่าวที่เกิดขึ้นจากความกดดันของบุคคลหลายฝ่ายในประเทศ โดยเฉพาะกรณี 3 พรรคการเมืองประกาศจุดยืนไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งครั้งนี้ และการปราศรัยดังกล่าวยังไม่ได้ตอบข้อสงสัยของสังคมในกรณีการซื้อขายหุ้น เพราะการปราศรัยดังกล่าวไม่ได้ชี้แจงอะไร และไม่สามารถสร้างความชัดเจนใด ๆ ได้เลย ส่วนกรณีที่นายกฯบอกว่าหากมีประชาชนมาใช้สิทธิเลือกพรรคไทยรักไทยน้อยกว่า 50 % นั้นพ.ต.ท.ทักษิณจะไม่เป็นนายกฯนั้น ตนเห็นว่าเป็นคำพูดที่เป็นเหมือนการขอประชาชมติของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 214 เท่านั้น
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้คระกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ตรวจสอบการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย กรณีการปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่เชิญชวนประชาชนว่าให้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแต่ให้งดออกเสียง ว่าอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ตามที่เลขธิการการเลือกตั้งได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้
“การที่นายยกเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ และหากไม่ประสงค์ลงคะแนน ให้ลงว่างดออกเสียง ตรงนี้อยากถามไปยังกกต.ว่าจะมีความเห็นว่าอย่างไร การกระทำของนายกฯ เป็นความผิดเช่นเดียวกับที่เลขากกต.เคยพูดไว้หรือไม่” นายสาธิตกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 มี.ค. 2549--จบ--